วันอังคาร, พฤษภาคม 17, 2559

เศรษฐกิจที่บิ๊กตือคุยว่า “ดีขึ้นในรอบ ๑๓ ไตรมาส" เละตุ้มเป๊ะ นี่แหละปัญหา เก่งอย่างเดียว ต่อล้อต่อเถียงกับนักข่าว





อ้า ถ้าอยากดูทั่นผู้นั้มบ์ ranting ต้องไปบลูสกายนะเธอว์

มีเซเล็บเร็ดยูเอสเอตัดตอนมาให้ดู ตอนผู้สื่อข่าวหญิงถามเรื่องทูตอเมริกันเป็นกังวลว่าไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั่นตุ๊ดตู่สะบัดตอบ

“เขามองเราไม่ดี เราที่ว่ามันใคร เราที่ว่า ผมกับคุณหรือ รึเราคนเดียว หรือฉัน คุณน่ะเป็นตัว คุณต้องทำด้วย”

นักข่าวเสียงยังสาวตื้อต่อ “หมายถึงว่า จะมีวิธีการอย่างไร จะทำให้เขามองเราในวิสัยทัศน์ที่...” ยังไม่ทันจบคำถามดี ทั่นก็แทรกตอบแซงใจ

“ก็แล้วแต่เขามองสิ คุณจะไปอะไรนักหนาเล่า คุณเป็นเมืองขึ้นเขาหรือไง” บร๊ะ ไหงพาลหนูล่ะ แต่เอาเถอะสงบใจ

“ไม่ได้เป้นเมืองขึ้น แต่รู้สึกว่ามันจะเป้นผลลบกับประเทศไทย ตรงนี้นี่เราจะต้องทำยังไง”

“แล้วผลลบกับเขามีไหม” ค้อนนิดนึง “มีมั้ย ผลลบกับตัวเขาเอง มีมั้ย____ก็มี คนไทยเขาเกลียดขี้หน้ากันทุกคนอยู่ขณะนี้ ผมต้องไปห้ามคนไทยอีก ถามว่ามีผลกระทบกับนโยบายของเขาไหม ก็มีผลทั้งนั้นหละ”

นักข่าวไม่ลดละ ถามต่อ “คือมองยังไงกับการที่ว่าเวลาเขาพูดกับผู้นำเรา หรือว่ารองนายกฯ ของเรา หรือรัฐมนตรีต่างประเทสแบบหนึ่ง แต่กับไปพูดกับสื่ออีกแบบหนึ่งเนี่ยค่ะ”





(ตรงนี้ขอแทรกนอกรอบหน่อย ทั่นรัฐมนตรีดอน ย้อนว่า “ถ้ามืออาชีพ เขาจะไม่ทำอย่างนั้น แต่ที่ผมไม่ไปแย่งไมค์ เพราะถือว่าเรามีประสบการณ์กับเหตุการณ์ประเภทนี้” ยกมาแทรกเพราะเพิ่งรู้ว่านายกลิน เดวี่ส์ นี่แก ‘สมัครเล่น’ เหรอ)

เอ้าต่อ นายกฯ กระซวกด้วยวจี “ไม่ใช่หรอก เพราะเขาเก็บข้อมูลจากเธอไปทั้งหมด พวกเธอ ด้วย แล้วก็ไม่รู้ข้อเท็จจริง เขาก็พูดด้วยหลักการเป็นประชาธิปไตยของเขา

แต่เคยถามเขาไหมประเทศเกิดอะไรขึ้น ถามเขาไหม รู้มั้ยจ๊ะ เอ้าพูด___พูดสิ ประจานแต่ประเทศของตัวเองอยู่ได้”

นั่นละแบบบทหยดย้อยทั่นผู้นัมบ์ของใคร ที่วันนี้พูดอย่างเปิดอกอวดพระเครื่องพวงใหญ่ในฐานะที่ “ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ใหญ่ผมไม่ใช่เด็ก”

ก็เลย “ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักโฆษกฯและกรมประชาสัมพันธ์ นำทุกประเด็นที่สื่อเขียนมาดูและชี้แจง ถ้าประเด็นไหนบิดเบือนมากๆ อาจจะต้องดำเนินคดีทางกฎหมายบ้าง”

