วันอาทิตย์, สิงหาคม 28, 2559

กระทู้แบบนี้คสช. น่าจะอ่านนะ... ถามคนค้าขาย เดือนสิงหาคม 2559 จะหมดเดือนแล้วใครยอดตกเป็นประวัติการณ์บ้างครับ




ภาพจาก Catdumb.com

ถามคนค้าขาย เดือนสิงหาคม 2559 จะหมดเดือนแล้วใครยอดตกเป็นประวัติการณ์บ้างครับ

ที่มา พันทิป

ผมทำธุรกิจขายบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์ออนไลน์ สโลแกนของผมคือ "เราอยู่ได้ เพราะคุณขายดี"

ก่อนหน้านี้ทำมใาหลายอย่างครับขายออนไลน์นี่แหละขายเสื้อผ้าขายของเล่นสู้เขาไม่ได้สักอย่าง

เลยปิ้งไอเดียว่า ใครจะขายอะไรก็ขายแข่งกันไป ขอให้ทุกคนขายดี ๆ เราจะขายบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์

พวกซองไปรษณีย์พลาสติก ซองกันกระแทก ถุงแก้วอะไรพวกนี้ ขายดีครับ ไม่เคยขาดทุนเลย ทุนก็ไม่จมเพราะของมาไวไปไว

ขายมา 1 ปีเต็ม จากที่แต่ก่อนเป็นมนุษย์เงินเดือน วัน ๆ คิดแค่ว่าจะใช้จ่ายยังไงให้รอดถึงสิ้นเดือนโดยที่ไม่ต้องไปสร้างหนี้

แต่ก็ยังยืนในวงสังคมได้ พอมาขายของก็เริ่มกล้าฝัน กล้าคิดใหญ่ อยากมีบ้านอยากมีรถ กับเขาบ้าง ตอนมาเป็นพ่อค้านี่แหละ

ด้วยความที่โชคดี โรงงานใจดี ไม่รู้ใจดีหรือทางโรงงานก็ยอดตกเหมือนกัน ซื้อขายกันมาครบปีเขาก็เปิดเครดิทให้ผม

ผมยิ้มร่าเลยครับ เพราะช่วงขายใหม่ ๆ เครียดเรื่องไม่มีเงินไปซื้อของมาสต็อกให้เพียงพอ บางครั้งของหมดช่วงพีค 

ลูกค้าถามหาของแล้วไม่มี เสียลูกค้าให้เจ้าอื่นไปเฉย ๆ กว่าลูกค้าจะกลับมาก็ต้องรอเจ้าอื่นหมด หรือไม่ก็มีปัญหาอะไรบางอย่าง 

คือของมันเหมือน ๆ กันลูกค้าถ้าเขาเคยสั่งกับเจ้าไหน เขาก็สั่งประจำไปเลย อันนี้ธรรมชาติของธุรกิจที่ขายของไม่แตกต่างกัน

มาเดือนนี้ ผมเต็มที่เลยครับ กะฟันกำไรจากซองกันน้ำเพราะเข้าฤดูฝนแล้วจะขายดีเป็นพิเศษ ผมลงของมาเต็มบ้านเลย

เพราะมีประสปการณ์จากเดือนที่แล้ว ขาย 10 วันของหมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย 

สั่งใหม่กว่าของจะมาลงก็หายไป 10 วัน สรุปได้ขาย 20 วัน แทนที่จะได้เน้น ๆ

เดือนนี้ครับ สิงหาคม 2559 ผ่านมา 27 วันยอดขายผมตกไปจากเดือนที่แล้ว 90% ครับ ขายมาทั้งเดือนเพิ่งได้ 2 หมื่น 

หักทุนแล้วนี่ยังไม่พอจ่ายเงินเดือนตัวเองเลย เป็นครั้งแรกตั้งแต่ขายของมาที่ขายของ ทุนจม แถมไปเชื่อของเขามาอีก

เอาเท้าก่ายหน้าผากเลยครับ ด้วยความที่ผมขายของที่เป็นเห็บเกาะคนอื่นเขาอีกที ผมสังเกตลูกค้ารายใหญ่ของผม

ปกติเธอจะสั่งซองพลาสติกผม เฉพาะเจ้านี้เจ้าเดียว 20,000-30,000 ใบต่อเดือน ไม่ได้เอาไปขายต่อนะครับ เอาไปแพคของส่ง

