วันศุกร์, เมษายน 29, 2559

“คสช.” รัฐประหารครั้งเลวร้ายสุดๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก





โดย...ประสิทธิชัย หนูนวล
ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์


รัฐประหารคราวนี้ทำได้เหนือชั้นมาก เพราะแม้จะเลวร้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้สึก

1. พวกเขาใช้ยุทธวิธีเหนือชั้นที่เรียกว่า “ทำให้คนอยู่ในโลกเสมือนจริง” เริ่มจากการที่ต้องทำให้คนเชื่อว่า ทหารเข้ามาเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ลบภาพความโหดร้ายของทหารแบบเดิมลง ถึงขนาดลงทุนตั้งสภาปฏิรูปลงเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อผลลัพธ์ที่ว่างเปล่า แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการซื้อความรู้สึกของประชาชน จนกระทั่งบัดนี้คนก็ยังเชื่อว่า ทหารเข้ามาปฏิรูป ปราบโกง คุ้มมากที่สุดต่อการทำให้คนเชื่อ ส่วนประเทศจะฉิบหายเท่าไหร่ไม่เกี่ยว

2. คสช.ใช้มาตรการอื่นที่ไม่ใช้กำลัง แม้ว่าจะมีการใช้อยู่บ้างแต่ก็ระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกถึงขั้นให้คนส่วนใหญ่โกรธ เมื่อกระแสสังคมขึ้นเขาจะผ่อนปรน เพราะเป้าหมายคือ รักษาภาพลักษณ์ซึ่งเท่ากับการรักษาอำนาจเอาไว้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั่นยังไม่บรรลุ

3. การควบคุมมวลชนเขาตระหนักดีว่า ใช้กำลังไม่ได้ผลในยุคนี้เพราะทั้งโลกเฝ้าจับตา ความแนบเนียนคือ ใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายคือความศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง โดยที่ผ่านมา สังคมไทยไม่ตั้งคำถามต่อที่มาของกฎหมาย อะไรที่เป็นกฎหมายกลายเป็นศักดิ์สิทธิ์ไปหมด ใครฝ่าฝืนกฎหมายกลายเป็นผู้ร้ายโดยอัตโนมัติ เครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมายจึงสวยงามที่สุดสำหรับทหาร มาตรา 44 ที่ตั้งไว้ใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ มันจึงทำหน้าที่แทนกระบอกปืน โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความโหดร้าย นี่คือ ความเหนือชั้น

4. เป้าหมายสูงสุดของ คสช.ยังคงเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่สามารถสืบทราบได้ว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ แต่สังเกตจาก ม.44 ที่ออกมาล้วนเอื้อให้เกิดโครงการขนาดใหญ่ที่กลุ่มทุนได้ประโยชน์โดยไม่สนใจมิติสิ่งแวดล้อม และชีวิตมนุษย์ ตรงนี้เป็นความเหนือชั้นอีกขั้นหนึ่งเพราะกระทำภายใต้วาทกรรมการพัฒนาที่สังคมส่วนใหญ่ซื้ออยู่แล้วโดยไม่ตั้งคำถามว่าวันข้างหน้าประเทศจะฉิบหายยังไง

5. อุปสรรคชนิดเดียวของ คสช.ตอนนี้ คือ การตื่นของประชาชน แต่จะใช้กำลังปราบปรามก็ทำไม่ได้ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในโลกใบนี้ มาตรการทางกฎหมายจึงถูกนำมาใช้ผสมกับการทั้งขู่ทั้งปลอบของฝ่ายทหารที่กระทำต่อมวลชน ซึ่งยังรักษาขอบเขตให้คนส่วนใหญ่รู้สึกดีว่า ทหารไม่ใช้ความรุนแรง การเอาปืนไปจี้ การอุ้มหายกระทำได้ภายใต้วาทกรรมการทำผิดกฎหมาย กลายเป็นการกระทำอันชอบธรรมเพราะทำตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ม.44 กฎหมายประชามติ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงถูกนำออกมาใช้ควบคุม กดขี่ ข่มเหงคนอย่างชอบธรรม เพราะรัฐบาลต้องการให้โปรเจกต์ขนาดใหญ่ผ่านไปได้ แต่มีเป้าหมายอีกข้อหนึ่งที่ต้องบรรลุไปพร้อมกันคือ?

6. เป้าหมายข้อนั้นคือ การสืบทอดอำนาจ รัฐธรรมนูญจึงต้องผ่าน แต่ในรัฐธรรมนูญนั้นบรรลุผลทั้งสองอย่างคือ การจำกัดสิทธิของประชาชน และปัจจัยเอื้อของการสืบทอดอำนาจ แค่เพียงสองอย่างนี้บรรลุหมากต่อไปก็เล่นง่ายขึ้น

7. การรัฐประหารคราวนี้มีชนชั้นมันสมองร่วมวางแผนเดินหมาก กำกับเกม ลำพังประยุทธ์ กับประวิตร ไม่น่าฉลาดได้ขนาดนี้

ทั้งหมดนี้เดิมพันด้วยความตกต่ำขนานใหญ่ของประเทศ เดิมพันด้วยหายนะด้านสิ่งแวดล้อม เดิมพันด้วยการสูญเสียเสรีภาพความเป็นมนุษย์ของคนไทย ประเทศไทยกลายเป็นของเล่นอีกครั้ง ในขณะที่พม่ากำลังก้าวหน้าอย่างน่าใจหาย

รู้ไหมครับทหารทำแบบนี้ได้เพราะอะไร? เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังหลับหูหลับตาเชียร์ โดยมีฐานมวลชน กปปส.เป็นบันไดให้ คสช.ปีนขึ้นมา ซึ่งผมเป็นหนึ่งในนั้น และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง คำถามที่อยู่ในใจคือ ตอนนั้นสุเทพ กำลังวางแผนอะไรกับทหาร?

หวังว่าคนไทยจะตื่นทันเวลา