วันเสาร์, กันยายน 10, 2559

'แซมเปิล' แสงไฟที่ปลายกระบอกปืน รัฐบาล คสช. ชุดพลเรือนจากการลากตั้ง






จะดูรูปการณ์วิธีทำงานของรัฐบาล คสช. ชุดพลเรือนจากการเลือกตั้งเป้นอย่างไร ดูไม่ยากจากที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้

หลังจากที่รูปธรรมปรากฏ งบประมาณกองทัพปี ๒๕๖๐ เพิ่มจากปีที่แล้วอีก ๕ หมื่นกว่าล้านบาท เป็น ๒ แสน ๑ หมื่นล้าน การปูนบำเหน็จบริวาร คสช. ก็ตามมา





“ฮือฮา ๒ ทีมโฆษกคนดัง รบ.ประยุทธ์ ขึ้นผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ติดยศพลโท”

(พาดหัวข่าวมติชนวันวาน http://www.matichon.co.th/news/279800)

“เส้นทาง พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพ 4 คนใหม่ น้องชาย ผบ.ทบ.”

(อิศรานิวส์คุ้ยมาตีแผ่วันเดียวกัน http://www.isranews.org/south-n…/…/item/49891-art_49891.html)





ขอใช้คอมเม้นต์จาก Atukkit Sawangsuk ชัดเจนถูกใจดี ต่อกรณีแรก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ‘เสธ.ไก่อู’ ติดพลโท

“ผลงานดีเด่น ระเบิดราชประสงค์ก็โทษการเมือง ระเบิดใต้ก็โทษการเมือง

ประเด็นที่ควรตั้งคำถามคือ ไก่อูเพิ่งเป็นพลตรีแค่ ๒ ปี ทหารคนอื่นๆ เป็นพลตรี ๒ ปีแล้วได้เป็นพลโทอย่างไก่อูหรือเปล่า ถ้าเลื่อนยศเร็วขนาดนี้ อีก ๒ ปีคงได้พลเอก แล้วเดี๋ยวก็คงได้อัตราจอมพล (ที่บีกตือถวิลหา)

อ้อ เพิ่งได้อ่านประวัติละเอียดว่าเมื่อปี ๓๕ ไก่อูเป็น ผบ.ร้อยควบคุมฝูงชนด้วยนะ”

อีกคน พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค ที่เติบโตมากับการแถลงข่าว เคยเป็นโฆษกกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ทำหน้าที่แถลงข่าวภาษาอังกฤษ ที่มีเสียงนินทาว่าแปลถูกๆ ผิดๆ แต่ฝรั่งฟังหูซ้ายออกหูขวาเพราะพวกเขามีแหล่งข่าวใกล้ชิดเหตุการณ์กันเองอยู่แล้ว

กรณีสอง “ย้อนดูประวัติ พล.ท.ปิยวัฒน์ ต้องบอกว่าน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะไม่ค่อยได้ผ่านหน่วยคุมกำลังก่อนขึ้นเป็นแม่ทัพเหมือนคนอื่นๆ ฉะนั้นหากมองในแง่ดีจึงต้องถือว่ามี ‘คุณสมบัติพิเศษ’ จริงๆ…

เคยได้รับหน้าที่สำคัญเป็นผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ (ศสฉ.) ตั้งแต่ครองยศพันเอก ช่วงปี ๒๕๕๓” ซึ่งแท้จริงก็คือ “ศูนย์ซักถามและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงของฝ่ายทหาร

เป็นศูนย์ใหญ่ที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถือเป็นแหล่งข้อมูลการข่าวและโครงสร้างกลุ่มก่อความไม่สงบที่ได้จากการซักถามผู้ต้องสงสัย” แต่มีอันเป็นไป

“เมื่อปี ๒๕๕๓ นายสุไลมาน แนซา ผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง ถูกพบเป็นศพในสภาพมีผ้าผูกคอติดกับลูกกรงภายในห้องควบคุมตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเป็นการผูกคอตายเอง และมีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทานกระแสวิจารณ์ได้ จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการปิดศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ในปีถัดมา

