วันศุกร์, เมษายน 15, 2559

อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร่วม Vote No ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมีชัย + “อุดมคติของสถาบันกองทัพ”





อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของเรา ก็ร่วมVote No นะครับ
#VoteNo
ภาพถ่าย : ประชาธิปไตยใหม่

.....


ooo





คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์สะท้อน “อุดมคติของสถาบันกองทัพ” รัฐประหารครั้งนี้ไม่ใช่แค่เข้ามารักษาความสงบชั่วคราว เพื่อให้สังคมหาทางออกร่วมกันเพื่อกลับสู่การเลือกตั้ง แต่รัฐประหารครั้งนี้ต้องการใช้ช่วงเวลาที่มีอำนาจอยู่ กำหนดโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ศิลปวัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ ให้เป็นไปตามอุดมการณ์อนุรักษนิยมของกองทัพ อย่างรอบด้านมั่นคงถึงรากซึ่งเราได้เห็นบ้างแล้วในปีครึ่งที่ผ่านมา และจะเข้มข้นขึ้นตลอดเวลาที่เหลืออยู่

ยิ่งนานวันยิ่งชัดเจนว่า “อุดมคติของสถาบันกองทัพ” ถอยออกจากอำนาจไม่ได้ แม้ตัวบุคคลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ไม่สืบทอดอำนาจ แต่สถาบันกองทัพต้องมีอำนาจเหนือการเมืองอีกยาวนาน เพื่อไม่ให้ใครมาทำลายอุดมการณ์อนุรักษนิยมที่ฝังโครงสร้างไว้

ในด้านหนึ่ง ก็ทำให้กองทัพมั่นคงเป็นเอกภาพ เพราะรัฐประหารครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคลแต่เป็นอุดมคติ รวมทั้งผลประโยชน์ของสถาบันกองทัพ (งบประมาณ ตำแหน่ง อำนาจ อภิสิทธิ์ ไม่ถูกตรวจสอบ)

แต่อีกด้านหนึ่ง ก็สร้างความขัดแย้งกับสังคมสมัยใหม่ ซึ่งพัฒนาไปไกลกว่าโลกของกองทัพ ตั้งแต่ทัศนะต่อความมั่นคง เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ไปจนค่านิยม วิถีชีวิต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความถูกผิดดีงาม ฯลฯ ซึ่งทหารถูกปลูกฝังให้คิดอย่างเดียวกัน คิดเหมือนบรรพชนยุคกึ่งพุทธกาล

ความขัดแย้งครั้งนี้จึงหาทางลงได้ยาก จบได้ยาก ยืดเยื้อยาวนานมาก กระทบประเทศทุกด้าน เฉพาะหน้าสะท้อนออกในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องวางฐานอำนาจกองทัพและเครือข่ายอนุรักษนิยมให้อยู่เหนืออำนาจเลือกตั้งแทบไม่ต่างกับอยู่ในอำนาจต่อไป ซึ่งทำให้มีปัญหาว่าจะผ่านประชามติหรือไม่ ผ่านไม่ผ่านจะทำอย่างไร และผ่านหรือไม่ผ่านก็ขัดแย้งรุนแรงขึ้นอยู่ดี
http://thaienews.blogspot.com/2015/12/blog-post_664.html?m=1


ooo





** ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน "พี่ไทย" คงต้องไปขายแรงงานที่พม่ากันล่ะคร๊ะ **
#สวัสดีAEC
#คืนความสุขประเทศไทย


ooo

อดีตประธานาธิบดีเต็งเส่งของพม่า พูดไว้ให้สะอึก

(ตะวัน ชู่ซ่าส์ โพสต์เมื่อ April 10 at 5:39pm •)

พม่ากำลังจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะความรู้จัก แพ้ และรู้จัก พอ ของผู้นำ

"พรรคผมพ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคของนางอองซานซูจีแบบหมดรูป ผมจึงไม่อาจฝืนเสียงประชาชนทนอยู่ต่อไปได้ ก็ดีเหมือนกันนะ ความจริงแล้วผมเห็นความทุกข์ทรมานยากจนข้นแค้นของคนเมียนม่าร์จากเผด็จการมานาน จึงขอยอมแพ้ต่อประชาชน ขอประกาศวางมือและมอบประชาธิปไตยคืนต่อให้อองซานซูจีบริหารประเทศต่อไป ส่วนชีวิตผมจะขออุปสมบถเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไว้กับคนเมียนม่าร์มาทั้งหมด..."