วันศุกร์, มิถุนายน 03, 2559

สื่อนอกเขียน: “Thailand’s military junta is led by a clown” หม่อมปลื้มเขียน: "สุภาพ สำรวม สุขุม ผู้นำไทยไม่มี"





หม่อมปลื้มเขียน: สำรวม สุภาพ สุขุม ท่วงทำนองที่ผู้นำไทยไม่มี

ที่มา ประชาไท
Fri, 2016-06-03

โดย ณัฏฐกรณ์ เทวกุล

ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน เคยกล่าวกับผมครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วในช่วงที่ผมเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ ว่า ถ้าเป็นบุคคลสาธารณะ “จงอย่าพูดเล่นกับสื่อ” ท่านก็ยังสอนว่า ก่อนจะพูดอะไร ต้องใตร่ตรองให้ดีๆ และต้องคิดก่อนพูด เพราะเมื่อพูดออกไปแล้ว Perception ที่คนได้รับมันจะกลายเป็น Reality

พ่อของผมเองก็สอนผมอยู่มาตลอดว่า เวลาก่อนจัดราย ก่อนจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สำคัญมากที่จะคิดอย่างรอบคอบ และคัดกรองข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่า พอถึงเวลาเราพูดอะไรออกไปในรายการ จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และสำคัญยิ่งไปกว่านั้นเหมาะสมกับกาลเทศะ

เวลาที่ผมมีความบุ่มบ่ามในช่วงที่เริ่มประกอบอาชีพนี้ใหม่ๆ หรือเวลาจัดรายการในแต่ละคืนทุกวันนี้ ผมก็จะนึกถึงคำสอนต่างๆ เหล่านี้ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาตนเอง ให้มีความสุขุมและแม่นยำมากขึ้น หนุ่มอายุ 39 ปีอย่างผม ยังมีเวลาพัฒนาอีกพอสมควรกว่าจะเข้าถึงวัยที่จะเป็นบุคคลสาธารณะทางการเมืองที่ประชาชนนั้นอาจเคารพ

แต่ในวันนี้ สิ่งที่ทำให้ผมอับอายขายหน้ามากที่สุด กลับเป็นการที่ประเทศไทยมีผู้นำที่มีอายุมากกว่า 60 ปีซึ่งควรที่จะมีวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ แต่กลับไม่มี มันไม่น่าเชื่อ แต่วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรีที่ไปกล่าวสุนทรพจน์ ในงานประชุมกลุ่มประเทศ G77 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ขึ้นไปยอมรับบนเวทีว่าตนเองนั้นเป็นคนบ้า

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !

ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เราไม่มีสิทธิที่จะมีอารมณ์เสียหรือมีท่าทีที่บุ่มบ่ามและมุทะลุไม่ได้ในบางครั้ง แต่อย่างน้อยเวลาออกงานรับแขกเหรื่อควรมีความสำรวมอยู่บ้าง รู้ทั้งรู้ ว่าคนอย่างบิ๊กตู่เป็นคนที่เอาอารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง แต่อย่างน้อยสิ่งที่คนไทยควรจะมีสิทธิคาดหวังจากผู้นำของเขา (ทั้งๆที่ไม่ได้เลือกเข้ามา) คือต้องช่วยรักษาหน้าให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ขึ้นเวทีกล่าว Keynote Address ที่ผู้จัดงานเชิญไปพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่ดันไปใช้โอกาสด่าทอสื่อมวลชน นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักวิชาการในประเทศ มันไม่ใช่แค่ไม่มีสาระสำหรับผู้ที่มาร่วมงาน แต่สิ่งที่นายกฯ พูดนอกสคริปต์ที่หยาบคายและก้าวร้าวนั้นไปกลบเนื้อหาที่มีความสำคัญ ที่สื่อมวลชนควรจะได้รับรู้จากการเข้าร่วมงานในวันนั้น กลายเป็นว่า บนหน้าหนังสือพิมพ์ในวันถัดมา คนก็จะมัวแต่ไปสนใจกับลีลาความเป็นตัวตลกที่เกรี้ยวกราดและดุดันอย่างไร้กาลเทศะของบิ๊กตู่

นี่แหละคือ Realistic Perception ที่คนทั่วไทยและทั่วโลกนั้นมีต่อนายกฯ แล้ว “Perception is Reality.” และ Perception ตอนนี้ คือเราไม่ได้มีแค่นายกฯ ที่เป็นเผด็จการ ไม่ได้มาถูกต้องตามครรลองระบอบประชาธิปไตย แต่ว่าในสายตาของประชาคมโลกหรือแม้กระทั่งฐานเสียงคนไทยที่สนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจเมื่อพฤษภาคม 2557 เอง นายกฯ นั้นเป็นตัวตลกซึ่งขาดวุฒิภาวะในการเป็นบุคคลสาธารณะ และที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่รู้จักกาลเทศะ

