วันอาทิตย์, มิถุนายน 12, 2559

ความหัวหมอศรีธนญชัย ของ 'หอเอียง' สมชัย





คู่กอด (สศจ.-ปวิน) เมื่อวาน ไม่มันหยดเท่า ‘คู่กัด’ สมชัย-เพ็นกวิน เมื่อสองวันก่อน เพราะคู่กอดค่อนข้างคล้อยตามกัน ไม่ได้ยืนหยัดซัดคนละหมัดเหมือนอย่างคู่กัด

ถึงแม้แต่ละคู่ต่างมีลำหักลำโค่นไม่มีใครด้อยกว่าใคร แต่สำหรับคู่หลังนั่น สมชัยดูจะมีภาษีดีกว่าเพ็นกวินเล็กน้อยตรงที่มีพี่เลี้ยงเป็นนักเลง เวลาเพ็นกวินอยากปล่อยหมัดหนักๆ ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ พี่เลี้ยงของสมชัยอุ้มตัวไปปรับทัศนคติ

แต่กระนั้นเรายังมาสัมผัสความมันกันได้เต็มที่ อันเนื่องมาแต่คลิปยอดมัน ‘อย่างนี้ต้องตีเข่า’ (โหวตไม่เอา ต้องตีตก) ของพลเมืองโต้กลับ ทำให้ กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร เดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก

เนื่องจากเห็นว่าเพลงอาจทำให้เจ้านายกระเทือนซาง ด้วยเนื้อร้องที่ว่า “เผด็จการหัวปลี อย่าได้มีภาคสอง” มันคล้องจองกับ “ไอ้พวกอัปรีย์...หลอกว่าขอเวลาไม่นาน เสือกจะอยู่นาน ซะจนป่นปี้”

สมชัยจึงได้ฟาดหาง “ผู้ที่ปรากฎตัวในคลิปเพลงของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ อาจมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายอาญา กฎหมายความมั่นคงและประกาศของ คสช. นอกจากนี้ยังได้แนะนำบุคคลราว ๒๐ กว่าคนในคลิป ซึ่งรวมผมด้วยนั้น ให้ไปทำบันทึกประจำวันหากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ”






นั่นเป็นสาเหตุที ‘เพ็นกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ใช้อ้างให้ออกมาใช้สิทธิพาดพิงตอบกลับสมชัยด้วยบันทึกวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ชี้แจงจุดยืน ‘ผมผิดอะไร’ เนื้อความว่า

นับแต่มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติออกมา เขาเห็นว่าบทบัญญัติเกี่ยวกับการศึกษาที่ลดระยะเวลาสนับสนุนการเรียนเหลือ ๑๒ ปี ทำให้ “สถานการณ์ของนักเรียนมัธยมปลายและสายอาชีพตกต่ำลงกว่าเมื่อครั้งมีรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ”

“เมื่อเห็นความไม่ถูกต้อง เยาวชนก็ควรจะชี้ให้เห็นความบิดเบี้ยวนั้น เมื่อเห็นว่าสิทธิ ม.ปลายฟรี ซึ่งเป็นของเรา เป็นของน้องเรา จนไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรากำลังถูกลิดรอนไป เราก็จำเป็นต้องแสดงตัวเพื่อให้สังคมรับรู้ว่า เยาวชนไม่ยอมให้ใครพรากสิทธิอันควรได้ของเราไป”

“ท่านกล่าวหาว่าการกระทำของผมอาจขัดกับกฎหมายความมั่นคง ‘ความมั่นคง’ ของท่านเปราะบางขนาดที่จะถูกคุกคามด้วยการเต้นของนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งเลยหรือ เพียงแค่แสดงจุดยืนของตัวเองผ่านศิลปะอย่างสงบ ใช้สันติวิธี ก็ถือว่าเป็นการปลุกระดมได้แล้วหรือ”

(http://prachatai.org/journal/2016/06/66238…)





เจอคู่ฟัดรุ่นเล็กโต้ด้วยคารมคมคายยังกับเป็นรุ่นใหญ่กว่า กกต. สมชัยเลยออกแนว ‘ฉุน’ อย่างเจ้านายออกลายนักเลง โพสต์ตอบเพ็นกวินว่า

“เต้นไม่ผิดครับ แต่มีบางอย่างต้องขอข้อมูล เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะหาโอกาสไปเยี่ยมน้องที่โรงเรียนนะ”

อ๊ะ ชาติชายนักประชาธิปไตยอย่างเพ็นกวินมีหรือจะหงอคำขู่ ‘ไปเยี่ยม’ ถึงโรงเรียน ให้สัมภาษณ์ ฟ้ารุ่ง ศรีขาว ว่า

“จะไม่ไปลงบันทึกประจำวัน ตามที่ กกต.โพสต์เฟซบุคแนะนำ เพราะการลงบันทึกประจำวันมีไว้สำหรับคนที่มีความผิด ส่วนตัวมองว่าการที่ได้ไปเต้นเพลงตีเข่า (ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ) ไม่ได้ทำผิดอะไร”

แล้วยังถามว่า “ทำไมท่าน กกต.สมชัย จึงไม่พยายามเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยนอย่างเสรี ตามหลักการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม ทำไมท่านถึงใช้อำนาจของท่านในการปิดกั้นประชาชน ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือคนที่จ่ายภาษีมาเป็นเงินเดือนให้ท่าน”

(https://www.facebook.com/Fahroong-Srikhaoเพ็นกวินตอบสมชัยจะ…)

