วันอาทิตย์, สิงหาคม 14, 2559

สูตรสำเร็จในยุค คสช. เมื่อตกอยู่ในภาวะมึนงง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตก ก็ฟาดซ้ายป่ายขวาอุตลุด





สองวันผ่านไป บึ้มภาคใต้หลายจังหวัดต่อเนื่องกัน คนตายสี่ คนเจ็บเกือบสี่สิบ ยังไม่มีข้อสรุป ไม่มีข้อยุติ นอกเสียจากป้ายสีการเมืองฝั่งตรงข้าม

ทั้งที่มีการวิเคราะห์รูปการณ์จากผู้เชี่ยวชาญหลายแหล่ง ไปลงที่วิธีการจุดระเบิดและเครื่องกำกับคล้ายกับที่ขบวนการบีอาร์เอ็นมักกระทำ ทางการตำรวจกลับรีบออกมาปฏิเสธ พยายามย้ำหัวตะปูอยู่อย่างเดิม จะให้ไปลงที่เครือข่ายของนักการเมืองให้จงได้

โดยที่ยังไม่สามารถหาเบาะแส หรือ leads ใดๆ เกี่ยวกับการระเบิดได้ ก็หันไปคว้าประเด็นเผาห้างโลตัสเมืองคอน มาสร้าง lead

มีการออกหมายจับชายวัย ๓๒ ปี ชาวสันกำแพง เชียงใหม่ ที่ไปทำงานอยู่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทย เพราะขณะเกิดเหตุมีภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดของเขาอยู่ในห้าง

เจ้าตัวปฏิเสธข้อหาและให้การว่าเขาได้หยุดพักจากงานจึงเดินทางไปนครศรีธรรมราช แล้วเข้าไปในห้างเทสโก้โลตัสเพื่อซื้อถั่วโก๋เก่ติดมือกลับไปยังฐานเจาะ

ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยกขบวนกันขึ้นเฮลิค้อปเตอร์ไปยังฐานขุดเจาะ จึงเป็นข้อวิจารณ์กันลั่นโซเชียลมีเดียว่าเหมือนหนังสายลับ

ผู้ก่อการร้ายคงต้องถึงกับขึ้นฮอบินเข้าเมืองคอนเพื่อลอบวางเพลิง แวะซื้อถั่วโก๋แก่หน่อยนึงแล้วขึ้นฮอบินกลับไปทำงานต่อ

(รายละเอียดข่าวส่วนหนึ่งจาก http://www.matichon.co.th/news/249239)

มีรายงานกระเส็นกระสายจากแหล่งข่าวต่างๆ ว่า มีผู้ต้องสงสัยถูกเรียกตัว นำตัว และควบคุมตัวเพื่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ในการควานหาเบาะแสของระเบิดวันแม่ ที่ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินีพอดีครั้งนี้





รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัส พงษ์เจริญ แถลงอีกว่า มีผุ้ต้องสงสัยราว ๑๐-๒๐ คน ขอให้มามอบตัวเสีย ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ขอให้พูดความจริง และไม่มีการ ‘จับแพะ’ อย่างแน่นอน

นอกนั้นยังได้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับของกลางที่คนร้ายใช้เป็นเครื่องมือประกอบการวางระเบิด ว่าเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อแซมซัง รุ่นฮีโร่ อี ๑๒๐๐ มีสติ๊กเกอร์ประทับตรา MCMC ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมมาเลย์เซีย

(http://www.khaosodenglish.com/…/mothers-day-bombings-arres…/)






เช่นนี้แล้วทั่นรองฯ ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่าการระเบิดอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงนี้ไม่ใช่ฝีมือขบวนการแยกดินแดนสามจังหวัดชายแดนใต้





ซ้ำร้ายวีการเสาะหา ‘ลีดส์’ ของฝ่ายทหารยิ่งสะเปะสะปะ ชนิดไม่ใยดีกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องสงสัย ที่พุ่งเป้าไปที่คนเสื้อแดงก่อนอื่นใด

ดังเช่นที่เกิดขึ้นในจังหวัดอ่างทองในคืนวันแม่เช่นกัน หลังจากมีโทรศัพท์ลึกลับขู่เรื่องการวางระเบิดโรงพยาบาลโพธิ์ทอง แล้วกำลังทหารเข้าตรวจค้นไม่พบร่องรอยใดๆ

