วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 30, 2559

คลิป“พระพุทธะอิสระ” ปะทะคารมดุเดือด “ทนายประสิทธิ์” กลางวัดอ้อน้อย หลังเดินทางมายื่นหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ให้พระพุทธะอิสระพ้นจากความเป็นพระ




https://www.youtube.com/watch?v=f4MC_D9pDr0

ดุเดือด! “พระพุทธะอิสระ” ปะทะคารม “ทนายประสิทธิ์” กลางวัดอ้อน้อย

TomYumTV

Published on Jun 30, 2016


สนับสนุนเนื้อหา : SpringNews

"พระพุทธะอิสระ" ปะทะคารมกับ "ทนายประสิทธิ์" หลังเดินทางมายื่นหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ให้พระพุทธะอิสระพ้นจากความเป็นพระ

วันที่ 30 มิ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 มิ.ย.) นายประสิทธิ์ สันจิตร ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธและทนายความ พร้อมด้วย กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา ได้เข้ายื่นหนังสือกล่าวหา พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ ว่า ต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 โดยให้พ้นจากความเป็นพระ ต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะผู้ปกครอง

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงวัดอ้อน้อย ปรากฎว่า พระพุทธะอิสระได้เดินทางมาหาและถามกลับว่า "มาทำไม" ด้าน ทนาย ชี้แจงว่า มายื่นหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ให้พระพุทธะอิสระพ้นจากความเป็นพระ เพราะคำพิพากษาศาลระบุว่า พระพุทธะอิสระละเมิดฐานปิดล้อมสถานที่ราชการ จนต้องชดใช้ค่าเสียหาย โดยตนเองเป็นผู้กล่าวหา และกลุ่มคนดังกล่าว ยืนยัน จะขอพบเจ้าอาวาสเท่านั้น ก่อนที่จะเกิดการปะทะคารมกันอย่างดุเดือด

"คุณกล่าวหาฉันเป็นปาราชิกใช่ไหม? เมื่อเป็นผู้กล่าวหาโดยมิชอบก็สมควรแล้วที่จะต้องโดนฟ้องร้อง เอาแน่ ๆ คือ คุณได้ขึ้นศาล เพราะสิ่งที่คุณปรามาสฉันว่าเป็นอาบัติปาราชิก ทั้ง ๆ ที่คุณไม่ได้มีหน้าที่ ไม่ได้เสียหาย" พระพุทธะอิสระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังมีการปะทะคารม ทนายประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนตั้งใจมายื่นหนังสือต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่สะดวกที่จะออกมารับหนังสือ เพราะไม่ได้มีการนัดหมายไว้ก่อน จึงเป็นการกระทำข้ามขั้นตอน แต่จะทำหนังสือนัดท่านเจ้าอาวาสอีกครั้ง และจะมายื่นหนังสือใหม่อีกครั้งในข้อกล่าวหาเดิม
....

เรื่องเกี่ยวข้อง...

ทนายและศิษย์วัดพระธรรมกาย บุกวัดอ้อน้อย

(http://www.thairath.co.th/content/650866)

งานฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกาของสถานเอกอักรราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย + รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี พ.ศ. 2559 สหรัฐให้ประเทศไทยได้เลื่อนอันดับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่ 2





https://www.facebook.com/usembassybkk/videos/1155824691105338/

The video was live.

ooo





Source: FB 


กระทรวงการต่างประเทศแถลงออกรายงานการค้ามนุษย์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559 โดยประเทศไทยได้เลื่อนอันดับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี พ.ศ. 2559 ครอบคลุมความพยายามดำเนินการของรัฐบาลต่างๆ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2558 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 การถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองแสดงว่า รัฐบาลไทยได้ดำเนินความพยายามอย่างมีนัยสำคัญในการขจัดการค้ามนุษย์ในช่วงเวลาการทำรายงาน ทว่า การดำเนินงานนั้นยังไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดอย่างครบถ้วน สหรัฐฯ จะยังขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมตามกรอบคำแนะนำในรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี พ.ศ. 2559 รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยในการแก้ไขปัญหาสำคัญนี้ เชิญอ่านคำแถลงของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา U.S. Embassy Bangkokได้ที่นี่ http://thai.bangkok.usembassy.gov/n…/press/2016/nrot023.html


The U.S. Department of State’s Trafficking in Persons (TIP) Report was released in Washington, D.C. on June 30, 2016, and Thailand was upgraded to Tier 2 Watch List. The 2016 TIP Report covers governments’ anti-trafficking efforts from April 1, 2015 through March 31, 2016. The Tier 2 Watch List ranking indicates that the Government of Thailand made significant efforts to eliminate trafficking during the rating period, but still does not fully meet the minimum standards for doing so. We will continue to urge the Thai government to make tangible progress in line with recommendations outlined in the 2016 TIP Report. The U.S. government is committed to working closely with the government and the people of Thailand to address this significant challenge. Read U.S. Embassy Bangkok statement here: http://bangkok.usembassy.gov/news/press/2016/nrot023.html

...

