วันอาทิตย์, เมษายน 24, 2559

ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ที่จุด ‘หนทางสู่ประชาธิปไตย' แบบพม่ายุคเต็งเส่ง (หรือตันส่วย) ที่ปรับรับช่วงมาจากอูนุ





หากจะเอาโพลเป็นสรณะในระยะนี้ การปรากฏของโพลดุสิตไม่มีอะไรมากกว่า เป็น propaganda machine ชิ้นหนึ่งที่ คสช. ใช้โฆษณาชวนเชื่อในช่วงเพลี่ยงพล้ำ เมื่อเสียง ‘ไม่รับ’ ร่างรัฐธรรมนูญกำลังอึงอื้อ

ช่วงที่ คสช. กดดันอย่างหนักให้ประชามติผ่านไปสู่การจัดเลือกตั้งแบบ ‘หนทางสู่ประชาธิปไตย’ หรือ Roadmap to Democracy ของพม่ายุคเต็งเส่ง (หรือตันส่วย) ที่ปรับรับช่วงมาจากอูนุ

คงจำกันได้ว่าตอนนั้นพรรคของนางอองซาน ซูจี ได้เสียง (ค่อน) ข้างมาก แต่ก็ถูกทหารเบี้ยวไม่รับ และจัดการ house arrested กักกันนางซูจีให้อยู่แต่ในบ้าน เป็นเวลาอีกนานกว่าที่ทหารจะยอมรับว่าประชาชนไม่เอาด้วย และการปิดประเทศ ถูกตะวันตกปิดกั้น มีแต่เฉา รอแห้งตาย

เวลานี้ประเทศไทยอยู่ที่จุดนั้นของพม่า

คสช. ต้องการให้เกิดเลือกตั้งตามร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคการเมืองไม่สามารถตั้งรัฐบาลของตนเองได้ และจำต้องยอมให้มีนายกฯ คนนอกบงการรัฐบาลผสม โดย มีสภาที่ คสช. แต่งตั้ง จำนวนกว่าครึ่งของสภาเลือกตั้ง คอยสั่งการรัฐบาลโดยปริยาย เป็นเวลาอย่างน้อยๆ ๕ ปี อย่างดี (แตก) ยืดไปอีก ๒๐ ปีก็ได้ ใครจะแย้ง

การทำประชามติสำหรับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวกำหนด (โดย พ.ร.บ.) ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ หรือคัดค้านร่าง รธน. โดยมีระวางโทษจำคุก ๑๐ ปี ขณะที่กองทัพบกและกระทรวงกลาโหมออกรณรงค์แจกใบปลิวให้คนไปใช้สิทธิออกเสียงกันมากๆ (คสช. เชื่อว่าจะมีคนไปใช้สิทธิมากกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์)

เนื้อหาของใบปลิวอยู่ที่ร่าง รธน. นี้มีแต่ความดี จะผิดหรือไม่ผิด ตาม พรบ. ประชามติ ไม่สำคัญ เพราะ คสช. มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อย่างเบ็ดเสร็จ (ม.๔๔) ตามที่ใช้กำลังแสนยานุภาพยึดมาจากรัฐบาลเสียงส่วนมากโดยประชาชน ฉะนั้น คสช. ทำได้ ทำไปแล้ว ใครล่ะจะหือเอาไปฟ้องศาล (ทหาร)

โพล (โดยสำนักดุสิต เจ้าเก๋า) จึงออกมาว่า ประชาชน (เท่าที่โพลถาม) ส่วนมากสุขใจกับการที่ ‘น้องเมย์’ ได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องกีฬาตีลูกขนไก่





(มีใครบางคนที่เป็นปลื้มกับ น.ส.รัชนก อินทนนท์ ล้นเหลือ แต่ก็อดที่จะฉุกคิดในบริบทวงกว้างของความเป็นชาติโดยรวมว่า เรารอที่จะสุขใจกับการที่ใครสักคนได้เป็นแช้มป์ในแวดวงใดหนึ่งเท่านั้น ละหรือ)

