วันเสาร์, พฤษภาคม 28, 2559

ชาวบ้านต้านกลับ ฟ้องบริษัทเหมืองทอง 'ทุ่งคำ' หลังศาลยกฟ้องคดีติดป้าย 'ไม่เอาเหมือง'

ภาพ: 30 มี.ค.59 ศาลจังหวัดเลยมีคำพิพากษาสั่งยกฟ้องในคดีป้ายซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านและบริเวณหมู่บ้านค้านเหมือง
จากเว็บ 'นักข่าวพลเมือง' เรื่อง "ฅนรักษ์บ้านเกิดฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน คดีเหมืองทองฟ้อง 50 ล้าน ติดป้ายไม่เอาเหมือง" (http://www.citizenthaipbs.net/node/8933)

27 พ.ค. 2559 ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน อ.วังสะพุง จ.เลย มอบหมายให้ตัวแทนชาวบ้าน 6 คน ที่เคยตกเป็นจำเลยในคดีที่ถูกบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องกรณีป้ายค้านเหมืองที่ซุ้มประตูทางเข้าและบริเวณหมู่บ้าน พร้อมด้วยทีมทนายความและนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้องกลับต่อบริษัท ทุ่งคำ จำกัด 
หลังจากเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเลยมีคำพิพากษาสั่งยกฟ้อง โดยศาลเชื่อว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบจริง แม้ไม่มีหน่วยงานใดระบุอย่างชัดเจนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมาจากเหมืองก็ตาม ชาวบ้านสู้อย่างสุจริตและชอบธรรมเป็นไปตามครรลองคลองธรรม (คลิกอ่านข่าว: ‘สู้อย่างสุจริต’ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีป้ายซุ้มประตู ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’)

คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกิจกรรมของชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ที่ได้ร่วมกันทำซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้าน และติดป้ายระบุข้อความว่า ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ รวมถึงได้ติดป้ายเล็กๆ โดยมีข้อความว่า ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ และ ‘ปิดเหมืองเพื่อความสงบสุขของชุมชน’ บริเวณรอบหมู่บ้าน เมื่อปี 2558 ซึ่งบริษัท ทุ่งคำ จำกัด กล่าวหาว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 คน จงใจละเมิดต่อบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย จึงเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี จากเงินต้น และให้ชาวบ้านรื้อถอนป้ายดังกล่าว

เพจเฟซบุ๊ก เหมืองแร่ เมืองเลย V2 รายงานว่า วันนี้ (27 พ.ค. 2559) กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจึงตัดสินใจฟ้องกลับ บริษัททุ่งคำ เรียกค่าเสียหายที่ทำให้ชาวบ้านเสียชื่อเสียงและเสียเวลา รวมค่าเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ณ ศาลจังหวัด
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฟ้องกลับบริษัททุ่งคำ จำกัด เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญาต่อชาวบ้านหลายสิบคดี ซึ่งส่วนใหญ่เสมือนเป็นคดีกลั่นแกล้ง หรือแกล้งฟ้องให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เสียพลังใจ และความรู้สึก การที่ชาวบ้านฟ้องกลับย่อมมีความหมายที่สำคัญในเรื่องสิทธิโดยสุจริตใจของชาวบ้านในการปกป้องรักษาบ้านเกิดเจ้าของ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เฉพาะในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ต้องขึ้นศาลในคดีที่ถูก บริษัททุ่งคำ จำกัด ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง คือ 
1.วันที่ 17-18 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดสืบพยานคดีบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้อง นายสมัย ภักดิ์มีประธานสภา อบต.เขาหลวง ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.687/2558 ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับกรณีการไม่บรรจุวาระการขอใช้พื้นที่ป่าไม้เข้าที่ประชุม สภา อบต.เขาหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.ค. 2559
2.วันที่ 23 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้อง นายสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.244/2559 ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับกรณีการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ และถอนการขออนุญาตใช้พื้นที่ สปก.ของบริษัทฯ ออกจากวาระการประชุมสภา ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ในวันที่ 29 มิ.ย. 2559 เวลา 09.00 น.
3.วันที่ 24 พ.ค. 2559 อัยการนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ในคดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด แจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และนางพรทิพย์ หงชัย ด้วยข้อกล่าวหาคดีอาญา บุกรุกพื้นที่ภูซำป่าบอนโดยปักธงเขียวและข้อความ ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ อัยการรับฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.1905/2559 นัดพร้อมวันที่ 13 มิ.ย. 2559
4.วันที่ 31 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ. 2991/2558 หมายเลขแดง อ.3992/2559 ที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องนายสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง และนายกองลัย ภักมี ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาหนองบงหมู่ที่ 3 เป็นจำเลย ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการก่อสร้างซุ้มประตูและติดป้าย ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องเพราะคดีไม่มีมูล แต่ทางโจทก์อุทธรณ์

นอกจากนั้น ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษาคดีความของชาวบ้านจากเหตุการณ์ปิดล้อมชุมชนเพื่อขนแร่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 คดีหมายเลขดำที่ อ. 5440/2557 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ นายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ กับพวกรวม 9 คน เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พันโท ปรมินทร์ ป้อมนาค และพล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค จำเลย ในความผิดอาญาข้อหา ทำร้ายร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีดังกล่าวศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา จากวันที่ 16 พ.ค. 2559 เป็นวันที่ 31 พ.ค. 2559 โดยให้เหตุผลว่า สำนวนอยู่ที่สำนักอธิบดีภาค 4 ยังไม่ส่งกลับมา เนื่องจากว่าช่วงที่ผ่านมามีวันหยุดเยอะและตรงเสาร์อาทิตย์ (คลิกอ่านข่าว: เลื่อนอ่านคำพิพากษา ‘คดีปิดล้อมชุมชนขนแร่’ ไป 31 พ.ค.นี้ ฟังผลพร้อม ‘คดีฟ้องอาญากรณีชาวบ้านทำซุ้มประตู’)