วันอังคาร, กรกฎาคม 26, 2559

ลิ่วล้อ 'กะลาแลนด์’





ถึงที กรธ.กร่างบ้างละ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ “อัด วรเจตน์ไม่รู้จริง” ที่ปาฐกถาเมื่อวันก่อนว่า ถ้าประชามติผ่านรัฐธรรมนูญ เท่ากับมัดตราสังประเทศไทย

“พูดเพื่อให้เกิดอรรถรส แต่พูดจากความไม่รู้จริง ยืนยัน แก้ไขไม่ยาก แต่ต้องแก้ด้วยความปรองดองของทุกพรรคการเมือง...

สถานะเป็นครูบาอาจารย์ พูดอะไรต้องไตร่ตรองให้รอบด้าน” นายอมร วาณิชวิวัฒน์ รัฐประศาสนศาสตร์บริการจากจุฬาฯ และอ็อกฟอร์ด ออกอาการ





เมื่อเห็นภาพรุ่นน้องนักกฎหมายมหาชน มธ. และ Gottingen เยอรมนี กลายเป็นดั่ง messiah ผู้นำการปลดแอกเพื่อประชาธิปไตย ปลดล็อคร่างรัฐธรรมนูญหมกเม็ดของ คสช. สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมแน่นหอประชุมศรีบูรพา เมื่อวันก่อน

(http://www.thairath.co.th/content/672102)

แต่ว่าเมื่อนายอมรไปเป็นผู้อภิปรายชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญบ้าง เมื่อวาน (๒๕ ก.ค.) ในรายการสัมมนาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “กลับไม่มีคนมาฟัง...

ทำให้ผู้จัดต้องย้ายห้องประชุม แต่ก็ยังไม่มีคนมาฟังอยู่ดี นอกจากคนจัดงานมาฟังกันเอง”

บรรยากาศอย่างไรต้องให้ อจ. Kasian Tejapira เล่าเป็นกลอน “เก้าอี้ว่างโต๊ะร้าง อ้างว้างใจ





ร่างของดีจะแจงชี้ ช่างยากเหลือ ของดีดีที่จะเบื่อ กันใช่ไหม เก้าอี้ว่างโต๊ะร้าง อ้างว้างใจ เด็กผู้ใหญ่ลิงแสม แห่ไม่มา

จากอ็อกฟอร์ดยกร่าง อย่างยอดเยี่ยม ดองกระเทียมใส่ขวด อวดโอ่อ่า ไร้ที่ติวิจารณ์ เสียเวลา ชั่วแต่ว่าห้องโล่ง โหรงเหรงจริง”

ทั่นโฆษกฯ คงจะชักร้อนอาสน์แบบเดียวกับ ลิ่วล้อ คสช. อีกหลายคนทั้งใน กรธ. และ สนช. ที่ตั้งตารอตำแหน่ง (กึ่งห้าร้อย) สว. พรรค คสช. ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านออกมาบังคับใช้ จึงได้กระแซะไปถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านส้มไม่หล่น ที่มีข่าวว่าจะ ‘ไม่เอา’ ร่างฯ มีชัยเหมือนกัน

“ไปร่วมลงชื่ออะไรต่างๆ ท่านถามประชาชนก่อนแล้วหรือยัง” ใช้คำคมคายเก๋ไก๋เสียด้วยเมื่อพูดถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ขนาดลิ่วล้อระดับรองฯ ฝ่ายกฎหมาย ยังไม่กร่างเท่าเลย พูดถึงเรื่องเดียวกัน คนเดียวกัน

“เข้าใจว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตว่าตัวเองเห็นอย่างไร เพราะที่ติดตามยังไม่ได้สะดุดเนื้อหาอะไร ซึ่งต้องแยกการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวออกจากการชักชวนคนอื่น”

ต่อเมื่อนักข่าวค่ายเนชั่น ‘คมชัดลึก’ ถามแยงว่า “นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ พูดทำนองว่าจะกาในช่องขวามือของบัตรลงประชามติ ซึ่งเป็นช่องไม่รับร่างรัฐธรรมนูญถือว่ามีความผิดหรือไม่”

นายวิษณุ เครืองาม จึงได้ตอบ “ถ้าพูดแบบนั้นก็เสี่ยง เพราะสิ่งที่ผมอธิบายว่าไม่ผิดคือการพูดความคิดเห็นส่วนตัว

แต่การแนะนำคือบอกว่าคนอื่นว่าตัวเองจะกาช่องไหนถือเป็นคนละเรื่อง มันอาจจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา ๖๑”

เปิดช่องให้ลิ่วล้อใน กกต. ริตอกฝาโลง จัดการ ‘อัพเดท’ กิจกรรมที่ถือเป็นความผิดตาม พรบ. ประชามติอีก ๕ อย่าง ได้แก่ ๑. เอกสาร ๗ เหตุผลไม่รับร่าง รธน. ของประชาธิปไตยใหม่ ๒. จดหมายหมื่นฉบับที่จับจากลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ ตำรวจภูธรได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว กำลังพยายามจะโยงไปถึงอดีต ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อไทย

๓. แผ่นสไลด์ภาพสรุป รธน.มีชัย ๘ บรรทัด ของเพจดัดจริตประเทศไทย กับ ๔. สไลด์อะไรจะเกิดขึ้นถ้าโหวตโนชนะ จากเพจรวมความฮาของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ

๕. การฉีกทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียง ที่เด็ก ๘ ขวบเอาไปฉีกทำงานศิลป์เพราะเห็นว่าแผ่นสีชมพูสวยดี กับกรณีลิงแสมที่พิจิตรออกอาการ ‘แว้น’ พากันไปกระชากออกมาทึ้งและทิ้งทำลาย นั่นละ





ซึ่ง Thanapol Eawsakul นำไปเปรียบกับข้อบิดเบือนและให้ความจริงครึ่งๆ กลาง ในจุลสารการออกเสียงประชามติของ กกต. เอง ที่ สฤณี อาชวานันทกุล รวบรวมเป็นซีรี่ส์ไว้ ๘ ข้อแล้ว

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/1200073543392816)
เรียกว่าลิ่วล้อ คสช. ทำทุกวิถีทางให้ประชามติผ่านด้วยการโกหกว่าร่างฯ เป็นของดี ใครติเตียนชี้ข้อเสียถือว่าผิด เที่ยวไล่จับ เด็ก ลิง กระทั่งกาแฟสำเร็จรูป (http://www.khaosisaket.com/thread-10410-1-1.html)

กระทั่งเด็กหนุ่มบ้านนอกรู้เท่าไม่ถึงการ ดึงแผ่นประกาศรายชื่อฯ เอาไปเผาไล่ยุง ก็ต้องโดนสองกระทงอาญา ม. ๑๘๘ กับ ๓๖๐ (http://www.matichon.co.th/news/223314)

ทั้งหลายทั้งปวงของความ ‘งี่เง่าเต่าตุ่น’ ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ คสช. และการรัฐประหาร ด้วยยุทธวิธีกรรโชก กดขี่ และหลอกลวง แม้แต่ป้ายอวยพรวันเกิดก็ยังถูกปลด-ยึด

นี่แหละเขาถึงว่าที่นี่ ‘กะลาแลนด์’