มันมีเหตุผลที่เวลาออกงานใหญ่ๆ หรือพิธีการสำคัญ การกล่าวสุนทรพจน์จำเป็นที่จะต้องเป็นไปตามเนื้อหาที่ทีมงานได้เตรียมมา ในเวทีสำคัญการพูดออกนอกสคริปต์สามารถทำได้เฉพาะในกรณีที่ผู้พูดมีความรู้ ความอ่านมากเพียงพอ และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล บุคคลที่มีความสามารถในลักษณะนี้พูดออกนอกสคริปต์ได้ แต่คนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่และไม่มีพื้นฐานด้านปรัชญาทางความคิดที่ละเอียดอ่อนพอ พูดออกนอกสคริปต์แล้วพังทุกราย

สังเกตดู อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเคารพจากสื่อมวลชนและประชาชนส่วนใหญ่นั้นจะมีความสุขุม ลุ่มลึก ในวิธีการแสดงความคิดเห็น การพูดจานั้นจะเต็มไปด้วยคารม ซึ่งจะมีอรรถรสขณะเดียวกันก็น่าเกรงขามและมีความน่าเชื่อถือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นสองอดีตนายกฯที่พอจะเป็นตัวอย่างให้คนอย่างพลเอกประยุทธ์สามารถลอกเลียนแบบได้ พูดน้อยๆ ต่อยหนักๆ อย่างไม่มีกิริยานักเลงแล้วให้สื่อนั้นเคารพ ไม่กล้าต่อยกลับแต่พร้อมโค้งให้ แต่ของอย่างนี้ มันคงสายเกินไป เพราะเรื่องกิริยามารยาท มันต้องสั่งสมมาตั้งแต่วัยเด็ก

เพราะฉะนั้นคนไทยคงต้องทำใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทหารจะอยู่ยาวแล้วอ้างการปฏิรูปประเทศ อ้างช่วงเปลี่ยนผ่าน หรืออ้างความขัดแย้งทางการเมือง เราทุกคนคงจะต้องทำใจ กับความเป็นจริงที่ว่า ประเทศไทยนั้นมีตัวตลกเป็นนายกฯ

พาดหัวข่าวในสื่อต่างประเทศ:

“Thailand’s military junta is led by a clown.”

เกี่ยวกับผู้เขียน: ปัจจุบัน ม.ล. ณัฏฐกรณ์ เทวกุล เป็น ผู้ดำเนินรายการ The Daily Dose และ Wake Up News สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี

ooo


ooo
'บิ๊กตู่' อัดนักการเมืองทำวุ่นวาย ปูดจ้องวางแผนร้ายน่ากลัว





ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
3 มิ.ย. 2559

นายกฯ อัดนักการเมืองทำวุ่น ลั่นให้ปรองดองยอมนิรโทษฯ ยกโทษทั้งหมดไม่ได้ หลังไม่ยอมหยุดวางแผนเลวร้าย น่ากลัว บอกถ้าทุกคนรู้ถึงขั้นหนาว หวั่นพูดไปทำประเทศไม่ปลอดภัย แนะคนอยู่เมืองนอกอยากกลับบ้าน ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยันไม่ได้อยากอยู่ต่อ วอนถ้าเห็นใจทุกคนต้องช่วยปฏิรูป พร้อมยันไม่เคยสั่งให้โกงเรียกผลประโยชน์ เผยเห็นแผนปฏิรูป ตร.-ทหารแล้ว เผยแก้ทุจริตดีขึ้นมาก พร้อมยันไม่เคยเรียกผลประโยชน์ เหตุหน้าไม่หนาพอ

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงงานด้านความมั่นคง หลัง คสช. และรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ 2 ปีกับการรักษาความมั่นคงภายในที่ยังละทิ้งไม่ได้ ว่า อยู่ที่ประชาชน อยู่ที่กลุ่มการเมือง วันนี้ตนไม่เห็นใครบ่นมากมายเท่ากับนักการเมืองเลย มีนักการเมืองเท่านั้นที่วุ่นวายทุกวันนี้ ถามว่าที่ผ่านมาเขาทำวุ่นวายไว้หรือเปล่า ถ้าเขาทำดีมาตลอด จะไปห้ามอะไรเขาล่ะ วันนี้ที่เขาทำ ก็ยังทำเหมือนเดิมอยู่ทุกวัน แล้วบอกว่าจะปรองดอง

