วันอังคาร, สิงหาคม 02, 2559

ซูเปอร์โจ๊ก!!! กกต.สมชัย การันตีความทนทานหีบบัตรแบบใหม่ ใช้ได้10ปี แต่ทุ่มลงพื้นแล้วแตกกระจุย + ปลัดคลังผุดโมเดลเศรษฐกิจ’เห็บสยามโมเดล’เกาะไปกับประเทศที่เติบโต





ฮา! กกต.สมชัย โยนหีบบัตรแบบใหม่ โชว์ทนทาน การันตีใช้ได้10ปี สุดท้ายแตกกระจุย


ที่มา มติชนออนไลน์
2 ส.ค. 59


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 2 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต.แถลงเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมด้วยการร่วมสังเกตการณ์การออกเสียงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 16.00 น. ซึ่งหากประชาชนพบเห็นสิ่งผิดปกติ เช่น กรรมการประจำหน่วยตั้งบอร์ดนับคะแนนไกลเกินไป อ่านคะแนนเสียงเบา นับคะแนนเร็วไป หรือการวินิจฉัยว่าเป็นบัตรดี บัตรเสีย ก็สามารถทักท้วงได้ และเมื่อผลการนับคะแนนสิ้นสุด เชิญชวนประชาชนถ่ายรูปผลคะแนน แล้วโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมติดแฮชแทค #ผลประชามติ เพื่อให้ทุกคนเข้าไปดูได้ว่าการออกเสียงประชามติเป็นไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรม และเมื่อกกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการก็สามารถนำภาพมายืนยันได้

นายสมชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอเชิญชวนประชาชน และกรรมการประจำหน่วยออกเสียงกว่า 1 ล้านคน ร่วมติดตามรายการทางช่องสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม เวลา 20.30-21.30 น. เนื่องจากรายการวันดังกล่าว กกต.จะสาธิตวิธีการใช้สิทธิลงคะแนน การนับคะแนน การวินิจฉัยรูปแบบบัตรดี บัตรดีบางส่วน และบัตรเสียเป็นอย่างไร โดยการสาธิตครั้งนี้จะใช้บัตรคล้ายของจริง แต่จะใช้คำถามสมมุติที่ไม่เกี่ยวร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าการสาธิตดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และกรรมการประจำหน่วย

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กกต.ได้ผลิตหีบบัตรออกเสียงประชามติรูปแบบใหม่ เตรียมนำมาใช้กับการออกเสียงครั้งนี้จำนวน 5 หมื่นหน่วย จาก 95,000 หน่วย มีอายุการใช้งาน 10 ปี รับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม ทนความร้อนได้ 56 องศาเซลเซียส ราคาต้นทุนใบละ 244 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 6 บาท คือ 250 บาท โดยสาเหตุที่เปลี่ยนใหม่ เพราะหีบบัตรเดิมเป็นกล่องกระดาษเคลือบด้วยพีวีซี แม้ต้นทุนจะใบละ 180 บาท แต่กลับใช้ได้ประมาณ 1-2 ครั้งก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ดังนั้นของใหม่จึงมีความคุ้มค่ามากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวเสร็จนายสมชัยได้สาธิตความทนทานของหีบบัตรออกเสียงให้สื่อมวลชนได้เห็นถึงความแข็งแรง ปรากฎว่า หลังจากนายสมชัยโยนไปประมาณ 4 ครั้ง หีบบัตรออกเสียงดังกล่าวก็แตก ส่งผลให้นายสมชัยมีสีหน้าตกใจและสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับได้บอกว่า “ผมทุ่มแรงไปหน่อย และเอาปากหีบลงก็เลยแตกได้ แต่ถ้าใช้งานจริง คงไม่มีการเอาหีบบัตรไปโยนรุนแรงในลักษณะนี้” จากนั้น นายสมชัยจึงสาธิตใหม่โดยการโยนอีก 10 ครั้ง ก่อนเชิญให้สื่อได้ทดสอบความแข็งแรง โดยให้ขึ้นไปยืนบนหีบบัตรออกเสียงด้วย ทั้งนี้ ก่อนการสาธิต นายสมชัยได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่าหีบบัตรออกเสียงมีความทนทานทนกับทุกภาวะจะกระแทกแรงอย่างไรก็สามารถที่จะทนทานได้