Statement on 2016 Trafficking in Persons (TIP) Report

June 30, 2016

Human trafficking is a heinous crime that knows no borders, and creates tens of millions of victims worldwide, including men, women, and children. “Human trafficking,” “trafficking in persons,” and “modern slavery” have been used interchangeably to describe the exploitation of someone for the purposes of compelled labor or commercial sex through the use of force, fraud, or coercion. Forms of human trafficking include sex trafficking and forced labor, including debt bondage and domestic servitude. When a person younger than 18 is subjected to prostitution, it is sex trafficking even without any showing of force, fraud, or coercion.

The U.S. Department of State’s Trafficking in Persons (TIP) Report was released in Washington, D.C. on June 30, 2016, and Thailand was upgraded to Tier 2 Watch List. The 2016 TIP Report covers governments’ anti-trafficking efforts from April 1, 2015 through March 31, 2016. The Tier 2 Watch List ranking indicates that the Government of Thailand made significant efforts to eliminate trafficking during the rating period, but still does not fully meet the minimum standards for doing so.

The Tier 2 Watch List ranking underscores that the problem of human trafficking in Thailand remains large and requires additional, substantial, and effective government leadership. We encourage Thailand to make further, sustained progress in fighting trafficking and enforcing Thai anti-trafficking laws. The Report includes a list of recommendations specific to the trafficking issues in Thailand that we believe will help the government make progress. We encourage the government to implement those recommendations fully. U.S. government agencies and law enforcement officials remain partners to the government and civil society in Thailand as they work to end human trafficking.

In 2015, the Thai government reported increases over the previous year in investigating sex trafficking cases and suspected cases of forced labor, as well as in prosecuting and convicting hundreds of traffickers. The government also began to investigate labor trafficking in the fishing industry in dozens of cases. Labor trafficking, including debt bondage, however, remains a significant problem in Thailand, and widespread forced labor in Thailand’s seafood sector continued to occur. Most complicit officials, employers, owners, brokers and recruitment agencies involved in trafficking continued to operate with relative impunity. The government initiated prosecutions of cases involving abused Rohingya and Bangladeshi migrants. We encourage timely active follow through on investigations, prosecutions, and court proceedings of all pending cases, —including of allegedly complicit government officials, and urge the Thai government to build on its successful cases in the past year to identify and investigate new cases of forced labor, debt bondage, and sex trafficking.

Thai law enforcement, social workers, and civil society collaboratively identified and assisted hundreds of trafficking survivors in 2015. Additional effective efforts, however, are needed across agencies and with civil society partners, to better recognize indicators of human trafficking, and assist and empower survivors. The report urges Thailand to continue to improve the consistency of victim identification procedures; prioritize the rights, freedoms, and safety of potential victims; and implement new rules to confer legal status and work permits to trafficking victims. We also encourage the government to actively scrutinize and improve labor recruitment practices through official and non-official channels for migrant workers.

In 2015, Thailand took steps to address official complicity, including sentencing two public officials to prison terms; but corruption and official complicity continued to impede anti-trafficking efforts, and many cases involving allegedly complicit officials remained pending. Reports persist that some government officials profit from bribes and direct involvement in the extortion of migrants and their sale to brokers, exacerbating their vulnerability to sexual servitude, forced labor, or debt bondage. Thailand established specialized anti-human trafficking divisions within the Bangkok Criminal Court and the Office of the Attorney General. These institutions began to review cases and we look forward to observing the results of these specialized bodies, as they continue to acquire additional resources and expertise. Among sex trafficking cases, efforts to investigate child cases and the creation of the Thai Internet Crimes Against Children (TICAC) Task Force led to arrests of both foreign and Thai traffickers.

We will continue to urge the Thai government to make tangible progress in line with recommendations outlined in the 2016 TIP Report. The U.S. government is committed to working closely with the government and the people of Thailand to address this significant challenge.

The 2016 Trafficking in Persons Report is available online here: http://www.state.gov/j/tip/

ข่าวทหารอุ้ม น้องเบียร์ นักจัดรายการฝีปากกล้า ที่ท้าทายระบอบอำมาคย์ทรราช ไปที่ค่ายพ่อขุนผาเมือง มทบ.36 เพชรบูรณ์ กว่า 7วัน เป็นตายเท่ากัน













หมายเหตุไทยอีนิวส์ : ข่าวที่ไทยอีนิวส์ได้รับนี้ ไทยอีนิวส์ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ ขอองค์กรสิทธิมนุษยชน ช่วยติดตามด่วน!
.....