"ให้ผมปรองดอง คือจะให้นิรโทษ ยกโทษทั้งหมด ทั้งคนต่างประเทศคนในประเทศ อ้างนี่โน่นไปทั้งหมด สรุปว่าปล่อยคนออกจากคุกหมดเลยเหรอ ผมทำไม่ได้หรอกนะ ถ้าจะสงบทุกคนต้องหยุดบ้างนะ ถ้าท่านไม่ให้ร้ายผม ผมก็ไม่ตอบโต้กับท่าน ถ้าท่านไม่มาขัดแย้งกฎหมาย กฎหมายก็ทำอะไรกับท่านไม่ได้ ถ้าท่านอยากจะกลับบ้าน ท่านก็มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็กลับบ้านได้ ก็ไม่มีอะไร ประกันตัวสู้คดี บางคนสู้กัน 10 ปี ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ตายยังไม่เห็นเข้าคุกเลย คนตายน่ะ สู้คดีไม่เสร็จมันมีอายุความทั้งหมด นี่ยอมสักอย่าง แล้ววันนี้ก็ดึงนี่โน่นมาพาดพิงเยอะแยะไปหมด ถ้าทุกคนรู้อย่างที่ผมรู้นะจะหนาวอีกเหมือนกัน ผมอดทนทุกอย่างแหละ แรงไปก็ไม่ได้ทั้งที่เลวร้ายน่ากลัว ที่เขาทำกันอยู่ทุกวันนี้นะ ถ้าพูดมากๆ ประเทศก็ไม่ปลอดภัย ประเทศก็มีคนเชื่อมั่น แต่คนเหล่านี้เขาสนใจไหมล่ะ พูดทุกวันนี้แล้วก็จะมาเป็นรัฐบาลกันอีกหรือ พวกนี้ผมว่าไม่ไหวนะ ประชาชนคิดเอาแล้วกัน" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากอยู่ต่อ ถ้ามีคนมารับดีๆ ท่านไปเตรียมตัวมาซิ เตรียมตัวให้ดี ไม่ใช่มารบกับตนอย่างวันนี้ เพราะตนทำให้ท่าน คนทั้งประเทศไทย ตนทำให้รัฐบาลใหม่ วันหน้าตนก็ใช้ภาษีเพื่อทาน ตนไม่ได้มาสั่งงานอะไรท่านอีกแล้ว ท่านจะได้มีเงินมากๆ จะไปทำอะไรของท่านก็ไปทำเถิด ทำให้ได้อย่างตนทำก็แล้วกัน จะเริ่มใหม่ดีกว่านี้ก็เชิญ วันนี้ตนเอาแบบนี้ เพราะงั้นต้องอยู่ภายใต้กรอบ ไม่ใช่กรอบเพื่อตนมีความสุขหรือบังคับคน ไม่มีความสุขหรอกครับ ถ้ามีอำนาจอย่างที่ตนเคยมีจะไม่มีความสุข เป็น ผบ.ทบ.มาผมไม่มีความสุข ตนต้องมี 2 อย่างยังไง ให้คุณกับให้โทษ ให้คุณก็โอเคมีจำนวนที่จำกัดอยู่แล้ว แต่ให้โทษนี่ คนเยอะยังไง ต้องลงโทษเยอะยังไง ตนไม่ใช่คนที่อยากใช้อำนาจกับใคร สงสารเขา แต่บางคนก็ไม่น่าสงสารนะ ประชาชนก็ต้องแยกให้ออกนะ อย่าไปให้เขาปลุกระดมต่างประเทศ ต้องช่วยกันพูดซิ นี่พอเขาพูดก็พูดตาม ขยายข่าวเขาไปเรื่อย ก็เท่ากับคนก็รับรู้มากขึ้น ตนพูดคนเดียว ทางโน้นพูดเป็นร้อยคน จะสู้ไหวไหมเล่า แล้วประเทศก็วุ่นวาย ที่เขาประเมินไว้ก็แย่ลง การลงทุนทำให้ดีขึ้นก็ดีไม่ได้หรอก ทั้งหมดนี่เพราะใครล่ะ ไปหามาให้เจอนะ เราต้องสร้างทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ในประเทศต้องสงบ ต่างประเทศเชื่อมั่น ให้เหมาะกับการลงทุนขนาดใหญ่เวลานานๆ ต่อไปวันหน้าบอกว่าการลงทุนไม่ใช่ 5 ปี 10 ปี 20 ปี ลูกหลานเขาเข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทย เขาก็ส่งทอดไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการปฏิรูปต้องดูก่อนว่า เรื่องราวเหล่านี้ที่คนฝากฝังอยู่นี่ ใช้คำว่าฝากฝังนะ ก่อนหน้ามาถูกฝังไว้ทั้งหมด ไม่ทำยังไงคือไม่ได้ทำให้เข้มแข็ง ไม่ได้ทำอย่างเต็มกำลัง ไม่ได้เอาใจใส่ ทำผ่านๆ ข้าราชการก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง วันนี้ต้องปฏิรูปทั้งหมด ปฏิรูปคน ปฏิรูประบบ ประสิทธิภาพ ปฏิรูปองค์กร สำคัญทุกคนต้องปฏิรูปตัวเอง ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งตลอดเวลา แล้วผมจะปฏิรูปอะไรได้ เห็นใจกันบ้าง วันนี้ก็กดดันเยอะพอสมควร ทุกคนฝากฝัง แต่ก่อนเขาฝังกันไว้ก็ไม่เห็นใครเข้าไปขุดเขากันนี่ อย่าหาว่าตนประชดประชันนะ ทั้งนี้ วันหน้าต้องเดินประเทศไป 20 ปี วันนี้วางแผน 5 ปีข้างหน้าสร้างความเข้มแข็ง ส่ิงที่ทำมาตั้งแต่ปี 57 และที่จะทำไปถึงปี 60 เดี๋ยวจะชัดเจนขึ้น ตนจะวาดภาพสรุป 2 ปี ให้ดูว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง แล้วจะส่งต่อไป 5 ปีอย่างไร แล้วรัฐบาลหน้าก็เชิญรับไปเถิด จะทำไม่ทำก็เรื่องของท่าน ถ้าตนไม่อยู่ ตนไม่ยุ่งอะไรกับท่าน ก็เป็นเรื่องของประชาชนไปดูนะ ที่ไม่ใช่สั่งแล้วทำ ทำแล้วเสร็จนั้นไม่ใช่ ปฏิรูปเขาเรียกว่ายึดโยง ปฏิรูปต้องทำใหม่ทั้งหมด โดยต้องทำทุกอย่างให้ยึดโยงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการที่จะให้ทุกพรรคการเมืองเดินหน้าตรงนี้ไปหน่อย ที่เหลือต้องทำร่วมกัน พรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ ต้องทำแบบนี้ ทำตรงนี้ไปก่อน เพราะนี่เป็นอนาคต ที่เหลือเขาจะไปทำตามยุทธศาสตร์พรรคอะไรก็ว่าไปของเขา เพื่อจะให้เกิดความแตกต่างจากพรรคอื่นๆ เพื่อจะได้คะแนนเสียงมาก็เรื่องของท่าน แต่อย่าทำให้ยุทธศาสตร์ชาติเสียหาย การใช้จ่ายงบประมาณของประเทศเสียหาย ไม่มีการทุจริตโกงกินคอร์รัปชันก็จบ แค่นี้แหละจะไปยากอะไรเล่า

