วันจันทร์, มกราคม 11, 2559

‘มวยล้ม’ ต้มคนขายยาง




ใครจะว่า ‘มวยล้ม’ ต้มคนขายยาง บ้างว่าดีแต่กรีด ดีใส่ตัว หรือมั่วนิ่ม ก็ชั่ง (หัวมัน) หันไปปลูกสะตอ หรือลูกเนียง แทนก็ได้

แต่ถ้าเป็นคนกันเอง (แบบมีชัย กับวิษณุ และ et al.) ก็ต้องบอกงานนี้ ‘เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส’ ได้

‘วิกฤต’ เรื่องราคายาง เดี๋ยวนี้สี่โลร้อย ถ้าแนวโน้มเกาะติดอาจแตะที่ ๕ โลร้อย (กิโลละ ๒๐ บาท)

(จากข่าวอาทิตย์ที่แล้ว “MGR Online รายงานว่า ชาวสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ ๔ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล หลายรายตัดสินใจขายไม้ยางพาราภายในสวน เพื่อลดภาระการดูแลบำรุงรักษา”)

จึงได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ ฮื่มๆ จะเข้ากรุงชุมนุมประท้วง

แต่คงไม่เหมือนตอนที่ทวงราคายางกิโลละ ๑๒๐ บาทจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหรอกนะ (ตอนนั้นเธอตัดใจให้สุดๆ แล้ว โลละ ๙๐ ยังไม่เอา)




คราวนี้ น่าจะเป็นเพราะลมใต้ปีกจากอดีต ส.ส.ปากเก่งของพรรค ปชป. ถาวร เสนเนียม หนึ่งในตัวเป้ง กปปส. ที่ออกมาตั้งท่างัด ซัดกับ คสช. เสียใหญ่โต

แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ๑๖ จังหวัดภาคใต้เปิดแถลงการณ์ที่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินท่าแซะ สุราษฎร์ธานี เมื่อวานนี้ เรียกร้องรัฐบาล คสช. ๕ ข้อ รวมถึงสั่งให้ยางในสต็อค ๓.๕ แสนตันเป็น ‘dead stock’ และทบทวนการทำงานของที่ปรึกษากับผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการเกษตร

ทว่าแก่นลึกของแถลงการณ์ครั้งนี้อยู่ที่ถ้อยสำเนียงของบรรดาแกนนำชาวสวนยางนั่นต่างหาก

“แกนนำได้ระบุว่า วันนี้ชาวใต้ขอทวงบุญคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีวันนี้เพราะชาวใต้

ที่ทำให้เข้ามามีผลประโยชน์ในอำนาจรัฐ และขอร้องอย่าพยายามเหยียบย่ำซ้ำเติมตนใต้ไปมากกว่านี้”

แกนนำยังกล่าวอีกว่า “พร้อมที่จะเคลื่อนไหวสนับสนุนร่วมชุมนุมกับเครือข่าย กปปส. และเครือข่ายของนายถาวร เสนเนียม ที่จังหวัดสงขลาหรือหลายจังหวัดในภาคใต้”

และฝากถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ออกมารับผิดชอบ “ที่นายสุเทพพาชาวสวนยางไปร่วมชุมนุมจนหมดเงินหมดทอง บางคนต้องขายรถ เสียสละกันไปมาก”

(http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx…)

ก็ปรากฏเสียงตอบมาจากบุตรบุญธรรมของนายสุเทพ คนที่เป็นเลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ นสพ.เดลินิวส์ว่า




ทั่นประธาน “คำนึงถึงความเดือดร้อนของชาวสวนยาง ยินดีรับฟังผู้เดือดร้อน และยินดีเป็นกระบอกเสียงให้ภายใต้รูปแบบที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับชาวสวนยางมากที่สุด โดยไม่ใช่การไปทำอะไรที่ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล”

“แต่เราก็ต้องยอมรับว่า รัฐบาลนี้อาจไม่มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ อีกทั้งเป็นห่วงชุดความคิดที่ฝ่ายข้าราชการประจำชงขึ้น” ทั่นเลขาฯ กล่าวแทนทั่นประธาน

(http://www.dailynews.co.th/politics/372042)

บ่ายวันเดียวกันกับที่กลุ่มแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางไปแถลงที่สุราษฎร์ ก็มีการประชุมร่วมระหว่างแกนนำ ๑๐ คนของม็อบเกษตรชาวสวนยางพาราที่อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กับตัวแทนฝ่ายรัฐบาล นางจินตนา ชัยยวรรณการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการเกษตร




ผลปรากฏว่าตัวแทนรัฐบาลยอมรับข้อเรียกร้องของแกนนำม็อบเพียงข้อเดียวในจำนวน ๔ ข้อ ครั้นเมื่อแกนนำม็อบพยายามกดดันให้รับทั้งหมด นางจินตนาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมป เป็นผลให้แกนนำแถลงในเวลาต่อมาว่าจะปักหลักชุมนุมกันต่อ อาจยืดเยื้อ และไม่แน่ว่าจะยุติตามเวลาสี่ทุ่มที่ขออนุญาตไว้