‪#‎อย่าปล่อยให้เพื่อนเราหายไป‬
ข่าวทหารอุ้ม น้องเบียร์ หายตัวไปกว่า 7วัน ทิ้งไว้แค่รองเท้า 1 ข้างกับมอไซค์ให้ดูต่างหน้า เป็นความจริง หลังจากตรวจสอบข่าวอยู่หลายวัน

--------------------------------------------------------------------------------

น้องเบียร์ นักจัดรายการ ฝีปากโดนอุ้มไปที่ค่ายพ่อขุนผาเมือง
มทบ.36 เพชรบูรณ์..!!! เป็นตายเท่ากัน

-
เมื่อหลายวันก่อน ผมต้องสดุ้งและใจหายกับข่าวการหายตัวของ น้องเบียร์ นักจัดรายการ ฝีปากกล้า ที่ท้าระบอบอำมาคย์ทรราช
-
แหล่งข่าว แจ้งว่า น้องเบียร์ถูกล่อให้ออกจากพื้นที่ พร้อมกันนั้น ทหารของ ทรราช คสช. กว่าร้อยนาย ได้เข้ามาในพื้นที่เช่นกันเพื่อการจับคุม
-
จากการพูดคุย พอเรียบรียง ได้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หรือเมื่อ 7 วันที่ผ่านมา น้องเบียร์ ได้เดินทางไปสายของการทางคนหนึ่ง โดยที่เาไม่รู้ตัว และสายทหารคนนี้ ที่เป็นคนชี้เป้า ให้กับทรราช คสช. และมีผลงานสะท้านฟ้ามีแล้วเมื่อคราวที่ ระเบิดลานจอดรถที่ศาลรัชฏา จนเป็นที่มาของการจับแพะมั่วกว่า 40 คน
-
การอุ้ม น้องเบียร์ ครั้งนี้มีนัยยะ อย่างชัดเจนว่าเพื่อโยงน้อง เบียร์กับพรรคเพื่อไทย และผู้ให้การสนันสนุน ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมีการจับ เครือข่าย ของพี่น้องฝ่ายประชาธิปไตย อีกมากในไม่ช้านี้
-
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า
-
การอุ้มน้องเบียร์ ครั้งนี้ เป้าหมายชี้ชัดไปที่ พรรคเพื่อไทย เพื่อ กำจัด พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยให้ราบคาบ ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ในครั้งหน้า เพราะหาก ประชามติ ไม่ผ่าน ทรราช ประยุทธ์ จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งนั้นคือ แรงกดดันทั้งหมด ไปตกที่ ทรราช ประยุทธ์

-
ฉนั้นการกำจัดด้วย รัฐธรรมนูญโจรของทรราช คสช. ไม่ได้ผล ก้ต้องเดินแผนสอง คือการใส่ร้ายป้ายสี ยัดข้อหาให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
-
ทรราช คสช. อุ้ม น้องเบียร์ ครั้งนี้จะรอดหรือไม่ นั้นคือสิ่งที่ เป็นคำถาม...........เพราะทหารสั่งปิดข่าว เพราะมีองค?ประกอบหลายอย่างที่จะทำให้ น้องเบียร์ สาปสูญ หรือรีดข่าวจนหมดสิ้นแล้วก็เก็บในทางลับ
-
สิ่งเดียวที่จะทำให้ น้องเบียร์ นักจัดรายการ รอดพ้นการการสังหารด้วยระบำเท้าของเหล่า ทรราช คสช.ได้ พวกเราก็ต้องทวงถามถึงความถูกต้อง และนำ น้องเบียร์ นักจัดรายการ เข้าสู่ขบวนการ ยุติธรรม ถึงแม้ว่า ระบบ ยุติธรรม ในบ้านเมืองเวลานี้ จะไม่หลงเหลืออยู่แล้วก็ตาม

-
แต่นั้น .... ความความหวังเดียวของพวกเราที่พอจะช่วย น้องเบียร์ นักจัดรายการ ได้ ไม่ใช่อุ้มหายไปเฉยๆ อย่างนี้

-
พี่น้องจำ เปิล กริชสุดาได้ไหม เมื่อคราวที่ถูกอุ้มหายไป ก็ลักษณะเดียวกันกับ น้องเบียร์ ในครั้งนี้ หากแต่วันนั้น น้องเบียร์ เป้นผู้ตีข่าวและออกคลิปหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องให้ เปิล กริชสุดา รอดพ้นจากมือ ทรราช คสช.ได้

