วันอาทิตย์, กรกฎาคม 31, 2559

แจ้งจับ 'สายล่อฟ้า' คอลัมนิสต์ไทยรัฐ ชี้นำให้คนรับ รธน. ผิด พรบ.ประชามติ





ภาพจากมติชน
ที่มาเรื่อง ประชาไท

Sat, 2016-07-30

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เข้าแจ้งความกับตำรวจ ระบุคอลัมนิสต์นามปากกา “สายล่อฟ้า” คอลัมน์กล้าได้กล้าเสีย นสพ.ไทยรัฐ เขียนบทความมีเนื้อหาชี้นำให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญ ผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ม. 61

30 ก.ค. 2559 มติชนออนไลน์ รายงานว่าเมื่อเวลา 10.30 น. ที่สน.พหลโยธิน นาย นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธีฬะเกียรติ ฑีฆะบุตร รองสารวัตร(สอบสวน) สน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับคอลัมนิสต์ ที่ใช้นามปากกา “สายล่อฟ้า” เขียนในคอลัมน์กล้าได้กล้าเสียหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยนายนรินท์พงศ์ระบุว่า เนื้อหาภายใน เป็นข้อความชี้นำ ให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญ ในการลงประชามติ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ในข้อหาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 61 โดยได้นำเอกสาร เป็นคอลัมน์ดังกล่าวที่ตีพิมพ์ในฉบับวันที่ 28กรกฎาคม 2559 พร้อมทั้งสำเนา มอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานด้วย

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ตนมาแจ้งความเอาผิดกับคอลัมนิสต์ดังกล่าว เนื่องจากได้เขียนคอลัมน์ หัวข้อ”คว่ำรัฐธรรมนูญเพราะเหตุใด” โดยอ้างเนื้อหา 6 ข้อ ที่ระบุว่าเป็นสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุเหตุผลว่าสาเหตุที่นักการเมือง หลายคนออกมา ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเพราะต้องการเอื้อประโยชน์ในการทุจริตของตนเอง โดยสาระสำคัญในการเขียนคอลัมน์ดังกล่าวสรุปได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นสิ่งดี สามารถปราบนักการเมืองที่โกงและทุจริตได้อย่างแท้จริง และยังระบุด้วยว่าหากประชาชนรับร่างฯนี้ นักการเมืองที่โกงก็จะหมดไป ซึ่งในความเป็นจริงหากได้ศึกษาตัวบทของของร่างรัฐธรรมนูญนี้ อย่างแท้จริง ทั้ง 6 ข้อที่คอลัมนิสต์คนดังกล่าวยกมา ไม่เป็นความจริง มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ดังนั้น ไม่ว่า ผลสรุป ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ ก็ไม่ได้ปราบคนโกงได้จริง นอกจากนี้แล้ว ตนอยากถามว่า คอลัมนิสต์ คนดังกล่าว ทราบได้อย่างไรว่านักการเมืองส่วนใหญ่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนี้ รวมทั้งทราบได้อย่างไรว่าเหตุผลที่ไม่รับร่างเป็นไปตามที่กล่าวหา

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดียืนยันว่าตนไม่ได้อยู่ฝ่ายใด แค่ออกมาเรียกร้องความถูกต้องในฐานะประชาชนและผู้รู้กฎหมายคนหนึ่ง นอกจากนี้ขอฝากไปถึง คสช. รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการชี้นำในฐานะสื่อให้คนออกมารับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางหน่วยงานที่กี่ยวข้องควรมีมาตรฐานในการดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านี้ไปในทิศทางเดียวกับการดำเนินการกับกลุ่มคนที่ถูกกล่าวหาว่าออกมาชี้นำให้ไม่รับร่างรัฐบธรรมนูญ

ทั้งนี้เบื้องต้น ร.ต.อ.ธีฬะเกียรติ รับเรื่องไว้ ก่อนระบุว่า จะติดตามตัวคอลัมนิสต์ คนดังกล่าวมาสอบปากคำในสัปดาห์หน้า

สำหรับบทความที่ถูกแจ้งความดำเนินการดังกล่าว มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุดังนี้

“…ก่อนจะไปถึงวันลงประชามติขอสรุปเนื้อหาสาระสำคัญๆของร่างรัฐธรรมนูญสักเล็กน้อยว่า การที่ “นักการเมือง” ไม่ยอมรับมันเพราะเหตุใด
1.คดีความต่างๆที่เกิดขึ้นในทางการเมืองจะไม่มีวันหมดอายุ
2.หากนักการเมืองมีการโกงกิน คอร์รัปชัน ผลาญงบประมาณ จะมีโทษหนักคือประหารชีวิต ติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีการรอลงอาญาและไม่ให้ประกันตัว
3.หากมีการตรวจสอบพบว่านักการเมืองคนใดร่ำรวยผิดปกติ มีการฟอกเงิน ยักยอกทรัพย์สินของทางราชการ งบประมาณแผ่นดินไปเป็นของตนเองและพวกพ้อง มีโทษจำคุก 15-30 ปี และยึดทรัพย์สินที่ได้ไปโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน
4.หากบริหารประเทศผิดพลาด ทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือเป็นหนี้สินต้องโทษจำคุก 15-30 ปี
5.เมื่อมีคดีความติดตัวหรืออยู่ระหว่างดำเนินการของศาล หรือองค์กรอิสระห้ามเดินทางออกนอกประเทศเด็ดขาด
6.ห้ามมิให้นักการเมืองใช้ช่องทางวีไอพี หรืออำนวยความสะดวกให้นักการเมือง และยังห้ามนั่งเครื่องบินฟรีในชั้นเฟิร์สคลาส
นี่เป็นเพียงหนังตัวอย่างของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง…”