(http://www.thairath.co.th/content/560759)

ทางด้านฝ่ายรักษาความมั่นคง แขนง ‘บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ อันมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นหัวหน้าใหญ่ กล่าวถึงคำขู่ก่อนหน้านี้ของแกนนำ กปปส. ที่ประกาศจะร่วมกับกลุ่มเกษตรกร ๑๗ จังหวัดภาคใต้ ยกพลเข้ากรุงปักหลักประท้วงกันใหญ่ ว่า




“ขณะนี้ก็มี พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะออกมาแล้ว คิดว่าเขารู้ว่าอะไรควรหรือไม่”

โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายกลาโหม ช่วยอัดย้ำด้วยว่า “ถ้ามาก็อยากถามว่ามาแล้วได้อะไร ตอนนี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงและลงพื้นที่แก้ปัญหาอยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงก็ได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลได้แก้ทุกปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อน

แต่ถ้ารัฐบาลปล่อยปละละเลยค่อยว่ากัน แต่นี่ทำทุกอย่างแล้วจะให้ทำอย่างไร ในเมื่อราคาน้ำมันลงขนาดนี้ จะให้ราคายางสูงขึ้นได้อย่างไร”

ในเมื่อพี่ใหญ่พูดอย่างนี้ ที่น้องนุช สตช. พูดแรงกว่าก็เห็นท่าจะต้องพยักหน้า ทำตาปริบๆ

ทั่น ผบ.ตร. พูดถึงกรณีที่กลุ่มสมาคมชาวสวนยางนัดหมายประชุมใหญ่กันที่จังหวัดตรัง วันอังคารที่ ๑๒ มกราคมนี้

“ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค ๘ ภาค ๙ ไปดูแลแล้ว ซึ่งหากมีการปฏิบัติเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่าฝ่าฝืน เพราะถ้าไม่มีคนกำราบ อันธพาลก็กำเริบ กฎหมายไม่มีการเกรงใจอยู่แล้ว”

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452396528)

ตานี้ก็มาถึงบทคนใหญ่จริง มอบให้โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า “เมื่อวันที่ ๗ ม.ค.ที่ผ่านมามีการประชุมกันกับตัวแทนทุกฝ่ายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเป็นแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน แม้อาจไม่ทำให้เป็นที่ถูกใจทั้งหมดได้”

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า “การยกราคาให้สูงตามที่มีการเรียกร้องกันนั้นยาก เพราะทุกคนทราบดีว่าราคายางโลกตก ปริมาณล้นตลาด จึงอยากให้คุยด้วยเหตุผล ไม่อยากเห็นการกดดันรัฐบาลแล้วทำผิดกฎหมาย”

โดยลงเอยที่ทั่นผู้ณรรมสั่งการ “๘ กระทรวงควักงบซื้อยาง” ตามประมาณการณ์อีกสามเดือนจะมียางออกสู่ตลาด ๘ แสนตัน “ให้หมด ไม่ให้มียางตกค้าง”

โดย “ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อยางตกลงกันจะซื้อยางไม่ให้ราคาต่ำกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งปัจจุบันราคายางแผ่นดิบชั้น ๓ อยู่ที่กิโลกรัมละ ๓๔ บาท”

(http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378484697/)

ถึงแม้จะยังอยู่ที่ ๓ โลร้อย ก็ดีกว่า ๕ โลร้อยเยอะ เนอะ เฮ้อโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

เลยทำให้ท่าทีของนายถาวรเปลี่ยนไป และจะเป็นด้วยคำพาดพิงของทั่น ผบ.ตร. ว่า “แม้จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว” ด้วยหรือเปล่า มิอาจเดาได้

“ทำให้สบายใจขึ้น เพราะเราไม่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่ต้องการให้รัฐบาลเขาแก้ไขปัญหา เมื่อเขาดำเนินการแก้ไขปัญหาก็ต้องขอบคุณ” นายถาวรถอดสลักวิกฤต




แล้วก็จัดการเปลี่ยนเป็นโอกาสในทันใด “แต่การนัดประชุมในวันที่ ๑๒ มกราคมนี้นั้น ก็ยังมีการประชุมเหมือนเดิม ไม่มีการยกเลิก เพราะเป็นการประชุมเพื่อระดมความเห็นเพื่อเสนอต่อรัฐบาล เราอาจมีวิธีการที่ดีกว่า ถูกต้องกว่าก็ได้”

แถมด้วยวาทกรรมสำเร็จรูป “ส่วนการเคลื่อนไหวนั้นเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนตีความไปเอง เพราะในขณะนี้มี พ.ร.บ.ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะ เราไม่กล้าที่จะไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดอยู่แล้ว”

โอว ใครจะมีวิธีพลิกผันสถานการณ์ได้เรี่ยมแร้เท่า มิเสียหลาย ไม่ทิ้งลาย กปปส. ผสม ปชป. เลยนะพ่อเจ้าประคุณ

ooo