--

23 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊คเพจชื่อ "อิทธิพล สุขแป้น" ซึ่งเป็นของนายอิทธิพล สุขแป้น หรือ ดีเจเบียร์ แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดเชียงใหม่ ได้เผยแพร่คลิปเสียงของนายอิทธิพล ที่กล่าวข่มขู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และ หัวหน้า คสช. กรณียังควบคุมตัว น.ส.กริชสุดา คุณะแสน แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งอยู่ระหว่างควบคุมตัวของ คสช. หลังจากที่ คสช. เรียกให้มารายงานตัวรอบ 2 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นายอิทธิพล ระบุว่า หากมีพี่น้องคนเสื้อแดงเสียชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ และตนเองจะเปิดศึกกับพล.อ.ประยุทธ์จนกว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่ไปข้างหนึ่ง พร้อมยืนยันว่าการไม่ไปรายงานตัวนั้นเป็นสิทธิที่จะสามารถกระทำได้ และจะไม่มีการเข้ารายงานตัวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติแน่นอน ..นั้นคือน้องเบียร์

---
วันนี้ ชะตากรรมของ น้องเบียร์ อยู่ในมือของทรราช คสช. เขาจะรอดหรือเขาจะตายหรือจะเป็นผู้สาบสูญ ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องแล้วครับ

-
เสรีชน


คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ มติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ ไม่ต่างไปจากตรายางคอยประทับรับรองอำนาจเผด็จการของ คสช.




มติเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ ของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่ามาตรา ๖๑ ของกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗

ไม่เพียงแต่ยืนยันอำนาจรัฐบาลคณะรัฐประหารในการผลักดันให้ประชาชนจำยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น

แต่เป็นการวางรากฐานอำนาจพิเศษของคณะทหาร (คสช. และผู้สืบทอด) เหนือการเมืองการปกครองประเทศไทย อย่างเป็นรูปธรรมชัดแจ้งเป็นเวลาอีกยาวนาน ผ่านทางบทเฉพาะกาล ๕ ปี และยุทธศาสตร์ชาติอีก ๒๐ ปี

โดยที่วรรค ๒ ของมาตรา ๖๑ อันเป็นประเด็นที่มีการร้องเรียนผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการรณรงค์โดยฝ่ายประชาชนเกี่ยวกับการลงประชามติร่าง รธน.

“เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวาย...

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดไม่เกินห้าปีด้วยก็ได้

ในกรณีเป็นการกระทำความผิดของคณะบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี”

(http://www.matichon.co.th/news/193640)

ในเมื่อการร้องเรียนเพื่อตีความตั้งอยู่บนฐานความถูกต้องทางกฎหมาย ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา ๔ ที่ว่าด้วยสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุในมาตรฐานสากล คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ต่างไปจากตรายางคอยประทับรับรองอำนาจเผด็จการของ คสช. สมดังเจตนาของร่าง รธน. ฉบับที่นำออกมาให้ผ่านประชามติเพื่อสร้างความชอบธรรมทางกฎหมาย

กระทั่งองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคอาเซียนก็ยังมองเห็นผลการตัดสินเช่นนี้ว่า “เป็นการเชิดชูบทบัญญัติกฎหมายที่วางขอบข่ายกว้างเกินไป ซึ่งได้นำออกมาใช้ทำการจับกุมและข่มขู่นักกิจกรรม และกำจัดข้อโต้แย้ง

ชี้ให้เห็นการถอยหลังอีกครั้ง ของเสรีภาพแห่งการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทย”




นายชาร์ล ซานติเอโก สมาชิกสภาผู้แทนของมาเลย์เซีย ซึ่งดำรงตำแน่งประธานองค์การ สมาชิกรัฐสภาแห่งอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นต่อกำหนดการออกเสียงประชามติในประเทศไทยวันที่ ๗ สิงหาคมนี้

“ข้อจำกัดในการรณรงค์เรื่องประชามติ ในทางเทคนิคอาจไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่คณะทหารผู้ใช้กำลังยึดอำนาจประเทศได้จัดร่างขึ้น

แต่ไม่มีข้อสงสัยใดเลยว่ามันละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการปกป้องโดยกฎหมายระหว่างประเทศ”

(http://aseanmp.org/…/asean-mps-call-thai-authorities-allow…/)

สมาชิกรัฐสภาอาเซียนยังได้แสดงความกังวลถึงการจับกุมนักกิจกรรม ๑๓ คน เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ที่ไปแจกแผ่นปลิวที่สมุทรปราการชักชวนประชาชน ‘โหวตโน’ ต่อร่าง รธน. (๖ คนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลังประกัน อีก ๗ คนไม่ยอมรับเงื่อนไขการประกันตัว จึงถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกระทั่งบัดนี้)

