วันเสาร์, กันยายน 17, 2559

วิกฤตนักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มต้นแล้ว นักท่องเที่ยวลดลง 50% หลังปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ(คลิป)





นักท่องเที่ยวลดลง 50% หลังปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ(คลิป)


มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 15 ก.ย.2559


ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเผย รัฐบาลปราบทัวร์ศุนย์เหรียญทำนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 50% เตรียมหารือรัฐบาลดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นายสมชาย ชมระกา รักษาการนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวหลังการประชุมหารือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระกระทบจากการที่รัฐบาลเดินหน้าจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ว่า มาตรการดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวโดยใช้บริการกรุ๊ปทัวร์ในเดือนกันยายน ต้องยกเลิกการเดินทางแล้ว 50 ถึง 70% เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน คิดเป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่หายไปประมาณ 2 แสนคน จากปกติมีนักท่องเที่ยวจีนใช้บริการทัวร์ท่องเที่ยวประมาณเดือนละ 3 ถึง 4 แสนคน ขณะที่ยอดบุ๊คกิ้งเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงวันชาติของจีน ขณะนี้ยังไม่มีการจองเข้ามาตามปกติ หากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 8 ถึง 10 ล้านคนต่ำกว่าเป้าได้ และทำให้นักท่องเที่ยวที่มีวันหยุดและต้องการเดินทางในช่วงดังกล่าว เดินทางไปท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ เวียดนาม และฟิลิปปินส์แทน ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะที่ผลกระทบภาพรวมต่อสายการบินในเดือนกันยายน ลดลงไป 30 ถึง 40% โดยเฉพาะเมืองที่เดินทางเป็นกรุ๊ป , สายการบินเช่าเหมาลำยังรอการติดต่อจากผู้ประกอบการที่มีนัดหมายในสัปดาห์หน้า ส่วนเที่ยวบินช่วงวันชาติปลายเดือนกันยายน มีการยกเลิกแล้ว 7 เที่ยวบิน ขณะที่ยอดจองห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัทยา ที่รับทัวร์จีน ลดลงแล้วกว่า 50%

ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นด้วยกับการจัดระเบียบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย แต่ต้องมีเวลาและแนวทางในการปรับตัวที่ชัดเจน จึงเตรียมทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ภาครัฐและเอกชนหารือร่วมกัน วางแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ให้ผู้ประกอบการอ้างอิงกับคู่ค้าในต่างประเทศได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการเป็นเพียงคู่ต้ากับร้านขายของที่ระลึก มีความเป็นอิสระและไม่ได้เป็นเครือข่ายตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยจะเข้ายื่นหนังสือภายใน 1 ถึง 2 วันนี้

ooo


วิกฤตนักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มต้นแล้ว






ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
15 ก.ย. 2559


รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

นโยบายปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของรัฐบาล ที่เริ่มดำเนินการมาในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีน กลุ่มธุรกิจทัวร์ในประเทศไทย กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และอาจลามปามถึงเศรษฐกิจในระดับมหภาคของไทยได้โดยที่รัฐบาลไม่ได้คาดคิด

สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ได้จัดการประชุมสมาชิกที่มีผู้เข้าร่วมการประชุมมากเป็นประวัติการณ์ ผมได้ข้อสรุปบางประการดังนี้คือ 1) บริษัทรับจองตั๋วเครื่องบินถูกยกเลิกแล้ว 70 - 80% 2) ยอดจองห้องพักที่กรุงเทพฯ และพัทยาลดลง 50% 3) สายการบินถูกยกเลิกแล้วราว 20 - 30% 4) จากการคาดการณ์ว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้าไทยในปีนี้ระหว่าง 8 - 10 ล้านคน แต่ผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้มีการคาดการณ์ใหม่ว่าระหว่างวันที่ 12 - 30 กันยายนนี้ นักท่องเที่ยวจากจีนจะหายไปราว 1.6 หมื่นคน และหากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่เหมาะสม ในช่วงเดือนตุลาคมนักท่องเที่ยวจีนจะหายไปกว่า 200,000 คน สูญเสียรายได้ราว 4,000 ล้านบาท สอดคล้องกับนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ที่กล่าวว่าภาพรวมอัตราการเข้าพักโรงแรมลดลงกว่า 50% จาดตลาดทัวร์จีน

จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวพบว่า 1) โรงแรมขนาด 2 - 3 ดาวที่กรุงเทพฯ และพัทยาซึ่งเป็นที่พักของทัวร์จีนประสบภาวะวิกฤตแล้ว เพราะลูกค้าชาวจีนหายไปเป็นจำนวนมาก 2) ธุรกิจทัวร์ขนาดเล็กๆ ต่างพากันปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากยังไม่แน่ใจกับนโยบายของรัฐบาลที่ถือว่าธุรกิจคนไทยที่ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคนจีนที่สวมบัตรคนไทยจะถูกกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ได้ เจ้าของโรงแรมแถวรัชดาภิเษกบอกกับผมว่า ถ้านโยบายของรัฐบาลเป็นแบบนี้ โรงแรมขนาด 2 - 3 ดาว เกือบทั่วทั้งกรุงเทพฯ สามารถจะถูกจับในข้อหาอั้งยี่ได้ เพราะโรงแรมส่วนใหญ่รับลูกค้าจากบริษัทคนไทยที่ถูกจับในข้อหาอั้งยี่ไปแล้ว หากรัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายในเรื่องนี้อย่างทันการณ์ คาดว่าโรงแรมขนาด 2 - 3 ดาวจะปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก 3) โรงแรมขนาด 2 - 3 ดาวที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทัวร์จีนต่างพากันหยุดโครงการลงทุนลงทั้งหมดแล้ว เนื่องจากไม่อาจคาดการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ 4) ในระหว่างวันที่ 1 - 10 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหยุดยาวของประเทศจีน ในปีที่ผ่านมาโรงแรมของไทยจะมียอดผู้เข้าพักเต็มหมดจากนักท่องเที่ยวชาวจีน สำหรับในปีนี้นายกสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่าในช่วงวันที่ 1 – 7 ตุลาคม ยอดจองล่วงหน้าหายเกลี้ยง แต่ผมคาดว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเข้ามาในเดือนตุลาคมอาจลดลงถึง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีที่แล้ว เพราะบริษัททัวร์จีนได้ส่งลูกทัวร์จีนไปมาเลเซีย กัมพูชาและเวียดนามแทน ขณะนี้ยอดจองของโรงแรมทั้งสามประเทศเต็มหมดแล้ว 5) ข้อกล่าวหาของตำรวจท่องเที่ยวเรื่องบริษัทไทยเป็นอั้งยี่มีผลกระทบทั้งต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยทั้งในภาพรวมและต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนด้วย นักท่องเที่ยวชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยขณะนี้ไม่กล้าซื้อสินค้าไทย เพราะข่าวที่ตำรวจท่องเที่ยวประโคมว่าธุรกิจไทยตั้งราคาสินค้าสูงลิ่วและเอาเปรียบนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างรุนแรง ถึงแม้ในขณะนี้ร้านค้าไทยจะลดราคาสินค้าลง 20 - 30% ก็ยังไม่สามารถขายสินค้าได้

จากปัญหาข้างต้นผมเห็นว่า 1) รัฐบาลต้องลงมาจัดการกับปัญหาเรื่องที่ธุรกิจไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ ว่าขอบเขตและความหมายของอั้งยี่กินความแค่ไหน กฎหมายปราบอั้งยี่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า กฎหมายมาตรานี้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบัน รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยใช้ข้อกล่าวหานี้เล่นงานคณะบุคคลที่ต่อต้านการทุจริตของรัฐบาล ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะทบทวนหรือยกเลิกมาตรานี้ไป

2) รัฐบาลต้องเข้ามาจัดการปัญหาทัวร์จีนร่วมกับแอตต้าและสมาคมโรงแรมไทย การจัดการกับทัวร์จีนที่สวมสัญชาติไทยไม่มีใครคัดค้าน แต่ถ้ายังไม่จัดการกับบริษัทของคนไทยอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามหลักนิติธรรม ปัญหาวิกฤติทัวร์จีนอาจยืดเยื้อไปอีกนานจนกลายเป็นวิกฤติการท่องเที่ยวไทยและเป็นวิกฤตของรัฐบาลในท้ายที่สุด

3) หากรัฐบาลปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อไป ความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจนอกเหนือจากคนไทยจำนวนหลายหมื่นคนจะตกงานและส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวของเขาเป็นแสนคนแล้ว ราคาของพืชผัก ผลไม้และอาหารจะตกลง เศรษฐกิจไทยจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนไปราว15,000 - 30,000 ล้านบาทต่อเดือน

รัฐบาลควรเข้ามาจัดระเบียบการท่องเที่ยวเสียใหม่โดยร่วมมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย รัฐบาลจีน และบริษัททัวร์ในประเทศจีนที่เป็นผู้จัดการส่งลูกทัวร์จีนมาให้ทัวร์ไทย ผมพบว่ามีการทุจริตอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำคือบริษัททัวร์ในประเทศจีน จนถึงปลายน้ำคือ บริษัททัวร์ในประเทศไทย บริษัททัวร์จีนที่แปลงสัญชาติเป็นไทย และเจ้าหน้าที่ทางการไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว ผมพบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นจำนวนมากได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งนำความเสื่อมเสียและภาพลักษณ์ที่ดีงามมาสู่ประเทศไทย และ

4) รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อทำการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนโยบายการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ และนโยบายนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจแก่ใคร เพื่อรื้อระบบการท่องเที่ยวไทยให้เกิดความโปร่งใสและเป็นรูปธรรมแก่ผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ ไกด์ และนักท่องเที่ยวชาวจีน