วันอังคาร, มิถุนายน 28, 2559

นปช. 17 จ.ภาคเหนือ ปูพรมตรวจ ครู ค. ที่เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่รัฐว่า วางตัวเป็นกลาง หรือชี้นำประชาชนหรือไม่





นปช. 17 จ.ภาคเหนือ ปูพรมตรวจ ครู ค. รณรงค์ให้คนใช้สิทธิ์มากที่สุด ยันไม่มีปชต.ใหม่-นศ.เข้าร่วม


ที่มา มติชนออนไลน์
27 มิ.ย. 59


วันที่ 27 มิถุนายน ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เชียงใหม่ ในฐานะผู้ประสานงาน นปช. 17 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวถึงการรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญ ลงประชามติ วันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า ได้ให้อาสาสมัคร นปช. และคนเสื้อแดง ลงพื้นที่ 204 ตำบล 25 อำเภอ ตรวจสอบการรณรงค์ของ ครุ ค. ที่เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่รัฐว่า วางตัวเป็นกลาง หรือชี้นำประชาชนหรือไม่

ซึ่งใช้อาสาสมัครตรวจสอบกว่า 1,000 คน พร้อมเผยแพร่การรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญ แก่เครือข่ายและอาสาสมัคร ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืน หรือชี้นำ ครอบงำ ผู้ออกเสียงประชามติดังกล่าว เพื่อให้การทำประชามติไม่ทุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการรณรงค์รัฐธรรมนูญ ทำประชามติทั่วประเทศ กว่า 2 ล้านคน

“เครือข่ายและอาสาสมัคร จะลงพื้นที่ตรวจสอบจนกว่าการทำประชามติแล้วเสร็จ โดยเก็บข้อมูล พยานหลักฐาน เบาะแสที่ส่อในทางทุจริต หรือกระทำผิดกฎหมายเป็นหลัก พร้อมชี้แจงอาสาสมัคร ถึงระเบียบกฎหมาย คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าให้ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย และอย่าทำผิดกฎหมายเสียเอง เพื่อให้การทำประชามติเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย” ด.ต.พิชิต กล่าว

นายองอาจ ตันธนสิน แกนนำชมรมคนรักประชาธิปไตย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สร้างเครือข่ายรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ผู้ออกเสียงลงประชามติมาใช้สิทธิมากที่สุด พร้อมตั้งกลุ่มไลน์ เพื่อประสานข้อมูล ตรวจสอบ มีสมาชิกเข้าร่วม 200 คนแล้ว และขยายเครือข่ายไปยังโซเชียลมีเดีย เพื่อให้สมาชิกได้รายงานความเคลื่อนไหว และชี้เบาะแสการทุจริต ภายใต้หลักการมีส่วนร่วม

“การรณรงค์ใช้เวลาดำเนินการ 2 เดือน พร้อมเฝ้าระวังการทุจริตทำประชามติ ทั้งนี้มีแผนจัดอบรมสมาชิกและเครือข่าย เพื่อรายงานข่าว ข้อมูล ความเคลื่อนไหวทุกด้าน กลางกรกฎาคมนี้ ก่อนนำข้อมูลข่าวสาร มาประมวล วิเคราะห์ข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันความเสียหายภายหลัง ส่วนกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ หรือกลุ่มนักศึกษาไม่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรม แต่เปิดกว้างให้ทุกกลุ่มสี และทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมได้ ทั้งนี้ได้ทำความเข้าใจกับทหาร ตำรวจ ปกครอง และฝ่ายความมั่นคงแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาอย่างใด” นายองอาจ กล่าว