รองลงไปเรื่องจะได้วันหยุดยาว อันดับสามทิ้งห่างนิด คนไทยของดุสิตโพลพอใจจะได้ปรับลดหย่อนภาษี (คงชี้แนะได้นะว่าคนพวกนี้เป็นใคร ถ้าไม่ใช่พวกที่อ้างอย่างมโนเสมอว่าฉันจ่ายภาษีมากกว่าเธอว์)

ในด้านความทุกข์ (หรือพูดให้เพราะๆ แบบไทยๆ ว่า “เหตุการณ์ที่ทำให้หนักใจและเครียด”) ปรากฏว่าผู้ตอบคำถามของดุสิตโพลส่วนใหญ่ กังวล (และ/หรือ) หมกมุ่นกรุ่นใจมากที่สุดเรื่องการเมือง เรื่องรัฐธรรมนูญ และ “การเคลื่อนไหวชุมนุม”

(http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/695638)

น่าเสียดายที่ไม่มีคำอธิบายละเอียดต่อประเด็นการเมืองที่ทำให้ผู้ตอบโพลของดุสิตถึงกว่า ๘๖ เปอร์เซ็นต์เป็นห่วง ถ้าจะให้เดาก็คงกรณีที่มีการคัดค้านไม่รับร่าง รธน. ค่อนข้างกว้างขวางอยู่

ส่วนอันดับรองๆ ของความไม่สบายใจในหมู่ ‘ตัวอย่างไว้สุ่ม’ สำหรับดุสิตโพล เป็นเรื่องภัยแล้ง ขาดน้ำ และข้าวของแพง เศรษฐกิจกำลังแย่

มีข้อน่าสังเกตุว่าเหตุที่โพลของดุสิตออกมามีคนเป็นห่วงเรื่องปากท้องน้อยกว่าเรื่องการเมืองและเรื่องแล้ง น่าจะเป็นเพราะมีโพลก่อนหน้านี้ชื่นชมรัฐบาลของคณะรัฐประหารว่า เอาเถอะ จะยังไงก็แล้วแต่ ‘เศรษฐกิจยุคบิ๊กตู่นี่ดีออก คนยัง (พอ) มีอัฐฬสติดกระเป๋ากันอยู่’





ทั้งๆ ที่เพิ่งมีข่าวออกมายังไม่ถึงอาทิตย์เลยว่า “ส่อวืด จีนปัดไม่เจรจาตกลงราคาซื้อข้าว ๑ ล้านตัน”

(http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx…)

ประเด็นที่โพลถามเรื่องนายวัฒนา เมืองสุข ผู้ซึ่งแสดงการต่อต้านไม่รับร่าง รธน.ใหม่ แล้วถูกทหารนำตัวไปควบคุมเพื่อปรับทัศนคติ จึงออกมาในรูปที่ว่า “ส่วนใหญ่ร้อยละ ๗๒.๙๔ มองว่าเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง”

แท้จริงประเด็นสำคัญกว่านั้นสำหรับ คสช. ในเวลานี้อยู่ที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เลิกรอ ขอสู้ และเล่นลูกชนเข้าแล้ว ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างร้อนแรงในเรื่องที่ว่าเขาจ้างล้อบบี้ยิสต์ให้ต่างชาติรุมด่าว่าร้ายรัฐบาล คสช. และ (เหมาเอาว่า) เป็นการทำร้ายประเทศไทย

สิ่งที่ทักษิณโต้ไว้นั้น กระทั่ง “มิตรสหายท่านหนึ่ง (ซึ่งไม่ใช่พวกเชียร์ทักษิณ อันที่จริง เขาคงมีประวัติที่ไม่ชอบทักษิณด้วยซ้ำ) เขียนถึงกระทู้ทักษิณ” ยังบอก “ถ้าปิดชื่อทักษิณเป็นคนโพส ไม่ว่าใครโพสมันก็ถูกอยู่ดี”

แม้นว่า Somsak Jeamteerasakul จะมีคอมเม้นต์ “อันที่จริง อาจจะบอกว่าคนเขียนทำไม ‘ช้า’ จัง (วะ) คนอื่นเขาเขียนด่าประยุทธ์ (และเสี่ยงต่อการโดนประยุทธ์เล่นกลับ หรือโดนเล่นกลับจริงๆ) ไปเป็นปีแล้ว ทำไม ‘คนเขียน’ เพิ่งมา (หรือมัวแต่ไปบอก WAIT?)” ก็ตาม