“การจับกุมเช่นนี้แสดงถึงความเหลวไหลของกฎระเบียบต่างๆ รายล้อมการออกเสียงประชามติ คนเหล่านั้นเพียงแต่พยายามสร้างการมีส่วนร่วมของสาธารณะ ชี้แจงถึงเนื้อหาของร่างฯ และแสดงความห่วงใยในใจความของบทบัญญัติเหล่านั้น

สำหรับพวกเขา การถูกจับกุมและควบคุมตัวไม่เพียงแต่เป็นการประพฤติก้าวร้าวต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน มันเป็นความแล้งน้ำใจขาดความใยดี

ถึงที่สุดแล้วมันชี้ให้เห็นเจตนาของคณะทหาฮุนต้าที่จะปิดประตูการถกเถียงใดๆ และจับรัฐธรรมนูญยัดใส่ปากประชาชนนั่นเอง”

องค์การสมาชิกรัฐสภาอาเซียนฯ ยังระบุด้วยว่า กฎหมายที่ใช้ในการดำเนินคดีกับ ๑๓ ผู้ต้องหารณรงค์ประชามติไม่รับร่าง รธน. นี้ละเมิดหลักการสิทธิแสดงออกและชุมนุมอย่างเสรี เป็นละเมิดต่อพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมหาชนและการเมือง (ICCPR)

นายซานติเอโกกล่าวอีกตอนหนึ่งด้วยว่า “การออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้น ถ้าหากจะมีความชอบธรรมอยู่บ้างสักนิด ทางการไทยจะต้องเปิดให้มีการถกเถียงเกี่ยวกับร่างฯ อย่างเสรีและเปิดเผยก่อนจะมีการลงคะแนน

หากคณะฮุนต้ายังคงสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ด้วยการจับกุมและข่มขู่คนที่แสดงออกตามสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ของตน

ย่อมเป็นผลในทางต่อต้านประชาธิปไตยเหนียวแน่น จนนำไปสู่การสั่นคลอนทางการเมือง ในอีกไม่ช้าไม่นานนัก”










จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ซึ่งยื่นคำร้องคัดค้านมาตรา ๖๑ วรรค ๒ ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แสดงปฏิกิริยาต่อการตัดสินของศาล รธน.ว่า

“มาตรา ๖๑ วรรคสอง มีข้อความที่ไม่เคยปรากฏในกฎหมายประชามติที่ใดในโลก...ภาษาที่ใช้มีการตีความยาก อะไรคือการผิดจากข้อเท็จจริง อะไรคือข้อความที่ก้าวร้าว หยาบคาย อะไรคือปลุกระดม

ผมได้ยินคำว่าปลุกระดมมาตลอดชีวิต แต่ผมไม่รู้ว่าปลุกระดมคืออะไร ถ้าผมบอกว่าช่วยกันไปลงคะแนนประชามติ รับประชามติ แบบนี้เรียกว่าปลุกระดมไหม”

ในการเสวนาเรื่อง ‘ประชามติกับการใช้สิทธิเสรีภาพ’ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ มธ. ท่าพระจันทร์ ยังพูดกันถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่าไปไม่ไกลเท่า กกต. ที่มีประกาศออกมาขยายใจความของ ม.๖๑ วรรคสอง

(https://www.facebook.com/prachamati.org/photos/a.444295472396428.1073741828.442692199223422/616023431890297/?type=3&theater)

“จะจัดประชุมเสวนาเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญจะต้องมีหน่วยงานของรัฐร่วมจัดด้วยหรือสถานศึกษา อันนี้ไม่ได้เขียนไว้ในมาตรา 61 วรรค 2 แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไปตั้งเป็นกฎขึ้นมา

ถ้าหากว่าชาวบ้านเขาอยากจะคุยกันเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เขาก็คุยไม่ได้หรือถ้าเขาจะคุยเขาก็ต้องไปหาโรงเรียนที่จะร่วม และเขาจะคุยเรื่องข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ ผมว่าไม่มีสถาบันศึกษาที่จะมาร่วม”

ทีมทนายความแถลงข่าวหลังเข้าเยี่ยมกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 7 คน อ่านแถลงการณ์ที่ผู้ต้องหาทั้งเจ็ดรายฝากมาสื่อสารต่อสาธารณะ





ทีมทนายความแถลงข่าวหลังเข้าเยี่ยมกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 7 คน ที่ถูกคุมขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังถูกจับกุมดำเนินคดีจากการแจกเอกสารรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญพร้อมอ่านแถลงการณ์ที่ผู้ต้องหาทั้งเจ็ดรายฝากมาสื่อสารต่อสาธารณะ ดังนี้