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องของระบบการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง ทบวง กรม วันนี้ต้องปรับรูปแบบการบริหารราชการใหม่ กำลังให้ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ลองไปคิดดู ต้องเป็นโครงสร้างใหมตั้งง่ายและยุบง่ายด้วย คือตั้งหน่วยงานใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นเฉพาะกิจได้มั้ย เช่น ไอ้นี่มันขาดเราก็ตั้งขึ้นมาใหม่ แล้วก็หาคนที่มีความชำนาญเรื่องนี้มาทำ ฟูลไทม์กับพาร์ทไทม์ แล้วก็อาจจะไม่ต้องมาดูข้าราชการทั้งหมดก็ได้ บรรจุเป็นลูกจ้าง พนักงาน แต่มีเงินเดือนสูงหน่อย ใกล้ๆ กับข้าราชการ แล้ววันหน้าถ้าดีจริงถ้าไม่ต้องยุบ เพราะงานเราเยอะขึ้น ซึ่งตนไม่อยากจะว่าใครอีก การเมืองล่ะมั้งเข้าไปแทรกแซงเยอะแยะ มันทำให้ระบบเสียหาย วัฒนธรรมในองค์กรถูกทำลาย คนดีๆ อาวุโสไม่ได้ขึ้น ถ้าจะขึ้นก็ต้องทำตามคำสั่ง เห็นใจข้าราชการเขาบ้าง ส่วนการบริการพี่น้องประชาชน วันนี้ก็มีศูนย์ดำรงธรรม ถ้าช้าก็ไปร้องทุกข์ได้ ไปหาผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ตนให้ผู้ว่ามีอำนาจสิทธิ์ขาดอยู่แล้วในจังหวัดทุกงาน ทุกกระทรวงก็ต้องไปช่วยท่านผู้ว่าฯ ข้อสำคัญคือทำให้เร็ว ปัญหาบางปัญหาไม่ต้องไปรอเขาฟ้อง ปัญหาเราคือล่าช้า ไม่สนใจประชาชน รับปากไม่ทำ วันนี้ตนไม่ปล่อย ถ้ามาร้องเรียน 2 ครั้ง 3 ครั้ง ตนก็ต้องไปว่าผู้ว่าฯ จะเอายังไง ให้เวลาเขาปรับปรุง

