วันพฤหัสบดี, เมษายน 28, 2559

สังคมไทย กลับตาลปัตร : เปิดใจ น้องปั๊ป “กรกนก คำตา”นักศึกษารัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จำเลยคดีนั่งรถไฟจะไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์




Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว

ในคดีอาญา ยังมีคุกใต้ศาลให้คนที่ได้ประกันตัวภายในวันเดียว รอในนั้น ได้ปล่อยตัวจากที่นั่น แต่คดีจากศาลทหาร ทำไมต้องเข้าเรือนจำมีการตรวจภายในล้วงลึกเข้าไปถึงในช่องคลอด – น้องปั๊ป “กรกนก คำตา”

สัมภาษณ์น้องปั๊ป “กรกนก คำตา”นักศึกษารัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จำเลยคดีนั่งรถไฟจะไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ 7 ธ.ค.58โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย.59 เธอขึ้นศาลทหารและถูกนำตัวไปเรือนจำก่อนได้รับการประกันตัวพร้อมผู้ต้องหาชายอีก 5 คน เวลา 20.20 น. วันเดียวกัน

ในระหว่างอยู่ในเรือนจำ 14.00 น. – 20.00 น. เธอได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษหญิงในเรือนจำ ถูกบอกให้ถอดเสื้อผ้าและใส่ผ้าถุงผืนเดียวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดนักโทษ แต่ทุกครั้งที่ต้องรายงานตัวต่อหน้าผู้คุมแต่ละแดน เธอจะถูกสั่งให้ลุกนั่งเพื่อตรวจสอบว่าซ่อนยาเสพติดหรือไม่ โดยมีผู้คุมยืนจับผืนผ้าถุงที่เธอสวมใส่ ขณะที่ผ้าถุงซึ่งล้อมตัวเธออย่างหลวมๆ นี้ ก็ไม่ได้มิดชิดพอจะบังสายตาคนนับร้อยในเรือนจำ
นอกจากนั้นยัง ถูกตรวจช่องคลอดเพื่อดูว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดหรือสิ่งใดหรือไม่ ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาคดีการเมือง แต่เธอมองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครไม่ว่าถูกดำเนินคดีอะไร เธอเตรียมร้องเรียนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น

อ่านบทสัมภาษณ์นับแต่บรรทัดนี้ และฟังคลิปเสียงเล่าโดยละเอียด

-จากผู้จะไปตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์กลายเป็นผู้ถูกสอบเสียเอง

คือหนูไปตรวจสอบการทุจริต ถึงแม้จะเป็นเชิงสัญลักษณ์ จะไปจัดเสวนาตรงนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าหนูกลับต้องเป็นคนที่เข้าคุกแล้วไปโดนตรวจสอบโดยละเมิดร่างกายหนู ใครกันแน่ที่ต้องเป็นคนโดนตั้งข้อกล่าวหาแล้วเข้าคุก กลายเป็นสลับกัน คนที่ตั้งคำถามกลับต้องเข้าคุก ส่วนคนที่มีมูลเหตุกลับไม่ถูกสอบสวน

ก่อนหน้านี้ก็คิดไว้ว่าอาจจะได้เข้าไปในคุกแต่ไม่ได้คิดว่าจะมีการปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์เยี่ยงนี้ พอโดนสั่งให้ถอดเสื้อผ้ากลางลาน ในที่สาธารณะกลางสายตาทุกคน ก็รู้สึกว่าต้นทุนในการไปถามหาความจริงมันสูงมาก ต้นทุนของพวกเราที่ออกมาสู้เพื่อความถูกต้อง ประชาธิปไตย ต้นทุนมันสูงมากๆ มากกว่าที่หนูจินตนาการไว้เยอะ

-ท้อแท้กับการที่พยายามทำให้สังคมมีความถูกต้องไหม

รู้สึกเศร้าที่ประเทศไทยเป็นได้ขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งคือยิ่งยอมไม่ได้ ถ้าในสังคมยังเหลือพื้นที่ที่คนไม่มีสิทธิเป็นคน คนสามารถโดนละเมิดอะไรก็ได้ในประเทศตัวเอง อีกทางหนึ่งมันก็ยิ่งอยากกระตุ้นให้ประเทศเราพัฒนากว่านี้ แต่อีกทางหนึ่งก็รู้สึกว่าประเทศมันแย่มากๆ มันมีความหวังเหลืออีกไหม แม้แต่คนด้วยกันก็ยังทำแบบนี้

การตรวจช่องคลอด ขยับควานหา.. ทั้งที่เป็นคดีการเมือง แล้วหนูจะขนยาเสพติดทำไม ความจริงไม่ต้องเอาหนูไปรวมในเรือนจำ แค่กันเอาไว้เพื่อตัดปัญหาการส่งอะไรให้คนอื่นก็ได้ แต่ปรากฏเขาทำเหมือนหนูจะอยู่ในเรือนจำนาน ราวกับจะไม่ได้ประกันตัว อยู่ในเรือนจำตั้งแต่บ่ายสองถึงสองทุ่ม ใส่ผ้าถุง 1 ชิ้นและได้ใส่เสื้อบ้างบางครั้ง โดยไม่ใส่ชุดชั้นใน ถึงหกโมงเย็นได้อาบน้ำ ออกจากเรือนจำประมาณสองทุ่ม เปิดเฟซบุคดูเห็นสเตตัสเพื่อนๆ จึงเพิ่งทราบว่าศาลอนุมัติให้ประกันตัวตั้งแต่ 15.30 น. แต่ตอนนั้นอยู่ในเรือนจำยังไม่ทราบเรื่องภายนอก

