วันอังคาร, เมษายน 19, 2559

ยอมๆเขาไปเถอะครับ "ประเทศไทยไม่ใช่ของเรา" (เพราะ ตอนนี้เราอยู่ในยุคเผด็จการทหาร เขาถือปืนเข้ามา ปล้นอำนาจประชาชนไป)




จริงๆเรื่องนี้ ลุงตือ แกก็พูดถูกนะครับ
.
คือคุณต้องเข้าใจก่อนว่า
การฝากลูกหลานเข้าทำงานเนี่ย
มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ธรรมดาสุดๆ
โดยเฉพาะในสังคมเผด็จการ และในสังคมอุปถัมภ์
รัฐไทยสมัยก่อนมันก็ทำงี้กันเป็นเรื่องปกติแหละครับ
ก็แน่ละกูมีอำนาจนี่หว่า ไอ้ห่า มึงจะโวายวายอะไรห๊ะ!
.
ไอ้ที่เรามองว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา
เพราะเราเอากรอบคิดแบบเสรีประชาธิปไตยไปมองครับ
คือไปมองว่าทุกคนมันเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือใคร
การที่มึงนามสกุลดัง หรือมีเส้นสาย จะใช้อภิสิทธิ์เช่นนี้ไม่ได้
เพราะกูกับมึงเท่ากัน คนเหมือนกัน ก็ต้องแข่งขันกันสิวะ มึงทำแบบนี้ได้ไง!
.
นี่ละจึงเป็นเหตุผลสำคัญมากๆ
ที่ผมเน้นย้ำเสมอว่าประชาธิปไตยมันมีคุณค่า
และประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ
ในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น และระบบเส้นสาย
เพราะคำถามสำคัญอันเป็นรากฐานของประชาธิปไตย
มันเริ่มต้นจากคำว่า "ความเท่าเทียม" คือกูกับมึงเท่ากัน
ไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิ เสรีภาพ หรือการเลือกตั้งนะ
แต่คือเรื่องโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรของรัฐด้วยเช่นกัน
.
เมื่อฐานคิดของประชาธิปไตยคือความเท่ากัน
สังคมเลยต้องออกแบบกติกาในการเข้าถึงโอกาสต่างๆ
ด้วยการแข่งขันที่ยุติธรรม และเป็นธรรมที่สุด เท่าที่จะทำได้
นั่นจึงเป็นที่มาของการที่คุณต้องสอบเข้าทำงาน ประมูลงาน ฯลฯ
และมีหน่วยงานในการตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆอย่างเคร่งครัด
และเพราะสังคมประชาธิปไตย ให้คุณค่ากับความเท่ากัน
การใช้อำนาจใดๆ ที่ทำให้คนรู้สึกว่าไม่แฟร์นั้น
มันจึงถือเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้
.
แต่คุณต้องเข้าใจว่า
ตอนนี้เราอยู่ในยุคเผด็จการทหาร
เขาถือปืนเข้ามา ปล้นอำนาจประชาชน
.
ซึ่งในกรอบคิดของพวกเขา
เราไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว
(ก็แน่ละ ถ้าเท่าเทียมกัน แม่งไม่ยึด
อำนาจเราไปหรอกแบบนี้หรอก แหะๆ)
.
ฉะนั้นเวลาเขาอ้าง "กูมีอำนาจ"
เขาก็พูดถูกแล้ว อำนาจอยู่ในมือเขาจิงๆ
ขนาดกฎหมาย เขายังล้ม/ออก/แก้ ได้เองเลย
นับประสาอะไรกับแค่ตำแหน่งร้อยตรี
จริงๆเค้าตั้งเป็นนายพันนายพลก็ยังได้น่ะครับ
นี่เค้าตั้งแค่ ร้อยตรี ก็ถือว่าเมตตาเราขนาดไหนแล้ว
.
ยอมๆเขาไปเถอะครับ
.
"ประเทศไทยไม่ใช่ของเรา"



ooo