วันพุธ, เมษายน 20, 2559

ฟัง บิ๊กตู่ป้องหลานชายไม่ผิด ท้าฟ้องศาล-ยันตั้งกันทุกปี ฉุน ต้องเปลี่ยนนามสกุลไหม (คลิป)




บิ๊กตู่ป้องหลานชายไม่ผิด ท้าฟ้องศาล-ยันตั้งกันทุกปี ฉุน ต้องเปลี่ยนนามสกุลไหม




“บิ๊กตู่” ยันตั้งหลานชายเป็นทหารทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย ฉุน “จะให้เปลี่ยนนามสกุลหรืออย่างไร” ยืนยันยึดตามระเบียบทำตามปกติ

มติชนออนไลน์
19 เม.ย. 59 เวลา: 17:35 น.


เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งบุตรชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหลานชายเข้ารับราชการทหารว่า “เรื่องการแต่งตั้งลูกน้องชาย ปัดโธ่ เขาก็แต่งตั้งกันทุกปี เขาเปิดกันทุกปี เป็นการแข่งขันส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับบน แล้วปลัดกลาโหมก็เซ็นชื่อไปในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจให้เซ็นชื่อ จริงๆ ไอ้นี่มันก็ซื่อ จริงๆ ไม่ควรเซ็นด้วยซ้ำไป แต่มันก็ไม่ได้ จะให้คนอื่นเซ็นเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เอาล่ะ ผมไม่ตอบดีกว่าในเรื่องนี้ ผมไม่ได้สนใจว่าเป็นนามสกุลเดียวกับผมเพราะผมบอกแล้วว่า ผมทำตามกฎหมาย ทำตามสิ่งที่มันมี ซึ่งถ้าทำตามกฎหมายทุกอย่างก็จบ วันนี้ก็มีคนไปฟ้องร้องก็ไปฟ้องสิ เรื่องแบบนี้เขาทำกันทุกปี ไม่ใช่เพิ่งมาทำปีนี้ให้น้อง ให้หลานเสียเมื่อไหร่”

เมื่อถามว่า จะขัดกฎหมายหรือไม่ เพราะในมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการปกครอง ห้ามไม่ให้มีการแต่งตั้งเครือญาติขึ้นดำรงตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้เป็นการแต่งตั้งทดแทนผู้ที่เกษียณอายุไป ถ้าเป็นญาติกันแล้วตั้งไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ ถือเป็นคนละขั้นตอน เป็นคนละส่วน อย่านำมาปนกัน ส่วนนั้นเป็นของกระทรวงกลาโหม ส่วนที่ทาง ป.ป.ช.รับเรื่องที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ก็ว่าไปสิ ถ้าจะมีการสอบสวน รับเรื่องได้ก็รับไป ตนไม่ได้ว่าอะไร บอกแล้วว่าทุกอย่างก็ต้องเป็นตามระเบียบ ของเดิมที่เขาทำไว้ก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นเท่านั้นเอง

“ผมเองก็เคยเป็น ผบ.ทบ.เก่า เคยแต่งตั้งคนมาเยอะแยะ ผมเป็น ผบ.ทบ. รับผิดชอบเรื่องกองทัพบกทั้งหมด ถ้าเหนือจากผมขึ้นไป เป็นเรื่องทางธุรการ ถ้าเป็นเรื่องของกฎระเบียบเป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม เขาแบ่งขั้นตอน มอบอำนาจกันมาหมด ไม่อย่างนั้นจะบังคับบัญชากันไม่ได้คนมันเยอะ อย่าไปมองว่านามสกุลเดียวกับผม ไม่อย่างนั้นผมเปลี่ยนนามสกุลก็ได้ จะได้หมดเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า ทางปลัดกระทรวงกลาโหมระบุว่ามีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมาแจ้งทำไม เป็นเรื่องภายในของกระทรวงกลาโหมเขา ในเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งทดแทน การบรรจุ เลื่อนยศ ปลด ย้าย ก็เป็นเรื่องภายใน ในส่วนของตนที่เสนอเข้ามาในนามรัฐบาลก็เป็นเรื่องการเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในระดับชั้นนายพล ไม่ใช่ตนหรือรัฐมนตรีแต่เป็นอำนาจของกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ มีการแบ่งอำนาจกันเป็นทอดๆ แล้ว สำหรับตนมีการรับทราบเป็นการส่วนตัว ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องรายงานให้ทราบด้วย กระทรวงกลาโหมรายงานว่ามีการแต่งตั้งในอำนาจของ รมว.กลาโหมที่มอบอำนาจปลัดกระทรวงเป็นผู้เซ็นแต่นี่ตัดตอนเฉพาะ จันทร์โอชา มาคนเดียว ตนก็เบื่อเหมือนกัน

