วันอังคาร, มีนาคม 31, 2558

วาทะเด็ดวันนี้ : ถ้าเป็นคนดีก็ไม่ต้องกลัว ม. 44...แปลตรงๆ ว่า...




เหมือนเด็กทำแก้วแตก...




ช่วงหกเดือนแรกหลังรัฐประหาร เวลามีคนบ่นเรื่องเศรษฐกิจเลวร้าย สลิ่มจะแก้ตัวแทนรัฐบาลว่า "มันแย่มาตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะจำนำข้าว รถคันแรก บ้านหลังแรก หนี้ครัวเรือนเยอะ ฯลฯ" โทษว่า ศก.แย่เพราะยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เพราะรัฐประหาร

แต่ช่วงสองเดือนหลังนี้ คนที่อ้างแบบนี้นอกจากสลิ่มแล้ว ก็เริ่มมีคนในรัฐบาลเอาไปอ้างมั่ง คือโยนกลองว่า ศก.มันแย่มาตั้งแต่ก่อนรัฐประหารแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐประหาร ประยุทธ์ก็พูดทำนองนี้ แถมยังอ้างเป็นเครดิตอีกว่า ถ้าไม่มีรัฐบาลนี้ละก้อ ศก.มันจะแย่ยิ่งกว่านี้อีกนะ!

เอาละ สมมติให้เป็นจริงอย่างที่สลิ่มอ้างคือ ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ครัวเรือนใช้จ่ายเกินตัว สร้างหนี้เยอะ วันนี้เลยไม่มีแรงใช้จ่าย ทำให้ศก.ซบเซา ต่อให้ยอมตามข้อแก้ตัวนี้ สลิ่มก็ไม่มีทางปฏิเสธว่า รัฐบาลนี้และทีมศก. "ไม่มีฝีมือ" "มือไม่ถึง" "ทำไม่เป็น" แก้ปัญหาศก.ไม่ได้ เพราะเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว มันนานพอที่จะเห็นผลงานการแก้ไขศก.ได้บ้าง แต่ไม่มีวี่แววเลย และยังเลวร้ายลงไปอีกจนกลายเป็น "เงินฝืด" ไปแล้ว เพราะความจริงคือ ทำไม่ได้ แถมยังช่วยซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษีโน่นนี่อีก

การที่ช่วงหลัง ๆ แม้แต่คนในรัฐบาลก็เริ่มอ้างแบบนี้ โยนไปที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เท่ากับยอมรับกลาย ๆ ว่า "เออ ศก.แย่จริง แล้วไงเหรอ?" "หมดมุกแล้ว" "กูทำไม่ได้" คือ เลิกพูดว่า จะแก้ปัญหาศก.อย่างไร เหลืออยู่อย่างเดียวคือ นั่งเฉย ๆ แล้วชี้นิ้วไปทางอื่นว่า "ผมไม่ได้ทำให้ศก.แย่นะ คนโน้นต่างหากที่ทำ"

เหมือนเด็กทำแก้วแตก พอโดนพ่อแม่ดุ ก็ชี้ไปที่น้องตัวเล็กว่า "มันนั่นแหละที่ทำแก้วแตก ผมเปล่าทำ"

ที่มา FB
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์


555 เผด็จการหลงยุค ยังนึกว่า ม 44 แก้ปัญหาได้ทุกอย่างในสมัยนี้ - บิ๊กตู่ จ่อใช้ม.44 แก้ปมซีไอเอโอ หลังญี่ปุ่นยกเลิกการเที่ยวบินเข้าประเทศ




บิ๊กตู่ จ่อใช้ม.44 แก้ปมซีไอเอโอ เตือน ปู คิดให้มากโพสต์เฟซ ปัดเจอแม้วที่สิงคโปร์

ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

นายกรัฐมนตรีระบุเตรียมใช้ม.44 เร่งแก้ไขมาตรฐานไอซีเอโอ หลังญี่ปุ่นยกเลิกการเพิ่มเที่ยวบินเข้าประเทศ ชี้ทุกฝ่ายต้องร่วมกันยอมรับการผิดพลาด เตือน"ยิ่งลักษณ์" ใคร่ครวญข้อเท็จจริงการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ยันให้เกียรติผู้หญิง เผยไม่พบทักษิณในงานศพลีกวนยิว