"เขียนที่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ในวันที่ 27 มิถุนายน 2559 เป็นวันครบรอบการมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย รัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นผลผลิตของการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งนำโดยคณะราษฎรอันเป็นหมุดหมายสำคัญของหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน และได้สถาปนาการเมืองการปกครองที่เป็นของประชาชน รัฐธรรมนูญ ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน 2475 จึงทำให้ประชาชนชาวไทยสามารถเชิดหน้าชูตาทัดเทียมกับประชาชนในนานาอารยประเทศ


อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียดายที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ อันเป็นเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ถูกทำลายลง แต่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวนี้ก็ได้สถาปนาความใฝ่ฝันของประชาชนที่จะไม่ยอมกลับไปถูกกดขี่ข่มเหงอีกต่อไปป

แม้พวกเราทั้งเจ็ดคนจะถูกคุมขัง แต่เจตนารมณ์และอุดมการณ์ของเรายังคงใฝ่ฝันถึง "เสรี" และยังมี "ความหวัง" ที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ประชาชนชาวไทยเป็นใหญ่ โดยมีความเสมอภาคและเสรีภาพเท่าเทียมกัน

พวกเราทั้งเจ็ดคนจึงขอร่วมรำลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนข้างนอก โดยมุ่งหวังว่าสักวันหนึ่งประชาชนจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติได้ต่อไป

7 ประชาธิปไตยใหม่ในห้องขัง"



ชมคลิปได้ที่นี่

https://www.facebook.com/lawyercenter2014/videos/1028370843879436/


การทำประชามติหากไม่เปิดให้ประชาชนสามารถถกเถียงกันได้อย่างเสรีแล้ว จะทำประชามติไปเพื่ออะไร




https://www.youtube.com/watch?v=EmpaZ_KfZDE

"ขังได้แต่ตัว" ความติด อุดมการณ์ยิ่งแพร่กระจาย

jom voice


Published on Jun 29, 2016

นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน )สมาชิกคนหนึ่งของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia ว่า คสช.ไม่สามารถที่จะขังความคิดของชบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้ แม้ 7 คนถูกขังแต่ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จะสู้กับเผด็จการต่อไป ในทุกรูปแบบ และทุกวิถีทาง เพื่อจะให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของประชาชนในเวลานี้คือ อำนาจเผด็จการ การทำประชามติหากไม่เปิดให้ประชาชนสามารถถกเถียงกันได้อย่างเสรีแล้ว จะทำประชามติไปเพื่ออะไร

ภาพพุทธอิสระ ใช้เลือดปลุกเสกพระเครื่องที่มีตราสัญลักษณ์คล้ายคลึงกับตราของสถาบันเบื้องสูง ว่อนเน็ต... วัดอ้อน้อยยัน หลวงปู่พุทธอิสระ ไม่เคยใช้เลือดปลุกเสกพระ













สืบเนื่องจากโพสต์และภาพจาก


กูเป็นกลางจริงๆนะ added 5 new photos.
June 27 at 10:27pm ·

เรื่องนำ ตรา สัญญลักษณ์มาใช้ และการนำเลือด ทาลงบนพระ ที่มีตราสัญญลัษณื แบบนี้ หลบหลู่เบื้อสูงหรือไม่??? ประชาชนสงสัยมาก
(https://www.facebook.com/KuPenKlaang/posts/1055407551162234)


เพจ
นิติ รักความถูกต้อง คนตรงรักความถูกต้อง เจาะข่าวให้ข้อมูลเพิ่มว่า

วัดอ้อน้อย ยัน หลวงปู่พุทธอิสระ ไม่เคยใช้เลือดปลุกเสกพระ
(http://hilight.kapook.com/view/138771)

โซเชียลแชร์ภาพอ้าง "หลวงปู่พุทธะอิสระ" แห่งวัดอ้อน้อย ใช้เลือดทาปลุกเสพพระเครื่องที่มีตราสัญลักษณ์คล้ายคลึงกับตราของสถาบันเบื้องสูง ด้านเจ้าหน้าที่วัดอ้อน้อยให้ข้อมูลโต้กลับ ยืนยันทางวัดไม่เคยปลุกเสกวัตถุมงคลด้วยวิธีดักล่าว อีกทั้งไม่เคยเห็นภาพที่แพร่ในเน็ตมาก่อน ไม่ชัดเจนว่าเป็นภาพตัดต่อหรือไม่

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "กูเป็นกลางจริงๆ นะ" รวมถึงสมาชิกโซเชียลบางส่วน ได้แชร์ภาพ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาสาววัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ขณะกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในลักษณะคล้ายการบริจาคโลหิต และภาพขณะกำลังทาของเหลวสีแดงลงบนพระเครื่อง พร้อมข้อความระบุว่า การนำตราสัญญลักษณ์มาใช้ และการนำเลือดทาลงบนพระที่มีตราสัญญลักษณ์แบบนี้ เป็นการหลบหลู่เบื้องสูงหรือไม่ ประชาชนสงสัยมาก โปรดตรวจสอบ หากจริงควรจัดการขั้นเด็ดขาด