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างข้าราชการเขากำลังทำอยู่ คือเรื่องตำรวจ-ทหาร แผนปฏิรูปเห็นแล้ว ระยะแรก ระยะสอง แต่ว่าอาจจะไม่ตรงใจ สปท. หรือของประชาชนเท่าไร เพราะแก้ทีเดียวไม่ได้ ถ้าแก้ที่เดียวก็ปลดตำรวจทั้งหมด แก้ได้ไหมล่ะ หรือไปยกเลิกโรงเรียนนายร้อยตำรวจ วันนี้ไม่ต้องผลิตออกมาหรอก แล้วไปรอยุคใหม่โน่น ก็ไม่มีตำรวจไปอีกกี่ปีล่ะ ทำไม่ได้ ก็ต้องทำยังไงให้เขาอยู่ได้ก่อน แล้วก็อะไรที่ดูว่าไม่สุจริตก็แก้ตรงว่าไม่สุจริตก่อนได้ไหม เรียกร้องผลประโยชน์ก็ลงโทษสถานหนักอะไรทำนองนี้ ปลดทันทีอะไรทำนองนี้ ติดคุกคดีอาญาด้วย ผู้ให้ก็ต้องโดนด้วย จะเรียกตำแหน่ง เงินตำแหน่งไปหามาซิ ไปอ้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เรียกผลประโยชน์ "ตนไม่เคยให้ใครเรียกรับผลประโยชน์ หน้าตนไม่หนาพอ"

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของนักโทษการเมือง กลุ่มนักศึกษา กลุ่มการเมืองเอง ต้องถามว่าแล้วผิดกฎหมายไหม ก็เอากฎหมายมาว่ากัน ถ้าผิดทำให้เกิดความไม่สงบวุ่นวาย ก็ต้องใช้กฎหมาย พอใช้กฎหมายแล้วก็บอกไม่เป็นธรรม หรือไปรังแกเขา ถูกไหมล่ะ ถ้าทุกคนอยากให้สงบก็อย่าไปยุ่งกับเขามากนัก การเมืองไม่ใช่จะเป็นจะตายวันนี้หรอก เอาการบ้านมาดูก่อน การบ้านคือการกินการอยู่เศรษฐกิจโน่น ไอ้นี่การเมืองหมด แล้วที่ผ่านมาการเมืองทำให้ประเทศเป็นอย่างนี้หรือเปล่าเล่า อย่าไปขยายความให้เขามากนักนะ การเมืองต้องนิ่ง ถึงต้องมีอำนาจโน่นนี่ให้นิ่งไง ถึงจะทำที่พูดมาทั้งหมดได้ ถ้าทุกคนยังเดินเคลื่อนไหวไปโน่นไปนี่ต่อต้านกันหมด จะไปทำอะไรได้ ถ้าทุกคนต่อต้าน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องรับผิดชอบด้วย เรียกมาคุยก็ไม่ได้ ทีเวลาไปด่าตนโครมๆ ได้ เออ ดีไหมล่ะ เรียกมาคุยขอให้เลิกก็ไม่เลิก แล้วบอกว่าตนบังคับ สำหรับการแก้ไขปัญหาการทุจริตก็ดีขึ้นมาก ลดลงไปได้เยอะ แต่จะ 100% ไหมล่ะถ้าจิตสำนึกคนยังไม่แก้ ที่แอบอ้างชื่อถ้าเจอจับหมด เพราะตนไม่เคยไปสั่งให้ไปโกง ไปเรียกผลประโยชน์ ทุกโครงการลงไปหลายแสนล้านนี่ ลงไปให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชน ไม่ใช่ไปต่อยอด ไปโกง เอาโครงการไปทำ แล้วส่งเงินรัฐบาล ไม่ใช่เลย ผมไม่เคยทำ ทั้งชีวิตผมไม่เคยทำแบบนี้ ตนว่าจะไม่ดุเดือดก็เอาจนได้ ไม่อยากทำลายบรรยากาศที่กำลังดีๆ อยู่ ไปสู่การทำประชามติ