วันอังคาร, มกราคม 19, 2559

ลาวตั้งเป้าพัฒนาเศรษฐกิจให้พ้นฐานะประเทศด้อยพัฒนาในอีก 5 ปีข้างหน้า "เมียนมา" มีเฮ! ท่องเที่ยวสดใส ไทยเตี้ยลง?




ลาวตั้งเป้าพัฒนาเศรษฐกิจให้พ้นฐานะประเทศด้อยพัฒนาในอีก 5 ปีข้างหน้า

พรรคประชาชนปฏิวัติลาวซึ่งเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 10 ในนี้ (18 ม.ค.) วางเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสูงเพื่อพาลาวให้พ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนาภายในอีก 5 ปีข้างหน้า หวังเศรษฐกิจจะโตไม่ต่ำกว่า7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ชี้ปัจจุบันลาวมีดาวเทียม Lao Sat 1 และเริ่มต้นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีนแล้ว

จูมมะลี ไซยะสอน เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ผู้ซึ่งได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะวางมือทางการเมืองในคราวนี้ ได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุมที่ศูนย์ประชุมแห่งชาตินครหลวงเวียงจันทน์ว่า ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา นับแต่สมัชชาครั้งก่อนลาวได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมอย่างมาก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 7.9 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตลอดมา มูลค่ารวมของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมีสูงถึง 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูง 1,970 ดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเพียง 319 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหัวในปี 2544

“สิ่งสำคัญคือพวกเราสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนได้ ทำให้รายได้ที่แท้จริงของประชาชนเพิ่มขึ้น” จูมมะลี กล่าวในพิธีเปิดซึ่งถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศและรับชมได้ในประเทศไทยด้วย

จูมมะลี มีพื้นฐานมาทางการเมืองมาจากฝ่ายทหาร เขามียศพลโท ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวตั้งแต่สมัชชาใหญ่ครั้งที่ 8 ในปี 2549 และอยู่ในตำแหน่งนี้มาสองสมัยติดต่อแล้ว
เลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ลาวซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานประเทศอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย กล่าวว่า ลาวภายใต้การนำพาของเขาสามารถลดความยากจนได้มาก ครอบครัวยากจนของลาวลดจำนวนลงเหลือแค่ 6.59 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ประชาชน 89 เปอร์เซ็นต์มีไฟฟ้าใช้ จูมมะลีกล่าวว่า สิ่งที่บ่งชี้ความสำเร็จของลาวอีกอย่างหนึ่งคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเช่น โครงการดาวเทียม Lao Sat I และการเริ่มต้นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกับจีนที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว

นายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง สมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของพรรคได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวนั้นจะได้มีการรับรองรายงานการเมือง ซึ่งเป็นบทวิพากษ์เศรษฐกิจสังคม วิสัยทัศน์ 2573 แผนยุทธศาสตร์ 10 ปี (2559-2568) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 สำหรับปี 2559-2563

ทองสิง กล่าวว่า ธนาคารโลกได้เลื่อนฐานะลาวจากประเทศที่มีรายได้ต่ำสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (ในระดับต่ำ) เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์ได้วางเป้าหมายพัฒนาให้ลาวเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูงให้ได้ภายในปี 2573 ในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้เศรษฐกิจของลาวจะต้องเติบโตไม่ต่ำว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

นายกรัฐมนตรีทองสิง ผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่สืบต่อจากจูมมะลี บอกกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่ว่า ลาวตั้งเป้าพัฒนาการเมืองแบบ “ประชาธิปไตยประชาชน” ต่อไป พัฒนาเศรษฐกิจสังคมแบบยั่งยืน สีเขียว (เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) และได้ดุลยภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ

การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จัดให้มีทุก ๆ 5 ปี เพื่อปรับปรุงแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมและคัดเลือกผู้นำชุดใหม่ขึ้นสู่ตำแหน่ง การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คนในจำนวนนั้น 684 คนเป็นผู้แทนของสมาชิกพรรค 250,000 คนจากทั่วประเทศ และการประชุมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 22 มกราคม

ที่มา BBC Thai


ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
18 ม.ค. 2559

เมียนมาคาดว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตสดใส โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงในช่วงปี 2559 นี้ ตามการระบุของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งผลการสำรวจ พบว่า สิ้นสุดเดือน พ.ย. ปี 2558 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศแล้วมากกว่า 4.2 ล้านคน และคาดว่าจะแตะ 5 ล้านคน ในเดือน เม.ย. ปีนี้

ซินหัว รายงานว่า รัฐบาลเมียนมา หวังว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ราว 2,640 ล้านดอลลาร์ ใน 47 โครงการ ในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งในปีก่อนมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 1,500 ล้านดอลลาร์ หากเทียบกับปี 2554 อยู่ที่ 1,140 ล้านดอลลาร์ ใน 36 โครงการ

โดยการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมดในภาคส่วนดังกล่าว ของในปี 2558 พบว่าสิงคโปร์ลงทุนไปทั้งสิ้น 1,470 ล้านดอลลาร์ นับว่าสูงที่สุดจากทุกประเทศและภูมิภาค รองลงมาคือ เวียดนาม ด้วยมูลค่าการลงทุน 440 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ การพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของเมียนมาในปีนี้ ยังขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการลงทุนที่เกี่ยวข้องของปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

ตามแผนแม่บทของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว (ระหว่างปี 2556-2563) ประเมินว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนประเทศมากถึง 7.49 ล้านคน ภายในปี 2563

จากการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มักเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมา พบว่า นิยมใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และเรือ ภายใต้การจัดการของบริษัททัวร์ในความร่วมมือกับกระทรวงของเมียนมา โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะได้รับการเยือมชมทัศนียภาพและความสวยงามของธรรมชาติ รวมทั้งพบปะกับชนกลุ่มน้อยและเรียนรู้วัฒนธรรมที่น่าสนใจ

ปัจจุบัน จำนวนบริษัทท่องเที่ยวในเมียนมา เพิ่มขึ้นเป็น 1,922 บริษัท จาก 1,670 บริษัท ในปี 2557 จากทั้งหมดเป็นบริษัทของคนท้องถิ่น 1,822 บริษัท

ที่น่าสนใจ คือ นอกจากบริษัทท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนขึ้นแล้ว โรงแรมต่าง ๆ ยังผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อรองรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนขึ้น ตามการระบุของ อู ทิน วิน (U Tin Win) ประธานสมาคมผู้ประกอบกิจการโรงแรมเมียนมา ซึ่งในปี 2558 มีกิจการโรงแรมเปิดให้บริการทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 340 แห่ง เทียบกับปีก่อนหน้านั้น ที่มีโรงแรมอยู่ทั้งหมด 290 แห่ง

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค. - ก.ย.) มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านทางสนามบินนานาชาตินครย่างกุ้ง ทั้งสิ้น 759,181 คน เพิ่มขึ้น 82,174 คน จาก 677,007 คน ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวมากกว่า 800,000 คน ที่เดินทางเข้าเมียนมาทางอากาศและทางน้ำ ขณะที่อีกมากกว่า 2.2 ล้านคน เดินทางเข้าผ่านทางด่านชายแดน โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากจีน ไทย ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐฯ

....

ส่วนไทย 'เตี้ยลง ๆ' ...