เดือนนี้เธอหายไปทั้งเดือน เพิ่งโทรมาเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เพื่อสั่งของ 

เบอร์โทร คุณลูกค้ารายใหญ่โชว์ขึ้นมาผมนี่ยิ้มเลย กะว่าหายไปนาน สั่งเยอะแน่นอน 

ปรากฎว่า เธอสั่ง 1,000 ใบ หนึ่งพันใบ ! (จริง ๆ หนึ่งพันใบเป็นจำนวนที่ถือว่าเยอะมากนะครับสำหรับลูกค้าทั่วไป)

แต่เจ้านี้ถือว่าลดลงแบบฮวบฮาบ จากปกติ 20,000 ใบ โอ้ว ให้ตายเถอะ

นักขายขั้นเทพยังยอดตกขนาดนี้ ผมจึงโทรไปถามเธอว่าเดือนนี้ใช้ของคนอื่นหรอ ทำไมสั่งน้อยจัง เธอตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อย

และถอนหายใจอย่างแรง เธอบอกหนูสั่งพี่คนเดียวนั่นแหละ คนอื่นเขาไม่ส่งฟรีเหมือนพี่ ของพี่ส่งฟรี ส่งวันเดียวถึง 

อีกอย่างซองพี่มันยาวกว่าเขาด้วย มันพอดีกระเป๋าที่หนูขาย จริง ๆ

ผมว่าเธอไม่โกหกให้ผมสบายใจหรอก ผมเชื่อว่ายอดตกจริง ๆ คือสงสัยมาก เลยไล่ถามเพื่อนฝูงกันทุกคน

บ่นเป็นเสียงเดียวกัน โทรศัพท์เงียบมาก ไลน์แทบไม่เด้ง จับโปเกม่อนจนฟักไข่ได้แต่หนอนมาหลายฟองแล้ว

ยังไม่มีใครโทรมากวนเลย

สถารการณ์แบบนี้ เจ้าของกิจการรายย่อยประคองตัวกันยังไงครับ 

อ้อด้วยความที่ผมกลัวจัด สัปดาห์ที่แล้วเลยเดินไปสมัครสินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงิน 6 แห่ง เผื่อฉุกเฉินจะได้มีเงินหมุน 

สเตทเม้นก็มีเงินเข้าออกบัญชีละ แสนนิด ๆ ต่อเดือน แต่มันมาไวออกไวไงครับเงินหมุน เดือน ๆ หนึ่งหักต้นทุนแล้วจ่ายเงินเดือนตัวเอง 

ก็จะเหลือเก็บเข้ากิจการเป็นกำไรประมาณ 10,000 - 20,000 บาท แต่มันจะมีเหตุให้เอาออกมาใช้เรื่อย

เดี๋ยวหมาไปวิ่งไล่มอไซล้ม ต้องไปจ่ายค่าทำขวัญเขา เดี๋ยวแม่เข้าโรงบาล เดี๋ยวคอมที่ใช้มาตั้งแต่เรียนมหาลัยพังต้องซื้อใหม่ 

เครดิทสกอร์ก็เลยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ผ่านไป 1 สัปดาห์ ปรากฎวันนี้ 5 แห่งปฏิเสธอย่างเป็นทางการมาแล้วจ้า ไม่โทษธนาคารหรอกครับ เศรษฐกิจแบบนี้

ผมเป็นธนาคารก็กลัวหนี้เสียเหมือนกัน เหลืออีก 1 แห่งคือ KTC Proud คิดว่าไม่น่าได้เหมือนกัน ตอนนี้มีบัตรเครดิท KTC อยู่ได้มาสมัยทำงานออฟฟิศ

เอาไว้ซื้อของกินข้าวแลกแต้ม จ่ายเต็มบ้าง ไม่เต็มบ้าง ตามสถานะทางการเงินแต่ละเดือน แต่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้นะครับ

สถานการณ์ผมตอนนี้ ของกองอยู่เต็มบ้าน ซื้อมาด้วยเงินเชื่อ พอขายไม่หมดเดือนนี้ต้องเอาเงินเก็บที่มีมาจ่ายหนี้การค้าที่ไปเชื่อของมา 

เดือนหน้าถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น วิ่งหาเงินหน้าตั้งแน่นอน บางทีก็อยากทักไปถามคู่แข่งนะว่าพี่ถามจริง ขายดีมั้ย หรือผมยอดตกอยู่คนเดียว

แล้วพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของกิจการรายย่อยในพันทิปนี่ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับเดือนนี้ มีใครยอดทะลุเป้าบ้าง

แล้วปรับตัวกันยังไงครับ มีเทคนิคในการเอาตัวรอดยังไง
.....