จากนั้นในปี ๒๕๕๘ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ก็เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุภายในห้องควบคุมตัวเช่นกัน แต่ครั้งนี้เป็นห้องควบคุมที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘หน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้’ ปัจจุบันคดียังอยู่ในศาล”

ความสามารถพิเศษกว่า ‘จริงๆ’ อยู่ที่ “เพิ่งย้ายมาเป็นพลโทที่ปรึกษากองทัพบกเมื่อเดือนเมษานี่เอง แล้วกลับไปเป็นแม่ทัพเดือนตุลา”

นั่นเรียกว่าเป็นแสงไฟที่ปลายกระบอกปืน (ไม่ใช่ปลายอุโมงก์แบบของ กทม.) ทางด้านความมั่นคง ส่วนทางด้านความอุดมสมบูรณ์ก็ต้องไปฟังกรมส่งเสริมการเกษตรผาย นโยบาย "จ้างชาวนาเลิกปลูกข้าว"

นายคณิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองอธิบดีฯ “เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ ด้วยการจ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ ๒,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นมาตรการสนับสนุนเเละจูงใจให้เกษตรกรลดรอบปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่นทดเเทน”

(http://www.matichon.co.th/news/279488)





“ให้ครัวเรือนละไม่เกิน ๕ ไร่ วงเงินงบประมาณรวม ๖๐๐ ล้านบาท โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)”

โดยสอดรับกับโครงการจ้างชาวนาไปทำไร่ปศุสัตว์ที่ดำเนินการอยู่แล้วโดย ธกส. ซึ่งจ่าย ๑ พันบาทต่อหนึ่งไร่ ชาวนาจะต้องเลือกเอาโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น

ก็พ้นคนวิจารณ์ จาก ‘พันทิพ’ แหล่งเก่า “ต่อไปนี้อะไรล้นตลาดก็เลิกปลูกอย่างงั้นหรอ ยางก็ส่งไปขายดาวอังคาร ถ้าขายที่ดาวอังคารไม่ได้ก็จ้างเลิกกรีดยางซินะ

คิดเอาง่ายเกินไปไหม ปีนี้เลิกปลูก ปีหน้าขาดตลาด ที่นี้เอาไงอ่ะ แก้ปัญหาด้วยปัญหาหรอ ทำไมไม่คิดทำการค้าหาเงินเข้าประเทศละครับ”

ก็เหมือนกับกระทรวงพาณิชย์ “ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี ๒๕๖๐ ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ๓%” นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผย





แม้ว่า “ภาพรวมการส่งออกปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัว ๐.๓% ต่ำกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าจะผลักดันให้การส่งออกขยายตัว ๕%”

(http://www.posttoday.com/biz/gov/453695)

ดูตัวเลขคาดหมายปีนี้กับตั้งเป้าปีหน้าไหงมันก้าวกระโดดสุดโด่งขนาดนั้น จาก ๐.๓ ไปเป็น ๓ นี่ถ้าทำได้ต้องมีปัจจัยสุดเจ๋ง ‘จริงๆ’

ซึ่งทั่น รมว. พาณิชย์แย้มว่า “สาเหตุที่ทำให้การส่งออกปีหน้าขยายตัว ๓% มาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว...

โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะขยายตัว ๓.๔%”

รวมทั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยทั่วโลกล้วนขยายตัวกันทั้งนั้น ซึ่งก็ถูกต้อง กลุ่มอาเซียน (ยกเว้นไทย) อินเดีย รัสเซีย อเมริกา ล้วนเห็นการเติบโตเร็วบ้างช้าบ้างก็ยังเดินหน้ากันไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา (ยกเว้นไทย)

แต่ในสองปีเช่นกันทิศทางเศรษฐกิจไทยถดถอย การส่งออกหดหาย (ไม่รู้ฝีมือใคร) มาตลอด

แล้วจากนี้ไปเพียงข้ามปีส่งออกไทยจะขยายตัวจู๊ด ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ต้อนรับการได้เป็นนายกฯ อย่างสง่างามของประยุทธ์ และรัฐบาล คสช. ละหรือ