ไม่ได้ขู่นะ แต่ว่าเอาจริง ถ้าใครอวดดีก็ต้องไปเจอคดีศาลทหาร

(อันได้แก่ “คดีความผิดต่อกฎหมายทหาร หรือความผิดที่ คสช. ประกาศให้ขึ้นศาลทหาร ได้แก่ (๑) ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๐๗ – ๑๑๒ (๒) ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓ – ๑๑๘ และ (๓) ความผิดตามประกาศ หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”http://ilaw.or.th/node/3118)

ข้อสามนั่นละที่ทั่นใช้พร่ำเพรื่อเบื่อยาก ซ้ำอ้างว่า “ได้สั่งให้ชี้แจงไปว่าการที่นำตัวขึ้นศาลทหารนั้นก็เหมือนกับศาลธรรมดา แต่...ใช้คณะในการพิจารณาเป็นทหารจบจากทหารพระธรรมนูญ เรียนจบกฎหมายมาทั้งหมด...

ใช้วิธีการพิจารณาของศาลปกติ สามารถประกันได้ มีทนายได้ ผมอยากจะถามว่าใช้ศาลทหารมันผิดตรงไหนสถานการณ์มันไม่ปกติ ไม่ใช่ต้องการไปปิดบังบิดเบือนหรือต้องการไปละเมิดสิทธิ”

(http://www.matichon.co.th/news/138331)

อ๊ะ นี่ต้องเถียงนะ ว่ามันผิดตรงที่ ‘ใช้ศาลทหาร’ นั่นละ เรื่องเล็กน้อยจิ๊บจ้อยเยอะแยะไปที่เอาไปใส่ศาลทหารเพราะสั่งง่าย บังคับง่าย ลัดขั้นตอน จับก่อนตั้งข้อหาทีหลัง

อ้อแล้วก็ ทั่นต้องไปอ่าน ‘ไอลอว์’ บ้างนะ ตุลาการทหารไม่ได้จบนิติฯ หรือเป็นทหารพระธรรมนูญทั้งหมด ใน ‘ถามและตอบ ๑๐ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับศาลทหาร’ เขาว่า

“องค์คณะของทุกชั้นศาลจะต้องประกอบด้วยตุลาการทหาร คือ นายทหารที่มียศสูงกว่าจำเลย ซึ่งเป็นทหารไม่มีความรู้กฎหมาย และตุลาการพระธรรมนูญซึ่งมีความรู้กฎหมาย”

พูดอะไรจริงบ้าง มั่วบ้าง มดเท็จบ้างน่ะ จะให้ถือเสียว่า “คนจะไม่นิยมตัวผมก็ไม่เป็นไร วันหน้าจะรู้เอง ว่าผมทำอะไร คิดแบบนี้สิ” ละก็ คณะของทั่นต้องพูดความจริงให้หมด






อย่างเมื่อตอนทั่นรองฯ ฝ่ายกลาโหมไปรัสเซีย ถามไถ่กันว่าจะไปซื้อรถถังมาเติมเต็มรถถังยูเครนที่ไม่สมประกอบเหรอ ก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ เสร็จแล้วเงียบไปนาน เพิ่งมาโผล่ที่ปากทั่น ผบ.ทบ.

“อย่างไรก็ตามการจัดซื้อรถถังจากรัสเซียนั้นได้เปลี่ยนมาจัดซื้อกับประเทศจีนแทนแล้ว เพื่อชดเชยอุปกรณ์ที่เก่าและล้าสมัย

ประกอบกับมีความเชื่อมั่นกับราคาและประสิทธิภาพ มั่นใจมีคุณภาพ เพราะการจัดซื้อครั้งนี้ตนและคณะกรรมการได้พิจารณาตรวจสอบแล้วถึงความเหมาะสม”

(http://www.matichon.co.th/news/138350)







บิ๊กหะ-มู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช หลุดออกมาตอนอ้อน whining “เรื่องความจำเป็นในการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาทำงานแทนเฮลิคอปเตอร์ ซี-๔๗ ชีนุก ว่า