ooo

คว่ำรัฐธรรมนูญเพราะเหตุใด





ก่อนจะถึงวันที่ 7 ส.ค.59 ซึ่งเป็นวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดูเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองจะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการใช้ “วิชามาร” ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการจัดทำจดหมายปลอมแปลงเนื้อหารัฐธรรมนูญซึ่งไม่ ตรงต่อข้อเท็จจริง

หรือแม้กระทั่งการฉีก ฉก เผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนประชามติด้วยรูปแบบต่างๆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้

“ลิง” ที่อาศัยอยู่ในวัดยังเอากับเขาด้วยน่าแปลกใจจริงๆ

ล่า สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ต้องคำสั่ง ม.44 เพื่อพักงานนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีการสอบสวนแล้วพบว่าเกี่ยวข้องกับทำจดหมายปลอมขึ้นมา

จากการสอบสวนแล้วพบว่านายบุญเลิศอยู่ระหว่างเดินทางไปสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดการจะเดินทางกลับไทยในไม่กี่วันนี้

เมื่อเจอคำสั่งนี้เข้าไปสงสัยจะล่องหนหายเข้ากลีบเมฆแน่

“บุญเลิศ” เป็นใคร สังกัดเครือข่ายใครคงไม่ต้องบอก แต่เมื่อสอบพบว่าเกี่ยวข้องเพราะทิ้งร่องรอยเอาไว้จนสามารถจับได้ไล่ทัน

ก็ต้องดูกันไปว่าเจ้าของสังกัดจะแก้ตัวอย่างไร

ที่ไม่แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เครือข่ายนี้เมื่อกระทำความผิดจนจับได้แต่มักจะแถไถแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเสมอ

จดหมาย ปลอมที่แจกจ่ายไปนั้นมีข้อสังเกตอยู่อย่างก็คือบนซองจดหมายนั้นตี ตรา “ครุฑ” แปะเอาไว้ด้วย เพราะต้องการจะสื่อว่าเป็นซองจดหมายของทางราชการ เพื่อหวังโยนความผิดไปให้ คสช.ว่ากระทำการเอง

เนื่อง จากเป็นซองจดหมายของทางราชการที่ประชาชนจะนำมาใช้ไม่ได้ แต่ก็ตรงนี้แหละที่เป็นหลักฐานสำคัญผูกมัดว่าต้องมาจากหน่วยราชการแห่งใด แห่งหนึ่ง

สุดท้ายก็เจอแหล่งที่มาจนได้

เรื่องนี้น่าจะมีผู้บงการ มีผู้ร่วมกระทำผิดอีกหลายคน หากสอบสวนให้ลึกลงไปน่าจะสาวไปถึงบุคคลสั่งการได้

เพราะ “ลูกพี่” ของนายบุญเลิศนั้นเป็นใคร คนเชียงใหม่น่าจะรู้กันดีหรือให้แน่ลองไปถาม “เจ๊” คนดังแห่งเมืองล้านนา ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ก่อนจะไปถึงวันลงประชามติขอสรุปเนื้อหาสาระสำคัญๆของร่างรัฐธรรมนูญสักเล็กน้อยว่า การที่ “นักการเมือง” ไม่ยอมรับมันเพราะเหตุใด

1.คดีความต่างๆที่เกิดขึ้นในทางการเมืองจะไม่มีวันหมดอายุ

2.หากนักการเมืองมีการโกงกิน คอร์รัปชัน ผลาญงบประมาณ จะมีโทษหนักคือประหารชีวิต ติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีการรอลงอาญาและไม่ให้ประกันตัว

3.หาก มีการตรวจสอบพบว่านักการเมืองคนใดร่ำรวยผิดปกติ มีการฟอกเงิน ยักยอกทรัพย์สินของทางราชการ งบประมาณแผ่นดินไปเป็นของตนเองและพวกพ้อง มีโทษจำคุก 15-30 ปี และยึดทรัพย์สินที่ได้ไปโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน

4.หากบริหารประเทศผิดพลาด ทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือเป็นหนี้สินต้องโทษจำคุก 15-30 ปี

5.เมื่อมีคดีความติดตัวหรืออยู่ระหว่างดำเนินการของศาล หรือองค์กรอิสระห้ามเดินทางออกนอกประเทศเด็ดขาด

6.ห้ามมิให้นักการเมืองใช้ช่องทางวีไอพี หรืออำนวยความสะดวกให้นักการเมือง และยังห้ามนั่งเครื่องบินฟรีในชั้นเฟิร์สคลาส

นี่เป็นเพียงหนังตัวอย่างของรัฐธรรมนูญฉบับ “ปราบโกง”

"สายล่อฟ้า"

http://www.thairath.co.th/content/674054

ooo