วันพฤหัสบดี, มกราคม 28, 2559

กลับไปอ่านบทความของ อจ.นิธิอีกครั้ง พบว่าที่ทำให้บักตู่ของขึ้น เพราะบทความไม่ได้ให้ความสำคัญล้ำเลิศแก่การมีกองทัพไว้ให้อ้างว่า “ปกป้องแผ่นดินนี้มาตลอดชีวิต”




คำถามง่ายๆ ที่ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนไว้ตั้งแต่ต้นเดือน กลับมาเป็นประเด็นร้อนกว่าเก่า

เมื่อหัวหน้า คสช. เก็บเอามาแสดงอารมณ์อีก หลังจากนักข่าวพาดพิงถึงบทความเรื่อง “ทหารมีไว้ทำไม”

“ไปถามว่าเขาทำประโยชน์อะไรให้แผ่นดินนี้มั่ง มาไล่กับผมดูก่อน หนึ่ง ทำอะไร...ก็มาด่ากับผมอีก...ขี้เกียจ...มันคนละ...คน...ไม่ได้

ผมทำหน้าที่ ผมปกป้องแผ่นดินนี้มาตลอดชีวิตของผม ให้ใคร ให้คนเหล่านี้มาพูด ให้คนเหล่านี้มาทำลาย...ชีวิตผมนะ...ไปถามมันด้วย”

(https://www.youtube.com/watch?v=k4k9JTax8bo)

จดมาชัดๆ จากคลิปของมติชนทีวี เพื่อให้ดูกันว่าคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะอยู่ที่ว่า “ปกป้องแผ่นดิน” เหมือนกับที่ทหารอื่นๆ ในทีมยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนออกมาโต้กันไว้แล้ว

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ อ้างรัฐธรรมนูญบอกว่า ‘เป็นรั้วของชาติ ปกป้องสถาบันฯ และช่วยเหลือประชาชน’ แล้วแถมว่า “เป็นคำถามที่ไม่ควร”

(http://prachatai.org/journal/2016/01/63553)

ส่วนโฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ก็อ้างว่า “พร้อมปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ฯลฯ” แล้วย้อนถามกลับว่าบริษัทมียามไหม แถมอีกเหมือนกันว่า “บั่นทอนจิตใจทหารอย่างมาก”

(http://www.posttoday.com/politic/412249)

จะเห็นว่าล้วนแต่ตอบแบบ ‘ตอกกลับ’ ‘จวกใส่’ กันอย่างชายชาติตะหานทั้งนั้น แต่ประยุทธ์ไปไกลยิ่งกว่าในฐานะหัวหน้าใหญ่ “ไปถามมันด้วย...ทำประโยชน์อะไรให้แผ่นดินนี้มั่ง”

ฟังแต่เสียง อ่านแต่ถอดคำ ไม่ถึงใจ ต้องได้ดูคลิปแล้วจะเห็นแจ้งว่า แบบบทของทั่นหยดย้อยดั่งพระเอกลิเก




ก็มีคนศอกกลับแทน อจ.นิธิไว้บ้างแล้วว่า บริษัทไหนที่ให้ยามมายึดบ้าน หรือเอายามมาเป็นผู้จัดการ รวมทั้ง วงษ์ทนง ‘อะเดย์’

“ไม่แน่ใจว่า อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ทำอะไรเพื่อชาติบ้าง แต่ติดตามงานเขียนของอาจารย์มานานตอบได้ว่าท่านให้ทรรศนะ ความคิด และสติปัญญาต่อสังคมตลอดมา”

(https://twitter.com/wongthanong/status/692329790943023104)

แต่จะให้แน่ต้องกลับไปอ่านบทความของ อจ.นิธิที่ทำให้บักตู่ของขึ้นกันอีกครั้ง พบว่า

ในสังคมไทย ‘ทหาร’ ไม่เคยเป็นชนชั้นนักรบมาก่อนเหมือนในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่ง “ความสามารถในการรบเป็นเกียรติยศในตัวของมันเอง ไม่ใช่ไว้ทำมาหากิน” และ “ถ้ามันเคยมีความหมายอะไรเกี่ยวกับเรื่องรบราฆ่าฟันมาก่อน ความหมายนั้นก็เลือนไปในกฎหมายตราสามดวงแล้ว”

การรัษาอธิปไตยของรัฐชาติไม่ใช่หน้าที่ของทหารแต่ฝ่ายเดียว “กองทัพประจำชาติคือกระดุมที่ติดอยู่ปลายแขนเสื้อนอก ซึ่งไม่ได้มีไว้กลัดกับอะไร แต่ต้องมีไว้เพราะเป็นธรรมเนียมที่เหลือตกค้างมาแต่อดีต”

มิหนำซ้ำ “กองทัพในหลายรัฐชาติ จึงขัดขวางพัฒนาการสองอย่างของรัฐชาติ หนึ่งคือขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตย และสองคือขัดขวางแม้แต่พัฒนาการของความเป็นชาติในรัฐนั้น”