ทั้งนี้ หลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ขณะที่อีกส่วนมองว่าควรตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นภาพจริงหรือไม่อย่างไร ไม่ควรหลงเชื่อการกล่าวหากันโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ต่อมา ทีมข่าวกระปุกดอทคอม โทรศัพท์ติดต่อไปยังวัดอ้อน้อย เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ โดยเจ้าหน้าที่วัดคนใกล้ชิดของหลวงปู่พุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทางวัดไม่มีการปลุกเสกวัตถุมงคลโดยวิธีการดังกล่าว ส่วนภาพที่มีการแชร์อยู่ในโซเชียลนั้นทางวัดยังไม่เห็นว่ามีลักษณะอย่างไร และไม่แน่ใจว่าเป็นภาพจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะเร่งทำการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้งว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร หากได้ความคืบหน้าจะติดต่อกลับมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง

(https://www.facebook.com/prajok.khi/posts/1733860316872121)


ธ.โลกประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.5% ต่ำสุดในอาเซียน







ธ.โลกประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.5% ต่ำสุดในอาเซียน

ธนาคารโลกเผยรายงานติดตามเศรษฐกิจไทยล่าสุดว่าปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.5% ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วที่เติบโต 2.8% อย่างไรก็ดี เชื่อว่าไทยยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง และนโยบายการเงินการคลังที่เข้มแข็ง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ แต่เตือนว่าไทยยังต้องเผชิญแรงต้านกว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังต่ำสุดในประเทศอาเซียน แนะให้หาหนทางรับมือประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวไม่เกินร้อยละ 3 ไปจนถึงปี 2561 แต่ไม่ถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย

ด้านนายอูริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองว่าไทยยังต้องเตรียมรับมือสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นถึง 7.5 ล้านคนในปีนี้ หรือคิดเป็น 11% ของประชากรทั้งประเทศ และในอีก 24 ปีข้างหน้า ประชากรไทยที่มีอายุเกิน 65 ปี จะมีถึง 27 ล้านคน หรือ
มากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งสวนทางกับจำนวนประชากรวัยทำงานที่จะลดจาก 49 ล้านคนเหลือ 40.5 ล้านคน โดยไทยจะมีประชากรในวัยทำงานลดลงมากกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออก สิ่งนี้ถือเป็นแรงท้าทายสำคัญของไทยที่จะต้องเตรียมหาทางรับมือ ‪#‎ThaiEconomy‬ ‪#‎WorldBank‬







ที่มา 

ฟัง... 'ประวิตร' ขู่..ยกระดับจับ”นศ.”เคลื่อนไหวอีกก็จับอีก! ลั่น! จะมีกฎหมายไว้ทำไม ถ้าไม่เคารพ พบใครเคลื่อนไหวผิดกม.จับหมด + 7 ประชาธิปไตยใหม่ในห้องขังฝากถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ





https://www.facebook.com/101103126670529/videos/1024473211000178/

'ประวิตร' ขู่..ยกระดับจับ”นศ.”เคลื่อนไหวอีกก็จับอีก! ลั่น! จะมีกฎหมายไว้ทำไม ถ้าไม่เคารพ พบใครเคลื่อนไหวผิดกม.จับหมด
พวกมึงปล้นอำนาจเข้ามาเคารพกฎหมายบ้างไหม ไอ้หน้าด้าน!
.
ตามข่าว >> เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เครือข่าย 292 นักวิชาการ และองค์กรสิทธิมนุษยชน 6 องค์กร ออกแถลงการณ์ให้ปล่อยตัวนักกิจกรรม พร้อมทั้งเปิดพื้นที่การแสดงออกในช่วงการทำประชามติ ว่า “ผมอยากถามว่าตอนนี้ไม่เสรี หรือ เรามีช่องทาง โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำอยู่แล้ว อีกทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯก็เดินสายทุกภาค ไม่ใช่ติดประกาศนั่นนี่ ผมก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้ไม่เสรี หรือไม่ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน หากจะทำอะไรที่เสรีต้องรอรัฐธรรมนูญก่อน ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เราต้องการความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก”
.
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนขอย้ำว่าหากใครทำผิดกฎหมาย ไม่ต้องมาถาม ตนจับหมด เอาอย่างนี้เลย ถ้าใครออกมาเคลื่อนไหวก็จับ ทั้งนี้ หากมองว่าภาพที่ไปจับนักเคลื่อนไหว และนักศึกษาว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเลย อีกทั้งอยากถามว่าแล้วที่ไปละเมิดกฎหมายของประเทศไทยนั้น จะมีกฎหมายไว้ทำไม จะไม่เคารพกฎหมาย อยากจะทำอะไรก็ทำ ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าเคารพกฎหมายก็ต้องอยู่กรอบกฎหมาย
.
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นนักศึกษาจะมีมาตรการผ่อนปรนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ต้องไปทำในสถานศึกษาที่ก็ทำกันอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เดินไปทั่วเลย ดังนั้น ผมขอย้ำว่าเราทำตามกฎหมาย ไม่งั้นจะมีกฎหมายไว้ทำไม เอาแบบนี้แหละผมตัดสินใจแล้ว”
.
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อทำตามกฎหมาย แต่ยังมีภาพมีการจับนักศึกษา รองนายกฯประวิตร กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าตนเป็นคนจับนักศึกษา ไปคิดแบบนั้นไม่ได้ เพียงแต่เราจับคนที่ละเมิดกฎหมาย หรือไม่อยากให้มีกฎหมาย ใช่ไหม จะเอาแบบมีหรือไม่มี
.
มติชนออนไลน์.
ooo