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2558 ที่กระทรวงคมนาคม ถึงกรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเอโอ เตรียมงดการเพิ่มเที่ยวบินของไทยไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีว่า ที่ผ่านมาปัญหามาตรฐานของไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากเดิมมีเที่ยวบิน 3 แสนเที่ยวต่อปี ขณะนี้ขึ้นมาเป็น 6 แสนเที่ยวต่อปี แต่บุคลากรที่ทำหน้าที่ดูแลมีเพียง 12 คนเท่านั้น และที่ผ่านมามีการขอปรับปรุงและเพิ่มงบประมาณแต่ไม่ได้รับการเอาใจใส่จากรัฐบาลที่ผ่านมา จึงขอให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลนี้และอธิบดีกรมการบินพลเรือนด้วย ยืนยันจะดูแลปัญหาอย่างเต็มที่และได้พูดคุยกับทางผู้นำของญี่ปุ่น รวมถึงเกาหลีแล้ว ซึ่งทั้งสองประเทศจะรับไว้พิจารณาและจะพยายามดำเนินการให้โดยเร็ว ส่วนกรณีทัวร์ต่างๆที่ได้ซื้อไปแล้วนั้นกำลังพยายามแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีระบุว่าปัจจุบันญี่ปุ่นมีปัญหาการท่องเที่ยวเพราะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นทำให้ต้องจัดระเบียบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยที่กำลังมีปัญหาจึงต้องเร่งจัดการ ซึ่งผลเสียอาจจะทำให้ในช่วงเทศกาลไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นได้น้อยลง และต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศได้น้อยลง

ทั้งนี้ทุกคนจะต้องยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็ยอมรับว่าไม่ได้ช่วยดูแลปัญหาที่เกิดขึ้น และประเทศไทยก็ต้องยอมรับความผิดที่ไม่ดำเนินการให้ได้ตามมาตรฐาน โดยอาจจะต้องหันกลับมาเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น หรือคืนตั๋วแทน

พร้อมกันนี้อาจจะใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกคำสั่งแต่งตั้งบุคลากรของกรมการบินพลเรือนเพื่อให้ทันการพิจารณาของไอซีเอโอ และให้การบรรจุบุคลากรเกิดความรวดเร็ว ยืนยันไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปลุกลามใคร แต่จะใช้อย่างสร้างสรรค์และจะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แทนการใช้กฎอัยการศึกและมาตรา 44 นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ผ่านมาการใช้กฎอัยการศึกมีหลายฝ่ายยังไม่เกรงกลัว และใน10 ปีที่ผ่านมาการบริหารงานของ 2 รัฐบาลได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายในประเทศ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยจากนี้ไปหากยกเลิกกฎอัยการศึกนักการเมืองจะต้องรับผิดชอบสิ่งเกิดขึ้นต่อจากนี้ร่วมกับตนด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในแรงงานประมงนายกรัฐมนตรีระบุว่าจะต้องมีความเข้มงวดในการจดทะเบียนผู้ใช้แรงงานให้มากขึ้นโดยเชื่อว่าในอีก4-5 ปีข้างหน้า จะสามารถดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้ ซึ่งต่อจากนี้ คสช.จะดูทุกท่าเรือจะจับขึ้นทะเบียนให้หมด หากซ้ำจะดำเนินการทันที พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงการโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ออกมาโต้กรณีละเลยการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ว่า ตนได้เห็นข้อความดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนก็ให้เกียรติเพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้หญิง แต่สิ่งที่กล่าวออกมาขอให้พิจารณาใคร่ครวญว่าจริงหรือไม่ด้วย

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมพิธีศพนายลีกวนยิว อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ไม่ได้มีการพบปะกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพราะตนเดินทางไปร่วมพิธีศพไม่ใช่จะพบเจอใครก็ได้ และทีมรักษาความปลอดภัยคงจะไม่ให้เข้าพบ

นอกจากนี้ในการเดินทางไปยังมาเลเซียเพื่อร่วมงานมงคลสมรสของบุตรีของนายกรัฐมนตรีนั้นได้หารือกับนายโจโกวีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียถึงการประชุมอาเซียนที่อินโดนีเซียว่า เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ไฟป่าและปัญหาอื่นๆด้วย

