วันเสาร์, มกราคม 23, 2559

นึกอยู่เหมือนกันต้องมีหนังสือพิมพ์ไทยสักฉบับสองฉบับ ออกมาสับ ‘จ่านิว’ เพื่อสักการะ คสช.




นึกอยู่เหมือนกันต้องมีหนังสือพิมพ์ไทยสักฉบับสองฉบับ ออกมาสับ ‘จ่านิว’ เพื่อสักการะ คสช.

แต่ก็นึกไม่ถึงที่พาดหัวอย่าง “หลักฐาน...จ่านิวเชื่อม แดง-ก๊วน ๑๑๒” ไม่ใช่ของ ‘แนวหน้า’ นั่งเทียน

และที่ว่าเป็นเกม “จ่านิวอยากติดคุก คสช.รู้ทัน ไม่หลงกล” ขาเก่า ‘ไทยโพสต์’ มัวแต่เงื้อง่า ใส่ไม่ทัน

ปล่อยให้ ‘เดลินิวส์’ รวบหมด ‘runs’ คนเดียว มีหวัง ‘ประยุทธ์’ ซึ้งน้ำใจ

เมื่อวาน เดลินิวส์อ้าง ‘แหล่งข่าวด้านความมั่นคง’ ก่อนว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จ่านิว “มีความเชื่อมโยงกับนักการเมือง รวมทั้งกลุ่มคนที่มีแนวคิดสังคมนิยม”

“ที่ผ่านมามีภาพถ่าย ‘จ่านิว’ อยู่ร่วมกับแกนนำพรรคการเมืองและกลุ่มคนเสื้อแดง อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, น.ส.จิตรา คชเดช, นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์, นายนิธิ เอียวศรีวงศ์, นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ, นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล หรือ ‘หนุ่ม เรดนนท์’, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์”

โดยไม่ใส่ใจที่จะอ้างถึงภาพถ่ายของจ่านิวกับนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสมคิด เลิศไพฑูร อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ (ชื่อเดิม เอกชัย บูรณผานิต)

บุคคลเหล่านี้ที่ไม่ใช่ ‘เสื้อแดง’ ไม่ใช่ก๊วน ๑๑๒ (เอ๊ะ หรือว่า ‘อีแอบ’ กัน) ยกเว้นภาพที่ถ่ายกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ คนที่กล่าวมาข้างต้นล้วน ลิ่วล้อบริวาร คสช. เสื้อเหลือง และสลิ่มเป่านกหวีด ทั้งสิ้น




เดลินิวส์ ‘ตีไข่’ จ่านิวสองวันติดกัน ก่อนหน้านี้ไม่เหนียมเรื่อง ‘แหล่งข่าว’ ใส่ตรงๆ เลยว่า “จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”

“จ่านิวไม่รับข้อเสนอแต่จะให้ถูกจับหรือนำไปฝากขังอย่างเดียว เขาต้องการติดคุกเพื่อต้องการเป็นข่าวเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าติดคุกไปก็ไม่เกิน ๗ วัน ทนได้ แต่ ๗ วัน ที่พวกเขาติดคุกได้ผลอะไรอีกเยอะ...

รวมทั้งดึงเอานานาชาติเข้ามาถล่มรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็มีมาแล้วโดยโฆษกสหรัฐฯก็เริ่มออกมาอัดรัฐบาลไทยเห็นไหมว่า การที่เขายอมติดคุก ๗ วัน แต่ผลที่ออกมามันได้มากกว่านั้น”

(http://www.dailynews.co.th/politics/374673)

แหม เดลินิวส์รายงานข้อเท็จ (มากกว่า) จริง ไม่หมดอีกแล้ว ไม่ใช่แค่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐที่แสดงความกังวลเรื่องทหารไทยทำตำบอนกับนักศึกษา ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติเขากระตุ้นเร่งเร้าเลยละคุณ ให้เลิกคุกคามเด็กปากกล้าเพื่อประชาธิปไตยเสียที

จนมีคนเขาบอกว่า เดลินิวส์วันนี้เป็นผีห่า ‘ดาวสยาม’ กลับมาผุดเกิด

“เมื่อจับมาก็ต้องเอาตัวไปส่งตำรวจขั้นตอนก็เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง”

อันนี้คงมาจากแหล่งข่าว คสช. ที่เป็นรองอธิการบดีฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือเปล่า เนื้อหาตรงกันเด๊ะ

นายชาลี เจริญลาภนพรัตน์ กล่าวถึงนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ว่า “ที่ถูกควบคุมตัวครั้งนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอน โดยนายสิรวิชญ์ถูกหมายเรียกในคดีนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ แต่ไม่ไปพบเจ้าหน้าที่...

ก็ต้องถูกควบคุมตัว ครั้งนี้ถือเป็นโชคดีที่ศาลไม่อนุมัติฝากขังชั่วคราว ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์บานปลายได้”

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1453457052)

ปุดโถ ทั่นรองฯ ที่มันจะบานปลายก็เพราะพวกทหารแปดคนที่ไปจับปิดหน้าตัวเอง คลุมหัวจ่านิว พาไปเข้าพงหญ้า แล้วทั้งตบทั้งถีบ ด่าว่าหยาบคาย ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะไปส่งให้ตำรวจ

นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญให้นานาประชาชาติเขา กังวล กระตุ้น เร่งเร้า อย่าได้ทำผิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ประเทศไทยได้เป็นภาคี

แม้แต่ในกฎหมายไทยตามปกติก็มีบัญญัติไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่ง อจ.สาวิตรี สุขศรี แห่งคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ก้ยืนยันว่า “การจับกุมจ่านิวเมื่อคืนด้วยวิธีการดังกล่าว (ตามคลิปที่เผยแพร่) ไม่มีอะไรที่เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย”





อจ.สาวิตรี ให้รายละเอียดว่า ตาม ป.วิอาญา มาตรา ๘๓ การจับกุมแม้จะมีหมาย วิธีการข้อแรกเลยก็คือ ต้องกระทำการ ‘เชิญตัว’ หรือแจ้งให้ผู้จะถูกจับกุมทราบเสียก่อน บอกให้เดินทางไปยังสถานที่ทำงานของผู้จับกุม ต่อเมื่อขัดขวางเจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังให้ยินยอมได้

นอกจากนั้น มาตรา ๘๔ ประมวลกฎหมายเดียวกันระบุว่า เจ้าพนักงานที่ทำการจับกุมจะต้อง “นำตัวผู้ถูกจับไปยังสถานที่ทำงานของพนักงานสอบสวน โดยทันที”

(http://www.matichon.co.th/news/10307)

การจับกุมโดยละเมิด ซึ่งผิดทั้งหลักสิทธิมนุษยชนสากล และกฎหมายไทยในธรรมนองคลองธรรม เช่นที่สมุน คสช. ทำกับจ่านิว เป็นพื้นฐานให้ประชาคมโลกไม่เพียงแต่ประณามรัฐบาลทหารไทย หากแต่เป็นการถูกต้องอย่างยิ่งที่จะใช้วิธีการบีบคั้นด้วยมาตรการต่างๆ ให้ประเทศไทยหยุดยั้งการใช้อำนาจเกินขอบข่ายอันควร กลับสู่ระเบียบกฎหมายปกติ

สื่อมวลชนไหนๆ ย่อมยอมรับความจริงในข้อนี้ จะต้องประกาศตนเป็นเครื่องมือกดขี่ของเผด็จการ มิพักที่คนในตำแหน่งรองอธิการบดีออกมาชื่นชมความกักขฬะของทหาร บิดเบือนความชั่วร้ายนั้นเสียเอง