พอรุ่งเช้ามีกำลังทหารนอกเครื่องแบบ แต่ติดอาวุธครบ จำนวน ๒๐ นายจู่โจมเข้าค้นร้านลำโพงบ้านหม้อ ของนายวิชัย ผดุงศักดิ์ศรี อายุ ๖๐ ปี หนึ่งในกลุ่มแกนนำ นปช.คนเสื้อแดง จ.อ่างทอง

“ผู้สื่อข่าวช่อง ๓ เข้าไปถ่ายรูปเพื่อรายงานข่าว ปรากฏว่าถูกกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่คุมเชิงอยู่เข้ามาสอบถาม เมื่อทราบว่าเป็นผู้สื่อข่าวจึงบังคับให้ลบภาพที่ถ่ายเอาไว้จนหมด และไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทำข่าว...

ทีมที่เข้าตรวจค้นอ้างว่าเป็นทหารจากกองกำลังรักษาความสงบจากส่วนกลาง ได้รับคำสั่งให้บุกเข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ จ.อ่างทอง ๔ แห่ง แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นที่ใดบ้าง”

(http://www.matichon.co.th/news/249060)

นี่คือวิธีการอย่างรัฐทหาร ที่ไม่ยี่หระกับกระบวนการยุติธรรมในหลักกฎหมาย สักแต่ว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจากปากกระบอกปืนเพื่อแสดงว่าควบคุมได้ แต่ในทางการข่าว หรือวิธีการ intelligence แล้ว ยังไม่มีความสามารถเข้าถึงก้นบึ้งเบื้องลึกของที่มาแห่งการก่อการร้ายได้อย่างฉับไว

เป็นที่รู้กันในแวดวงสื่อต่างประเทศว่า ในยุค คสช. ครองเมืองนี้ เมื่อใดที่เกิดเหตุฉุกเฉินเข้าตาจน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคงหรือด้านเศรษฐกิจ หาก คสช. ออกมากล่าวหากลุ่มการเมืองตรงข้าม หรือโทษรัฐบาลที่แล้วละก็

นั่นคือสูตรสำเร็จในการฟาดซ้ายป่ายขวาเมื่อตกอยู่ในภาวะมึนงง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตก

.....
.....

อัฟเดทจาก 'ใบตองแห้ง'






คลิปของน้องนักข่าวไทยพีบีเอส ซึ่งแย้งว่า พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ไม่ได้พูดว่า "จับผิดตัว" อย่างที่เดลินิวส์ด่วนสรุป แต่ขณะเดียวกัน ฟังให้ดีก็พบว่า ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยืนยันยังไม่ได้ออกหมายจับ (อย่างที่เป็นข่าวครึกโครม) เขาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยเพราะเข้าไปโลตัสและซื้อถั่วโก๋แก่ (บริเวณที่มีการวางระเบิด) ในเวลานั้น จึงต้องสอบปากคำ

ยังไงก็ไม่ผิดประเด็นนะครับ คือถ้าเป็นกระบวนการยุติธรรมปกติ ไม่มี ม.44 ตราบใดที่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอออกหมายจับ ตำรวจก็ทำได้แค่เชิญตัวมาสอบปากคำ ไม่สามารถควบคุมตัวได้ แต่นี่ ม.44 เอาตัวเขาไปแล้วและเป็นข่าวให้เขาเสียหายไปแล้ว พงศพัศก็ให้สัมภาษณ์ยืนยันหลักฐานมัด มัดอะไร ยังไม่มีสักอย่าง

ถ้าต้องการเคลียร์เรื่องนี้ ตำรวจก็เอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ดูสิ ว่าเขาเข้าไปตรงนั้นแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาวางไว้ตรงชั้นวางของ

แต่ถ้าเอาตัวไปคุมไว้ 7 วัน แล้วบอกว่า "สารภาพ" โดยที่ภาพวงจรปิดไม่เห็นชัด ไม่มีผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่นลายนิ้วมือ สารระเบิด ได้โห่เกรียวแน่ครับ


Atukkit Sawangsuk shared Hathai Phahol's post.