ทั้งนี้การรวมตัวของกลุ่มพระสงฆ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปศาสนาในวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะไม่ชี้นำเพราะเชื่อว่าพระสงฆ์อยู่ในสถานะที่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรไม่ควรซึ่งรัฐบาลจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประสานเพื่อชี้แจงและยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการปฏิรูปดังกล่าว



http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427708527


“เราเคยเรียกร้องมานานแล้วเรื่องการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข นั่นคือต้องกระจายอำนาจ(จริงๆ)ให้ชุมชนจัดการกันเอง...จัดการชีวิตของเขาเองโดยการจัดการทรัพยากร"




สมปอง เวียงจันทร์: ฉันเป็นแฟนรายการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

เรื่อง: สันติสุข กาญจนประกร – โกวิท โพธิสาร ภาพ : โกวิท โพธิสาร
ที่มา นักข่าวพลเมือง Thai PBS
29 Mar 2015

“เราเคยเรียกร้องมานานแล้วเรื่องการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข นั่นคือต้องกระจายอำนาจให้ชุมชนจัดการกันเอง ให้ อบต. อบจ. ในแต่ละพื้นที่กระจายอำนาจสู่ชุมชน หมายถึงกระจายอำนาจจริงๆ นะ ไม่ใช่กระจายแล้วยังเอากระทรวงต่างๆ ลงไปคุม มันต้องกระจายให้ชุมชนนั้นๆ จัดการชีวิตของเขาเองโดยการจัดการทรัพยากร”

..............

เข้มข้นและตรงไปตรงมาในการตอบคำถาม ตามแบบฉบับผู้หญิงที่คลุกคลีกับการเคลื่อนไหวภาคประชาชนมากว่า 28 ปี

จากแม่ค้าขายปลาบ้านวังสะแบงใต้ ตำบลหนองแสงใหญ่ อำเภอโขงเจียม ในจังหวัดอุบลราชธานี สมปอง เวียงจันทร์ เคยพูดไว้ว่าเธอต้องล้มละลายเพราะโครงการรัฐอย่างเขื่อนปากมูลที่มีการระเบิดหินสร้างช่วงปี 2534 – 2535 และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อคนจนอย่างเต็มตัว สู่การรวมกลุ่มกันครั้งแรกของ 7 เครือข่ายเพื่อทำเป็นสัญญาประชาคมในนาม ‘สมัชชาคนจน’ ในปี 2538

ปัจจุบัน สมปองในวัย 65 ปี ยังทำงานในเรื่องเหล่านี้อยู่

คงไม่เกินเลยไปนัก ถ้าจะพูดว่านี่คือเสียงของตัวจริง ที่คนรักจะศึกษาความเป็นไปในสังคมไทยจำต้องฟัง

เราคุยกับเธอว่าด้วยเรื่อง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ภาคประชาชนในฝัน กระทั่งเรื่องที่ไม่คุยไม่ได้อย่างปัญหาคนจนยุคนี้ แน่นอน รวมไปถึงทัศนะเกี่ยวกับนายกฯ รัฐมนตรีคนล่าสุด

................

++นายกฯ ประยุทธ์พูดทุกวันศุกร์ได้ดูไหม สนุกหรือเปล่า

ถ้าถามว่าสนุกไหม ภาษาบ้านเราเรียกว่า เข้าถึงยาก อีกอย่าง เวลาพวกแม่เข้ามาเพื่อขอคุยกับท่าน มากันหลายรอบ เขาบอกว่าท่านไม่มีเวลา แล้วอย่างนี้มันจะแก้ไขอะไรได้

++เป็นแฟนรายการนายกฯ?

โอ๊ย แน่นอนที่สุด ดูเพื่อให้รู้ว่าบ้านเมืองจะไปต่อยังไง พี่น้องที่เป็นข่าวหรือเป็นปัญหาในแต่ละชุมชนได้ถูกพูดถึงบ้างไหม นายกฯ จะแก้ปัญหาให้ไหม ดูเพื่อตามเรื่อง ทั้งพี่น้องที่ภูเก็ต เชียงใหม่ แต่ดูแล้วก็พบว่ามันไม่มี ต้องโทรตามข่าวกันเองว่าพี่น้องเป็นไง อย่างที่สุราษฎร์ เขาก็บอกว่ามีคนโดนยิงตายไปอีกหนึ่ง นี่มันคือการแก้หรือ เขาห้ามไม่ให้ชุมนุมเรียกร้อง บอกว่าเดี๋ยวรัฐแก้ปัญหาให้ แต่รัฐไม่ได้ช่วยอะไรเลย

