วันศุกร์, มกราคม 22, 2559

ถ้าจะจับแล้วปล่อยอย่างนี้จับกันดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องอุ้มให้โดนประณาม (และไม่ต้องพล่ามให้เข้าเนื้อ เล่นบทเมตตาปรานีก็ได้)





สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติประจำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์กระตุ้นให้รัฐบาลไทยถอนฟ้องนักศึกษากิจกรรมส่องคอรัปชั่นราชภักดิ์

“สิทธิในการชุมนุมโดยสันติ เสรีภาพในการแสดงออกและเสนอข้อคิดเห็น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ควรที่จะถือเป็นการกระทำผิดอาญาร้ายแรง แต่อย่างใด” เป็นคำกล่าวของลอว์เร้นท์ มีลลัน รักษาการตัวแทนภาคพื้น

พร้อมทั้งเร่งเร้าสอบสวนเรื่องข้อกล่าวหาที่ว่า ทหารพลางหน้าบุกจับกุมนักศึกษาธรรมศาสตร์ เอาถุงคลุมหัว แล้วมีการตบและเตะระหว่างการควบคุมตัว




“สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติมีความห่วงใยในเรื่องนี้” และ “ขอให้ทางการเปิดทางให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ทำการสอบสวนกรณีนี้อย่างอิสระ”

สนง. สิทธิฯ ยูเอ็น ยังเป็นกังวลที่มีการใช้คำสั่งของคณะรัฐประหารแทนที่จะใช้กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ ปี ๒๕๕๘ อันทำให้คดีนี้ต้องไปพิจารณากันในศาลทหาร ซึ่งมีแนวโน้มที่จะไม่เที่ยงธรรม และผู้ต้องหาไม่สามารถอุทธรณ์ได้

“เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ รวมทั้งทางด้านความมั่นคง ไม่เพียงแต่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หากแต่ต้องให้เกิดความมั่นใจว่า ตนเองต้องปฏิบัติตามกฎหมายตลอดเวลาด้วย” มีลลันกล่าวอีกตอนหนึ่ง

“ในฐานที่ประเทศไทยเป็นภาคีในสนธิสัญญานานาชาติเรื่องสิทธิมหาชนและทางการเมือง มีพันธกรณีจะต้องปกป้องอิสรภาพมหาชนของพลเมืองทุกๆ คน” แถลงการณ์เตือน

“รวมถึงสิทธิที่จะได้รับการปกป้องจากการถูกจับกุมคุมขังตามอำเภอใจของเจ้าพนักงาน ต้องได้รับแจ้งข้อกล่าวหา มีโอกาสปรึกษาทนาย และกระทำการพิจารณาคดีอย่างอิสระและไม่ลำเอียง”

(http://bangkok.ohchr.org/news/press/Thaistudents.aspx)

แต่ปฏิกิริยาที่ปรากฏจากคณะผู้ปกครองด้วยการยึดอำนาจในประเทศไทย กลับไม่ยี่หระกับคำท้วงขององค์การโลก

เมื่อถูกถามว่าทำไมต้องจับแบบตึ๊บตั๊บด้วยล่ะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบว่าจะจับอย่างไรก็ได้

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ต่างก็บิดเบือนความจริงว่าเจ้าหน้าที่จับกุมตามระเบียบสากล นุ่มนวล ไม่มีการใช้กำลัง

เมื่อฟังข้อคิดจาก อธึกกิต แสวงสุข ประเด็นนี้ เราอดไม่ได้ที่จะนำมาแบ่งปัน

“ทหาร ๘ นายปิดหน้าอุ้มจ่านิว ๒ ชั่วโมงกว่าจึงเอาไปส่ง สน. (จ่านิวเผยว่าถูกเตะถูกขู่) เช้ามาจับอีก ๓ระหว่างไปเยี่ยม พอถูกถามทำไมไม่จับจ่านิวดีๆ ประยุดโผงผางจะจับยังไงก็ได้ & จะให้ธรรมศาสตร์ดูทำไมจ่านิวไม่จบซักที (นศ.เรียน ๕-๖ ปีถมไป หนักหัวกบาลใคร)...




พอบ่ายมา ศาลทหารสั่งปล่อยไม่ต้องฝากขัง เอ๊ะมันยังไง ถ้าจะจับแล้วปล่อยอย่างนี้จับกันดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องอุ้มให้โดนประณาม (และไม่ต้องพล่ามให้เข้าเนื้อ เล่นบทเมตตาปรานีก็ได้)
หนึ่ง ตั้งใจขังยาว แต่เห็นกระแสโต้กลับ
สอง ผิดคิว ลูกน้องทำเกินสั่ง แต่ยังไง นายก็ต้องปากแข็ง
สาม แค่ต้องการขู่ให้จ่านิวกลัว (พิลึก คนกลัวจะสู้มาถึงขั้นนี้เรอะ)”

และยังสู้กันต่อ เมื่อนายสิรวิชญ์ หรือจ่านิวกำลังเตรียมการฟ้องร้องเจ้าพนักงานที่จับกุมตน ข้อหาทำร้ายร่างกาย และใช้กิริยาวาจาหยาบคาย จำเลยในคดีนี้คือทหารทั้ง ๘ จาก ร.๒ พัน ๒ รอ. ปราจีนบุรี และผู้บังคับบัญชาทุกระดับขึ้นไป