ระหว่างการตรวจภายใน ก็ไม่ได้มีการพูดอธิบายตามกระบวนการ แตกต่างจากเวลาตรวจกับแพทย์ซึ่งเขาจะอธิบายด้วยความสุภาพ ว่าจะทำอะไรเพื่ออะไร แต่ตอนเราไปตรวจเขาพูดห้วนๆ ไม่ได้อธิบายอะไร

-คิดว่าถูกกลั่นแกล้งไหม

เขาทำแบบนี้ปกติกับนักโทษทุกคน แต่สิ่งนี้ไม่ปกติสำหรับมนุษย์ คือการตรวจภายใน หรือให้ลุกนั่ง เขาทำมายาวนาน ทุกคนในสังคมไม่ควรยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะ อาจจะเกิดกับคนรอบตัวเราทั้งที่อาจจะไม่ผิดแต่เขาต้องไปอยู่ในนั้น แล้วมาเจออะไรแบบนี้ มันเป็นระบบที่แย่มาก

คดีเช่นหนู ยิ่งไม่จำเป็นต้องทำเลย แม้แต่คดีอาญา ยังมีคุกใต้ศาลให้คนที่ได้ประกันภายในวันเดียว รอในนั้นได้ปล่อยตัวจากที่นั่น แต่คดีจากศาลทหาร ทำไมต้องเข้าเรือนจำ มีการตรวจภายในล้วงลึกเข้าไปถึงในช่องคลอด

-อยากบอกอะไรกับปลัดกระทรวงยุติธรรม

เทคโนโลยีในการการสแกนร่างกายมันทำได้ลึกซึ้งแล้ว ต้องถูกนำมาใช้ตั้งนานแล้ว ถ้ายังไม่มีจริงๆ การตรวจควรอยู่ในที่ลับตาคนและตรวจกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกคนมาเห็นเนื้อตัวร่างกาย เป็นการอนาจารและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากๆ

ผู้ต้องขังยังมีสิทธิส่วนบุคคลแม้จะกลายเป็นผู้ต้องหาหรือนักโทษ แม้แต่จำเลยแบบหนูซึ่งยังไม่เป็นผู้ทำความผิดด้วยซ้ำ ทั้งที่ศาลอนุมัติการประกันตัวตั้งแต่ 15.30 น. แต่เวลานั้น หนูยังต้องลุกนั่งหมุนตัวในผ้าถุงต่อหน้าทุกคนอยู่เลยมันใช่เรื่องไหม

การลุกนั่งทำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักโทษก่อนแล้วค่อยไปตรวจภายใน แล้วก็มาลุกนั่งอีกในการเดินผ่านประตูในแต่ละแดน คือทั้งก่อนและหลังการตรวจภายใน ต้องลุกนั่งตลอดเมื่อรายงานตัวต่อผู้คุม ลุก นั่ง หมุนตัวในผ้าถุงโดยไม่มีชุดชั้นใน ผู้คุมก็มองๆ

นอกจากนั้น มีการตรวจฉี่ซึ่งตรวจโดยนักโทษด้วยกันเอง ห้องน้ำไม่มีประตู แล้วมีการหยดคล้ายๆ ที่ตรวจครรภ์ แล้วเขาก็บอกหนูว่า ท้อง!! แล้วเขาก็หัวเราะกัน คือ เขาพูดเล่น หนูทราบจากคนข้างๆ ว่า เป็นที่ตรวจสารเสพติด แล้วกระปุกเก็บฉี่ก็ต้องล้างด้วยน้ำเปล่าซึ่งก็ไม่ได้มีสุขอนามัย

-ปลัดกระทรวงยุติธรรมบอกร้องเรียนได้- น้องปั๊ปคิดว่าจะร้องเรียนไหม

ก็คิดว่าจะร้องเรียน เพราะคิดว่าไม่เฉพาะตัวปั๊ปที่ไม่ควรถูกกระทำแบบนี้ แต่รวมถึงนักโทษคนอื่นๆ ด้วย ไม่ควรถูกทำแบบนี้ มันเป็นเรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย มันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครๆ

รู้สึกสิทธิในเนื้อตัวร่างกาถูกลดทอนอย่างมากในเรือนจำ การค้นตัวไม่ควรลดทอนกันขนาดนี้ นี่เป็นการจงใจให้นักโทษคนอื่นเห็น รู้สึกถูกละเมิด เพราะควรมีการตรวจค้นร่างกายในห้องเฉพาะ แต่นี่เหมือนบังคับให้เราต้องอนาจารต่อหน้าทุกคน หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ ทุกคนไม่ควรโดนแบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใคร แม้แต่คดีอุกฉกรรจ์ ควรมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่ถูกตัดสิน ก็กลายเป็นเหมือนโดนลงโทษแม้ยังไม่เป็นผู้ผิด


ooo

ถามตรงๆกับจอมขวัญ : เปิดใจ นศ.ธรรมศาสตร์ แฉสิ่งที่ถูกกระทำในเรื่อนจำ | 27-04-59 | ThairathTV




https://www.youtube.com/watch?v=Pg99OwZ5lfk

Published on Apr 27, 2016