++นายกฯ บอกตลอดว่าไม่มีเรื่องไหนยาก ทุกปัญหาแก้ได้หมด

เห็นเขาแก้อะไรหรือยังล่ะ อย่างกลุ่มพีมูฟ (ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม) เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องต่อนายกฯ มีปัญหาเป็นร้อยเรื่อง ยังไม่เห็นสำเร็จสักเรื่องเลย ที่รออยู่นี่คือเรื่องพี่น้องในลำพูนจะไปซื้อที่ดินของนายทุนที่เชียงใหม่ 2 ที่ โฉนดชุมชนที่ว่ายังไม่เห็นเกิด ทั้งๆ ที่เงินก็เป็นเงินยืม ตอนแรกยังไม่ทันได้ตั้งแผนกเงินคงคลังของสำนักงานปฏิรูป ให้โอนเงินเข้าไปให้ คสช. แล้ว คสช. จะไปซื้อที่ดินให้พี่น้อง ถึงเวลานี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

++สู้มา 28 ปี ชอบนายกฯ คนไหนมากที่สุด

เห็นมาหลายคน ที่พูดไม่ได้เข้าข้างใคร แต่คนที่พยายามจะแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดคือ ท่านชวลิต ยงใจยุทธ แต่ท่านก็ทำอะไรไม่ได้มาก ถูกกดดันให้ลาออก เรารู้สึกว่าเขาจริงใจ พูดจริง ทำจริง ลงพื้นที่จริง เราไปเรียกร้อง ท่านก็มาจัดการเลย แต่ก็เกิดการยุบสภา นี่คือความเสียดาย เพราะกำลังจะไปด้วยดี ตอนนั้นพี่น้องที่เขื่อนสิรินธรทำสำเร็จ ได้ค่าชดเชย พอมายุคอภิสิทธิ์ ก็เหมือนว่าจะทำต่อ นอกนั้นยังไม่เห็น พูดแต่ว่าผมเพิ่งมาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ยังไม่รู้เรื่อง ขอเวลาดูก่อนว่าปัญหามันค้างคาอยู่ยังไง ขอศึกษาดูข้อมูลก่อน

++ภาคประชาชนมักพูดเสมอว่า พอเปลี่ยนรัฐบาล ชาวบ้านก็ต้องมานับหนึ่งใหม่?

ใช่ค่ะ ทุกกรณีต้องมานับหนึ่งใหม่หมดเลย ถ้าจะพูดถึงพี่น้องเขื่อนปากมูล เอกสารที่เอามายื่นรัฐบาลคงจะเต็มรถสิบล้อ 14 นายกฯ 17 รัฐบาล ปัจจุบันเราหอบเอกสารไปยื่นถึงที่ทำการกองทัพ ยื่นเสร็จ แถลงข่าว เรากลับบ้านดูโทรทัศน์ ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น แล้วยังห้ามไม่ให้เดินขบวนอีก ต้องเห็นใจเราบ้าง ไม่มีใครอยากออกมาเดินขบวนหรอก

++พูดถึงการห้ามเดินขบวน กับร่าง พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ ที่นักวิชาการออกมาวิพากษ์ว่าจะเป็นตัวหยุดยั้งพัฒนาการและการเติบโตของภาคประชาชน เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่า ภาคประชาชนมีการเติบโตอย่างไร

เรื่องนี้แหละที่เรากลัวมากที่สุด ตั้งแต่ที่เคลื่อนไหวกันมายาวนานตั้งแต่เรื่องเขื่อนปากมูล ท่ามกลางผลกระทบที่ได้รับ เราไม่มีเสียงที่จะไปเรียกร้องได้ พูดง่ายๆ ว่าแค่พูดในพื้นที่มันตอบรับเราไม่ได้ เพราะมันเป็นปัญหาระดับนโยบาย ถ้าออกกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ยิ่งทำให้เป็นปัญหาหนักเลย คนตัวเล็กตัวน้อยเรียกร้องสิทธิของตัวเองได้ยากมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่การเดินทางออกมาจากต่างจังหวัดเพื่อเรียกร้องก็ยากอยู่แล้ว