หน้าแตกไม่เป็นไร ทั่นสมชัยขอให้ได้ต่อกร คราวนี้ไม่ต้องสไตล์นักเลง แต่เอาแบบหัวหมอศรีธนญชัยตามเพลง อ้างกฎหมายที่พวกลิ่วล้อเหมือนกันเตรียมไว้ให้จ้าวนาย พรบ. ประชามติที่เขียนกันเองกับมือให้เป็นลายลักษณ์ว่าผิดเป็นผิด ย้ำอีกครั้ง

“นายสมชัยกล่าวว่า กลุ่มคนที่ร่วมแสดงในคลิปและกลุ่มคนทำเพจเผยแพร่ มีจำนวนเกินกว่า ๕ คนหรือไม่ หากมีจำนวนเกินกว่า ๕ คน อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา ๖๑ วรรค ๔ ด้วย” และ

“คลิปเพลงที่ผลิตมีการเผยแพร่ในยูทิวบ์ครั้งแรกเมื่อใด โดยกลุ่มใด หากเผยแพร่ก่อน ๒๓ เม.ย. ๒๕๕๙ ไม่ถือว่าผู้เผยแพร่ครั้งแรกมีความผิด แต่ผู้แชร์ต่อหลังวันที่ ๒๓ อาจมีความผิด”

(http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…)

ความจริงปรากฏว่า “คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ครั้งแรกทางเว็บไซต์ยูทูปเมื่อวันที่ ๑๓ เม.ย.ก่อน พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับในวันที่ 2๒๓ เม.ย. จึงถือว่าผู้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกไม่ผิด”

แต่ กกต.สมชัยว่าผิดเพราะเข้าข่ายกฎหมายอื่นๆ “เช่น พรบ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายอาญา กฎหมายความมั่นคง และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” เอ๊ะนี่นักกฎหมายรุ่นไหน เที่ยวหา ก.ม.มาปรับใช้ให้ตรงกับข้อกล่าวหา

มิหนำซ้ำยังไปเอามาตรา ๖๑ วรรค ๒ ของ พรบ.ประชามติที่ยังเป็นปัญหาความชอบธรรม รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาอ้างความผิดอีกกระทงฐาน “ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม และข่มขู่” ทั้งที่ กกต.เองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฐานความผิดที่ตัวเองอ้างนั้นแท้จริงอย่างไร

ในเมื่อแม้แต่การจัดทำแอ็พพลิเกชั่นสำหรับตรวจสอบคำต้องห้ามตามฐานความผิดเหล่านั้นยังผิดพลาดขนาดหนัก ที่บอกว่าคำ ‘ไม่รับ’ เป็นคำหยาบคาย จน กกต.สมชัยยังต้อง “ขออภัยผู้ใช้งาน application ฉลาดรู้ ของ กกต. ยอมรับมีความผิดพลาด จัดประเภทคำว่า ‘ไม่รับ’ เป็นคำไม่สุภาพ

นี่ไง เรื่องผิดพลาดของตัวเองแค่ขอโทษ จบ เรื่องคนอื่นไม่แน่ใจว่าผิดไหม แต่ไม่ชอบเพราะเกรงไปกระทือนซางเจ้านายก็ยังดึงดันหาว่าไม่ควรจนได้

หนักไปกว่านั้นบางเรื่องอาจไม่ใช่แค่ผิดพลาดแต่ตั้งใจ แก้ตัวไม่ได้เลยโบ้ยบ้ายบิดเบี้ยวจากความชั่วร้ายให้เป็นเจตนาดีไปเสียฉิบ

เรื่องเพลง ‘๗ สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง’ ที่เนื้อถ้อยบ่งชัด ใครที่รู้ภาษาไทยอ่านแล้วเข้าใจว่าเหยียดภาคอิสานและเหนือว่าจะถูกจูงจมูกได้ง่าย แต่กับภาคใต้ที่ปิดหน่วยเลือกตั้ง ยึดหีบคะแนนเป็นประกัน เพื่อให้การเลือกตั้ง ๒ ก.พ. ๕๗ ล้มเหลว กลับเป็นพวกรักประชาธิปไตย

คราวนี้ประธาน กกต.ออกมาปกป้องเจ้านายด้วยตัวเอง “ไม่มีเจตนาจะแบ่งแยกชี้นำ และมองว่าเป็นการจ้องจับผิดของคนบางกลุ่มมากกว่า”






นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ติดเชื้อ ‘เอาชั่วให้คนอื่น’ ผลักภาระไปที่ผู้แต่งเพลง อ้างแค่ “ทางศิลปินก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้วด้วย”

ทั้งที่ นายสัญญาลักษณ์ ดอนศรี นักแต่งเพลงอิสระ แม้จะกล่าวชี้แจงถึงการแต่งเพลงรณรงค์การออกเสียงประชามติของตนว่า “ไม่เคยดูถูกคนภาคไหน” แต่ก็ “ได้รับแนวคิดการแต่งเพลงจาก กกต.มา” และ

“ยอมรับว่าอาจมีบางคำที่ทำให้คนอ่อนไหวในทางการเมืองได้ ผมยืนยันในเจตนาว่าไม่ได้ดูหมิ่นใคร และคงแก้ไขเนื้อเพลงไม่ได้แล้ว เพราะแก้เนื้อเพลงมา ๘๘ รอบแล้ว”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/374940.html)

อย่างนี้แสดงว่าคนแต่งต้องใส่เนื้อตามที่ กกต. ต้องการ ชนิดแก้แล้วแก้อีก ๘๘ ครั้ง ไฉน กกต.ยังตระบัดอีกว่า “ยืนยันว่าจุดประสงค์ของเพลงดังกล่าว คือการเชิญชวนคนออกมาใช้สิทธิ” เท่านั้น