เมื่อถามว่า เมื่อเกิดคำครหาถึงตัวนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องดังกล่าวอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “มันเกี่ยวกับผมได้อย่างไร อย่างนั้น ผมต้องย้ายนามสกุลหรืออย่างไร ทุกคนมันนามสกุลเดียวกันไม่ได้หรือ เอาให้ดี พูดกันให้ชัด วันนี้ลูกหลานกำลังพลเขาก็มีการบรรจุเข้ามา ก็ถือเป็นลูกหลาน มีความไว้เนื้อเชื่อใจส่วนหนึ่ง เพราะอย่างไรก็เคยชินกับระบบวินัย พ่อแม่เป็นทหาร ก็มีข้อพิจารณาตรงนี้ด้วย ถ้ามาจากพลเรือนล้วนๆ ก็ต้องมีระบบคัดกรองเรื่องความมั่นคง รักษาความปลอดภัยขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง แล้วก็มีการคัดแยก ทั้งในเรื่องการสอบต่างๆ แล้วพวกคุณไม่ไว้วางใจผมหรืออย่างไรเล่า ทหารมีกี่เหล่า กี่หน่วย วันนี้ผมชี้แจงเฉยๆ ไม่ได้ไปตอบโต้หรือแก้ตัวแทนน้องหรือหลานผม แต่ชี้แจงว่าระเบียบมันเป็นอย่างไร และใช้กันมาอย่างไร เรื่องนี้ใช้กันมานานแล้วก็ไม่รู้สิ ขี้เกียจตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เคยคิดให้บุตรสาวทั้งสองคนเป็นทหาร และลูกสาวทั้งสองไม่เคยมอง ไม่อยากจะเป็นทหาร “เห็นพ่อมันลำบากอย่างนี้ มันจะเป็นทำไม ปัดโธ่ ไม่ได้อยากเป็นนักหรอก วันนี้แทบจะไม่มีคนอยากเป็นทหารอยู่แล้ว แต่ถามว่า ถ้าไม่มีทหารแล้วจะทำอย่างไร ทำไมมายุ่งอะไรกับลูกผมอีก วันนี้ทั้งสองคนเขาไม่ได้อยากเป็นอะไร เขาก็อยากเป็นลูกผมอย่างเดียว เขามีความสุขแล้ว พอเพียง ทำงานของเขา ในเรื่องการออกแบบเสื้อปั่นจักรยาน และของใช้เล็กๆ น้อยๆ ผมเองก็ไม่ได้ไปบังคับอะไร เขาชอบแบบนี้ก็ให้เขาทำไป วันนี้เขาขายในเว็บก็ให้ไปอุดหนุนกันเอาเอง แต่ไม่บอกเพราะไม่รู้ว่าเป็นเว็บอะไร เป็นเรื่องของลูก ปัจจุบันก็มีคนสนใจเข้ามาสั่งซื้อ 300-400 ตัว โดยเฉพาะนักกีฬา ซึ่งลูกของผมเขาตัวผอมชอบออกกำลังกาย ชอบขี่จักรยานอยู่แล้ว วันละประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ไม่ขอบอกว่าไปปั่นที่ไหน เพราะเราก็ห่วงเรื่องความปลอดภัย วันนี้ไปเรื่องลูกของผมอีกแล้ว เอาแค่หลานพอก่อน วันนี้ลูก หลาน เหลน โหลน หมดแล้ว อย่าให้ต้องพูดอะไรมาก เดี๋ยวก็มาขุดคุ้ยกันอีก ผมขี้เกียจ ถามเรื่องเสื้อกันเยอะ เดี๋ยวผมเอามาขายต้องซื้อกันนะ”