ทว่า ขณะนี้มีแต่นายวันชัย สอนศิริ ที่บุญหล่นทับได้เป็น สปท. นอมินีคณะทหาร คนนี้แหละคือลิ่วล้อ คสช. ตัวจริง ออกมาต่อความยาวโต้แทน คสช. ว่า “นายทักษิณไม่เคยหยุด เคลื่อนไหวทั้งในที่ลับ ที่แจ้ง”

แถมสวมวิญญานตุ๊ดตู่ ‘จวกยับ’ ด้วยว่า “สมัยรัฐบาลทักษิณกับน้องสาวมีผลงานอะไรบ้าง บ้านเมืองวุ่นวายมาตลอด มูลเหตุเกิดจากนายทักษิณทั้งสิ้น”

ไม่น่าแปลกที่นายวันชัยพูดได้อย่างนั้น ในเมื่อเขาเช่นกันที่แสดงตนเป็นลูกไล่เผด็จการอย่างโจ่งแจ้ง โดยบอกว่า “สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.บอกไม่ให้รณรงค์ทั้งฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย จึงถูกต้องที่สุด ต้องให้ กรธ.เป็นแม่งานหลัก ชี้แจงประชาชนเนื้อรัฐธรรมนูญ”

และ “กล่าวถึงการรณรงค์ก่อนทำประชามติว่า ถ้าปล่อยให้รณรงค์ทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วย บ้านเมืองจะแตกแยกวุ่นวาย เกิดการทะเลาะกันตาย แบ่งฝักแบ่งฝ่าย การปรองดองสมานฉันท์ที่รัฐบาลตั้งใจทำในปี ๖๐ จะล่มสลายตั้งแต่ต้น”

(http://www.matichon.co.th/news/115360 และ http://www.matichon.co.th/news/115359)

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ารัฐบาลของนายวันชัยตั้งใจทำการปรองดองในปี ๖๐ ที่ไม่รู้ก็ตรงว่า เนิ่นมาสองปี แล้วยังต้องรออีกหนึ่งปี ทำห่..ไร

อีกรายที่ดูเหมือนแก้ต่างให้ คสช. ด้วยการเสนอข้อโต้แย้งทักษิณว่ามาจาก แหล่งข่าว คสช. ก็คือ ‘เนชั่นทีวี’ ที่แจ้งว่า

“มีหลักฐานปรากฎออกมาว่า บริษัท Bell Pottinger ประเทศอังกฤษ โดยบทความจากหนังสือพิมพ์ The Guardian และ บทความสัมภาษณ์เจ้าของบริษัท Bell Pottinger ของหนังสือพิมพ์ Financial Times ยอมรับว่านายทักษิณเป็นลูกค้าเขาอยู่ และมีเอกสารแบบฟอร์มยืนยันการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ชื่อ BGR Government Affairs จากสหรัฐอเมริกา”

(http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378499169/)

เนชั่นอ้างแหล่งข่าวจาก คสช. ระบุอีกว่า “คสช.ต้องการชี้ให้เห็นว่านายทักษิณมีการจ้าง ล้อบบี้ยิสต์จริง ไม่ใช่การโกหกคำโต”

โอ้โฮ ข้อมูลใหม่สวนทางแม้วได้ทันใจดีจัง เสียแต่ว่าข้อเท็จจริงน้อยไปนิด ไม่ได้มีรายละเอียดว่าการจ้างล็อบบี้ยิสต์ของนายทักษิณดังกล่าว “เพื่อล็อบบี้ประเทศต่างๆ ให้แอนตี้ บอยคอตประเทศไทย” อย่างไรบ้าง

หรือว่าเป็นการจ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่อการดำเนินธุรกิจในตลาดการค้านานาประเทศ ของเขาเท่านั้น

แหม่ อย่างนี้ต้องโทษเนชั่นทำให้เสพสมบ่มิสมอารมณ์ค้าง ได้รับความจริงไม่หมด แหล่งข่าวที่เอามาให้ทำตกหล่นกลางทางเสียนี่