ตั้งแต่บึ้มนี่ เป่าสากเลย โลวสุดในรอบ8เดือนกันเลยทีเดียว
ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ประเมิณอะไรไม่ได้เลย หวังว่าเดือน 11-12 จะดีขึ้น
ปล.แนะนำอย่างนึงเสียอะไรเสียได้อย่าเสียเครดิตเด็ดขาด อย่าให้คนส่งของให้เราไม่มั่นใจในตัวเรา ผมเชื่อว่ายอดคุณจะกลับมาดีในเดือน 10 11 12 เพราะนั่นคือช่วงพีคของคนค้าขาย แล้วถ้ามันเน่าอีกก็คงต้องว่ากันไป

...

ยุคนี้ ปลาใหญ่ ได้เปรียบมากเพราะเงินทุนอะไรก็ใหญ่กว่า จะมานั่งวิเคราะห์แบบวิชาการบางคนก็คงยาก ไม่เหมือนสมัยเถ้าแก่โรงสีสมัยก่อนที่ทำอะไรก็เป็นเงินหมด
สมัยก่อนประชากรในประเทศขยายตัวเร็วมาก ตลาดจึงขยายตัวผลิตยังไงก็กำไร ขายอะไรก็มีคนซื้อ
สมัยนี้ตลาดทันคงที่ โตช้า คนออกมาค้าขายเนอะ เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบทำงานพนักงานเงินเดือน ค้าขายแข่งขันกันสูง

...

เรื่อยๆครับ. ไม่เท่าช่วงพีค
แต่ก็ยังขายได้เรื่อยๆ.

ค้าขายต่องวางแผน. ดูความเป็นไปของตลาด
ผมค้าขายมาห้าปี. พอจะจับจุดของตัวเองได้ว่า. สิงหา กันยานี่เงียบทุกปี. จะขายม่วนอีกทีตุลาครับ. โดยเฉพาะขายของออนไลน์. ปลายปีนี่คือช่วงพีคนะ

...

ผมก็แย่เหมือนกันครับตอนนี้ ก่อนนั้นจนถึงวันแม่ขายดีมากลูกค้าบ่นว่าช้าแต่ทุกคนก็รอจึงตัดสินใจจ้างพนักงานเพิ่ม2คนหลังจากวันแม่มาแย่ครับ ยอดหายไป2ใน3 ไม่รู้ลูกค้าไปใหนมองในแง่ดีเขาอาจจะอยากกินอย่างอื่นก็ใด้ แต่พอถามเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าก็บอกแย่เหมือนกัน ปกติร้านในตลาดทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ร้านนำ้ ตอนเย็นโต๊ะ 30โต๊ะในตลาดจะเต็มตลอดอาทิตย์นี้ทั้งอาทิต์แทบไม่มีคนเลย ที่พอขายใด้ก็จะเป็นพวกที่สั่งกลับบ้าน สู้ต่อไปครับ

...

ผมทำการ์เม้นท์ เสื้อผ้า
ทําให้ราชการ 90% นอกนั้นทั่วๆไป บอกเลย ทําไม่ทันครับ ต้องลงเครื่องจักรเพิ่ม เดินไปไหน มีแต่คนอยากให้เครดิต
...

ในฐานะผู้บริโภค ผมประหยัดสุดๆครับ ปกติเป็นคนประหยัดอยู่แล้ว ข้าวแกงนี่ซื้อข้างทาง ซื้อกินในโรงอาหารของราชการ เสื้อผ้านี่มือสองทั้งนั้นครับ รถนี่จะใช้รถคันเก่าจนมันซ่อมไม่ได้ ถามว่ามีเงินใหมเราก็มีพอสมควร พยายามเปลี่ยนความคิดของตัวเอง เพราะคิดว่าหลายๆเรื่องค่านิยมคนไทยเราคิดและทำผมคิดว่าไม่ถูกต้อง
เรื่องของเรื่องก็คือผมไม่มีความมั่นใจในอนาคต ในสังคมของเรา ผมได้ทดลองเข้าไปสังเกตุและคลูกคลีกับคนส่วนล่าง คนชั้นกลาง ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ เราหวังพึ่งรัฐไม่ได้จริงๆ

...

อ่านความเห็นเพิ่มได้ที่