ปัจจุบันทางกองทัพขาดยุทโธปกรณ์ในด้านนี้ โดยกองทัพบกขอแค่ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของอัตรา เพื่อนำมาใช้ในกิจการบรรเทาสาธารณภัยและสนับสนุนกำลังพล

ทั้งนี้การตัดสินใจซื้อเครื่องบินดังกล่าวจากประเทศรัสเซีย ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา โดยย้ำว่าการขอเป็นไปตามความเหมาะสมกับงบประมาณของรัฐบาล”

(http://www.matichon.co.th/news/138350)

งั้นตอนบิ๊กตู่ไปเที่ยวรัสเซียคราวหน้าเนี่ยมีรายการช้อปปิ้งด้วยดิ แหม่ พอข่าวเศรษฐกิจเริ่มดี มีออร์เดอร์ออกมาเพียบ มิหนำทั่น ผบ. ทวงบุญคุณด้วยว่า “ตอนนี้ถือว่ากองทัพพอแล้ว”

แต่เศรษฐกิจที่บิ๊กตือคุยว่า “ดีขึ้นในรอบ ๑๓ ไตรมาส ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมาถือว่าได้ผลดี”

(ข่าวไทยรัฐ 'บิ๊กป้อม' โว ๒ ปี คสช. ผลงานดี ทำ ศก.พุ่งรอบ ๑๓ ไตรมาสhttps://www.thairath.co.th/content/621212)

นั้นใช้เวลาสองปีเพิ่งจะกระเตื้องขึ้นแค่ ๐.๙ เปอร์เซ็นต์จากสามเดือนก่อนหน้า ตามที่บลูมเบิร์กอ่านจากรายงานสภาพัฒน์ฯ นั่นนะ

ทั้งนี้เนื่องจากมาตรการทุ่มเงิน ๔๐๐ ล้าน ลงตลาดท่องเที่ยวและมาตรการเงินทอน disbursements ต่างๆ แต่ว่ากระแสหมุนเวียนอุปสงค์ภายในยังอ่อนปวกเปียก “Domestic demand remains fragile.”

และไอ้ที่การซื้อขายภายในมันติดกึกติดกัก ตามหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ในฐานที่เศรษฐกิจมหภาคของไทยขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวและการผลิตแบบ manufacturing ต่างๆ เพื่อการส่งออก ทั้งการลงทุนและ knowhow มาจากภายนอก อียู ญี่ปุ่น อเมริกา เป็นต้น รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือยังไม่ได้มา

ครั้นปัญหาลูบหน้าปะจมูก ผู้ลี้ภัย แรงงานทาส ปิดราชประสงค์พารากอนหงอย ปิดแจ้งวัฒนะโรงงานงั่ก นั่นละทุนเริ่มถอยออก โรงงานพากันย้ายไปเวียตนาม มาเลย์ และลาว คราวนี้แรงงานไทยต้องกลับบ้าน พวกเสื้อแดงทั้งนั้นกลับไปใช้ชีวิตอย่างปฐมภูมิ ไม่จับจ่ายฟุ่มเฟือย กระแสก็ไม่หมุนเวียน ค้าปลีกฝืดเคืองกระทั่งสหพัฒน์ฯ ยังสะเทือน

นี่แหละปัญหาไม่ใช่แก้ไม่ถูกจุด แต่ไม่เต็มใจแก้ ไม่แน่ใจทำไรดี เพราะผู้ผลิต ผู้บริโภค เหล่านี้ไม่ใช่ไอ้เณรที่ปั่นง่าย เรื่องข้าว ยาง น้ำ กระทั่งเหมือง ที่อ้าง “ทำทุกอย่าง ซึ่งต้องทะเลาะกับคนจำนวนมาก ทั้งการจัดระเบียบ การค้าขาย” เละตุ้มเป๊ะ

เก่งอย่างเดียว ต่อล้อต่อเถียงกับนักข่าว ถ้าขืนอยู่ต่ออีกห้าปี สงสัยต้องเอารถถังไปปลูกสะระแหน่ เฮลิค้อปเตอร์ไว้บินเก็บดอกแค