ที่มา

ประชาธิปไตยใหม่ในห้องขังฝากถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ขอกล่าวถึง พล.อ.ประวิตร ต่อกรณีให้สัมภาษณ์ว่าถ้าใครเคลื่อนไหวจะจับให้หมด

http://www.matichon.co.th/news/192952

1. ถ้า พล.อ.ประวิตรไม่เข้าใจเรื่องกฎหมายพวกเรายินดีจะไปอธิบายกฎหมายให้กับ พล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะกฎหมายประชามติ พวกเรายืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำไม่ได้ขัด พ.ร.บ.ประชามติ เจ้าหน้าที่ที่จับพวกเราต่างหากที่ไม่เข้าใจกฎหมาย พวกเราขอแนะนำ พล.อ.ประวิตรให้ไปเปิดดูตัวบทกฎหมายก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ ไม่ใช่จะกล่าวอ้างลอยๆ

2. พวกเราเห็นว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ให้ประชาชนเกิดความสงบสุข หากแต่มุ่งทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยใช้อำนาจและสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน

3. พวกเรา 7 ประชาธิปไตยใหม่ในห้องขัง ขอเรียกร้องให้ประชาชนตัดสินใจ ว่าจะอยู่ข้าง คสช. หรือประชาธิปไตย ความเป็นกลางในเวลานี้รังแต่ให้เกิดความเสียหายให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

7 ประชาธิปไตยใหม่ในห้องขัง

วันพุธ, มิถุนายน 29, 2559

ประมวลภาพแคมเปญ Free Dolls For Freedom ให้ตุ๊กตาพูดแทนเรา "ประชามติที่ไม่อนุญาตให้รณรงค์และอภิปรายได้อย่างเสรีนั้น ไม่ใช่ประชามติที่แท้จริง"





Free Dolls For FREEDOM
ให้ตุ๊กตาพูดแทนเรา


"ประชามติที่ไม่อนุญาตให้รณรงค์และอภิปรายได้อย่างเสรีนั้น ไม่ใช่ประชามติที่แท้จริง"

ท่ามกลางบรรยากาศการถูกจับ ถูกคุกคาม ถูดลิดรอนสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นต่างต่อร่างธรรมนูญรวมถึงไม่สามารถรณรงค์เกี่ยวกับการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ได้อย่างเต็มที่

ในวันที่ พุธ ที่ 29 มิถุนายนนี้ทางกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยจึงขอเชิญชวนให้นิสิตนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม free dolls for freedom ให้ตุ๊กตาพูดแทนเรา นำตุ๊กตา ของเล่น หุ่นจำลอง หรือสิ่งของอื่นๆมาใช้เป็นสื่อในการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ด้วยการติดป้ายข้อความของคุณ

หรือโพสต์ลงในเฟสบุ๊กของคุณ เปิดสาธารณะพร้อมติด ‪#‎FreeDollsForFREEDOM‬เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่ยอมจำนนต่อกระบวนการประชามติที่ไม่เป็นธรรมในครั้งนี้

พบกัน พุธที่ 29 มิถุนา ลานปรีดี ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

#FreeDollsForFREEDOM

.....

ขอบคุณภาพจาก

กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD)










































ภาพเพิ่มเติมจากประชาไท

พูดไม่ได้ให้ตุ๊กตาพูดแทน น.ศ.มธ.จัดกิจกรรมเรียกร้องสิทธิแสดงความเห็นประชามติ รธน.

(http://prachatai.org/journal/2016/06/66594)