ooo


ปลัดคลังผุดโมเดลเศรษฐกิจ’เห็บสยามโมเดล’เกาะไปกับประเทศที่เติบโต





ที่มา มติชนออนไลน์
2 ส.ค. 59


นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างเปิดงานและปาฐกถาเรื่อง “เศรษฐกิจโลกขยับก้าว…เศรษฐกิจไทยขยับไกล:กบข.เดินหน้าอย่างไร” ซึ่งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดขึ้นว่า จากการสำรวจข้อมูลพบว่าที่ผ่านมาอัตราการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนลดลง แต่หากเข้าไปดูในข้อมูลพบว่าบัญชีที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท มีมูลค่าเงินออมเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทยในตลาดหลักทรัพย์มีการลงทุนลดลง โดยมูลค่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเหลือ 4.3 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2559 จากช่วงไตรมาส 4/2558 มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 5.3 หมื่นล้านบาท แต่กลับพบว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1/2559 เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน จากข้อมูลดังกล่าวแสดงว่าคนไทยมีเงินแต่ยังไม่ลงทุน หากอ้างอิงเหตุผลที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง มูดี้ส์และฟิทช์ เรทติ้งส์ พบว่านักลงทุนและคนไทยยังรอให้สถานการณ์การเมืองนิ่งก่อนจึงจะเริ่มลงทุน ดังนั้น หากการเมืองในช่วงที่เหลือเป็นไปอย่างเรียบร้อย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยที่เปรียบเสมือนท่อน้ำที่ปัจจุบันน้ำยังไหลเอื่อย หากการเมืองนิ่งจะมีน้ำไหลแรงได้อย่างแน่นอน

นายสมชัยกล่าวว่า สำหรับโมเดลเศรษฐกิจไทยส่วนตัวมองว่าควรเป็น “เห็บสยามโมเดล” คือเติบโตไปกับประเทศต่างๆ แต่ไม่ทรุดตัวไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือเราจะไปเกาะประเทศที่โตดี เช่น จีน อินเดีย หรือแอฟริกาใต้ หากประเทศเหล่านี้โตเราจะโตตามไปด้วย กินจนเราอ้วนแต่เมื่อเกิดเศรษฐกิจขาลง เราจะย้ายไปโตกับประเทศอื่นแทน คือเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับทุกประเทศ ไม่ใช่เป็นคู่แข่ง
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)

กล่าวในระหว่างบรรยายเรื่อง “ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองของโลก” ว่าประเทศไทยมีเงินมากเห็นได้จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่คาดว่าในปี 2559 จะเกินดุลติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แสดงให้เห็นว่าประเทศมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ซึ่งปี 2558-2559 คาดว่าไทยมีเงินเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ต่อจีดีพี แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อประชาชนยังเหลือมาก ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลดลง แต่ทั้งหมดยังขาดเพียงแต่ความเชื่อมั่นที่หนุนให้เกิดการใช้จ่ายของประชาชนและเอกชน

“ส่วนตัวไม่สามารถระบุได้ว่าหลังจากนี้กระแสเงินต่างชาติจะไหลเข้าประเทศไทยอย่างไร เพราะยังต้องติดตามเรื่องผลประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรผลคงไม่แตกต่างกันมากนัก เนื่องจาก ต่างประเทศอาจยังไม่เข้าใจในรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญและต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยข้อมูล และยังต้องดูกฎหมายลูกด้วย” นายศุภวุฒิ กล่าว

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. กล่าวว่า ปัจจุบันผลตอบแทนจากการบริหารพอร์ตของสมาชิก กบข.อยู่ในระดับมากกว่า 3% แล้ว และคาดว่าทั้งปีจะมากกว่าปีก่อนหน้าที่ทำได้ 3.6% เนื่องจากหุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีแต่จะถึง 4% หรือไม่นั้นต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยในประเทศหากประชามติไม่ผ่านจะมีผลน้อยหรือแทบไม่มีผลต่อภาวะการซื้อขายหุ้น แต่อาจกระทบเชิงจิตวิทยาบ้าง

ooo

OMG!!!