“กองทัพแห่งชาติบวกกับธุรกิจค้าอาวุธและยุทธบริการแก่ทหาร ทำให้กองทัพไม่ว่าของชาติใดทั้งสิ้นเป็นองค์กรรัฐที่สิ้นเปลืองอย่างมาก จนบางครั้งแทบทำให้รัฐพิการลงไปเพราะหมดสมรรถนะที่จะดูแลพลเมืองของตนเอง”

“ไม่มีกองทัพ เราจะสามารถทำให้ทุกคนเข้านอนได้ด้วยท้องที่อิ่ม ไม่มีกองทัพ จะมีเงินเหลือมาปรับปรุงระบบสุขภาพถ้วนหน้าได้มากกว่านี้อีก...

ไม่มีกองทัพ ทั้งโลกจะยิ่งพัฒนากลไกระหว่างประเทศเพื่อระงับสงครามให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่มีกองทัพ…จะมีโลกใหม่ที่ชีวิตผู้คนอาจดำเนินไปอย่างสงบสุขและสร้างสรรค์กว่าที่เราเผชิญมา”

(http://www.matichon.co.th/news/2227)




เนื้อความหลักของข้อเขียน อจ.นิธิ อย่างนั้น แน่ละอาจทำให้คนที่กินเงินเดือนและผลประโยชน์ต่างๆ ด้วยการเป็นทหารเกิดความไม่พอใจบ้าง เพราะบทความไม่ได้ให้ความสำคัญล้ำเลิศแก่การมีกองทัพไว้ให้อ้างว่า “ปกป้องแผ่นดินนี้มาตลอดชีวิตของผม”

ในเมื่อตลอด ๖๐ ปีที่ผ่านมาชั่วอายุของหัวหน้า คสช. รัฐชาติไทยไม่ได้มีเหตุคุกคามแผ่นดินอะไรมากไปกว่าการกระทบกระทั่งชายแดนพม่า เพราะการขัดแย้งผลประโยชน์การค้ายาเสพติดกับกองกำลังกะเหรี่ยง มีการปะทะด้วยกำลังภายในเขตพม่าที่ทหารไทยเสียหายไม่น้อย

อีกครั้ง การรบด้วยปืนใหญ่ชายแดนกับลาวฝ่ายไทยถอยร่นไม่เป็นท่า และล่าสุดความขัดแย้งกับเขมรเมื่อกลุ่มการเมืองพันธมิตรเสื้อเหลือง-ปชป. พยายามก่อเหตุกรณีเขาพระวิหาร จนชายหนึ่งหยิงหนึ่งโดนจับขังคุก

และเขาพระวิหารก็ยังคงเป็นของเขมรอย่างสง่างามและเฟื่องฟู ทหาร คสช. ทำทีจะไปขอเอี่ยวให้กลับมาขึ้นฝั่งไทย เขมรตอบว่า ขอบใจ but No, thank.

เมื่อวานนี้ประยุทธ์ไปพูดในงานวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร “ถามว่าทหารน่ารังเกียจตรงไหน เขาพยายามสลายทหารให้ได้ ดังนั้นขอให้ไปบอกใครก็ไม่รู้ว่า เราไม่ได้หวงสถาบัน แต่เราต้องเป็นแกนให้รัฐและประชาชนช่วยกัน”

Atukkit Sawangsuk เลยได้ช่องแซวว่า “ใครใช้ให้เป็น งั้นครู อาจารย์ หมอ พยาบาล นักวิชาการ สรรพากร ศุลกากร ไม่มีปืนเป็นแกนได้ไหม
ไม่หวงสถาบันก็กลับไปเป็นยามสิ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แค่ต้องปฏิรูปกองทัพไม่ให้มีอภิสิทธิ์เหนือข้าราชการทั่วไป ไม่ให้มีนายพลล้นเกิน หัวโตกว่ากระทรวงทบวงกรมทั้งหลาย”

นั่นพอทำเนา บางคนเขาย้อนอีกอย่างว่า “ถ้าคนอาชีพอื่นๆ ติดอาวุธบ้าง ดูสิว่าพวกเขาจะทำได้ดีกว่าไหม”

เขาไม่ได้ดูถูกน้ำใจหรือหัวใจอะไรเลย แค่ชี้ให้เห็นว่าพวกทั่นนั่นแหละคุยโว คุยใหญ่คุยโต สามหาว ก้าวร้าว ข่มเหงมาตลอด

โจทย์ที่ต้องตอบเรื่องกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าการส่งออกของไทยต่ำสุดในรอบ ๖ ปี ไม่ยักสนใจ

ข้อสำคัญมีคนที่ทำมาได้ดีอยู่แล้ว พวกทั่นมิใช่หรือที่ปลุกปั่นให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อเขี่ยเขาออกไป