เรื่องนี้ปัญหามันคือการรวมศูนย์อำนาจ ถ้าคุณสกัดกั้นไม่ให้คนออกมาเคลื่อนไหว แล้วถามว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้เขาเดือดร้อนบ้าง ถ้าคุณคืนอำนาจให้เขาจัดการตนเอง มีงบประมาณให้เขาจัดการชุมชนเอง นั่นคุณถึงมีสิทธิ์ออกกฎหมายดังกล่าว แต่เพื่อคุ้มครองการชุมนุม ไม่ใช่ห้าม ถ้าให้เราจัดการตนเอง เราก็ไม่ต้องไปเคลื่อนไหวเรียกร้องอะไรถึงกรุงเทพฯ ไม่มีใครอยากไปหรอก ออกไปเคลื่อนไหวก็โดนคดี โดนข่มขู่ในพื้นที่

แต่นี่เราโดนกระทำ มีผลกระทบกับชีวิต คิดดูว่าจะอยู่ได้ไหม มันเหมือนกับไฟไหม้บ้าน ถ้าบ้านคุณไม่เคยโดนไฟไหม้ คุณไม่เข้าใจหรอกว่า ความทุกข์ยากมันเป็นยังไง ทำไมถึงออกมาเรียกร้อง พูดอยู่ที่บ้านก็ไม่มีใครได้ยิน มันต้องขยับเข้าใกล้ศูนย์รวมอำนาจ นั่นคือเป้าหมายของภาคประชาชน แล้วพอกลุ่มอื่นดูข่าว เขาเห็น เขาก็ออกมาบ้าง อย่าลืมว่าเมืองไทยมีเป็นหมื่นๆ ปัญหา แต่เขาไม่ได้ออกมาแสดงตัวเท่านั้น

เราก็พยายามพูดให้พี่น้องฟังเรื่องการเติบโตภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว เลยมีกลุ่มอื่นขยับขึ้นมาเป็นสมัชชาคนจน เติบโตขึ้นจากภาคอีสาน ไปสู่ภาคเหนือ ภาคใต้ จนถึงวันนี้ที่เรามารวมกันเป็นพีมูฟ เป็นการรวมปัญหาเพื่อต่อรองกับรัฐบาลได้ง่ายขึ้น

ถ้ามีกฎหมายออกมาห้ามจริงๆ มันดูเหมือนจะจบ แต่อย่างพวกที่โดนผลกระทบอยู่มันจบไม่ได้ กฎหมายมันไม่ได้ตอบสนอง ความจริงคือพวกเขายังต้องอยู่ในชุมชนนั้นๆ และมีความเดือดร้อน คุณจะออกกฎหมายหรือปฏิรูปอะไร ถ้าเขาไม่มีส่วนร่วมในการปฏิรูป เขาก็จะเคลื่อนไหวกันเหมือนเดิม คุณออกกฎหมายไปเขาก็ไม่กลัวหรอก

ถ้าคุณจริงใจ เป็นรัฐบาลเพื่อประชาชนจริงๆ ชาวบ้านมาน่าจะยิ่งดีใจด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ ชาวบ้านมีปัญหาอะไร เขามาหา คุณก็รับเรื่อง คุยกับชาวบ้านให้จบไป มันก็ไม่มีการชุมนุมเรียกร้องใดๆ ถ้าจริงใจและไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังนะ ที่ผ่านมันเหมือนมีอะไรอยู่เบื้องหลังรัฐบาล ซึ่งประเด็นนี้เราตั้งคำถามกันอยู่ตลอดเวลา

++ถ้าประชาชนเดือดร้อน คิดไหมว่าเขาจะออก พ.ร.บ. ตัวนี้มาเพื่ออะไร

แน่นอนว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ในการสกัดกั้นกลุ่มคนเพื่อจะเอาผลประโยชน์จากทรัพยากรมากมายที่มีอยู่ในประเทศไทย เป็นการสกัดกั้นไม่ให้คนตัวเล็กตัวน้อยออกมาเรียกร้อง นี่คือปัญหา เราก็จะมาบอกต่อสังคมว่าเราถูกกระทำ เขามาขุดหลังบ้านเรา มาสร้างเขื่อนบ้านเรา เราได้รับผลกระทบ ทำมาหากินไม่ได้ ถ้า พ.ร.บ. ตัวนี้ออกมาสกัดกั้นการเคลื่อนไหว คล้ายกับการตัดสิทธิ์ของชุมชน นี่หรือการพัฒนา ถ้าคิดพัฒนาจริงๆ คุณต้องพัฒนาคน ไม่ใช่มาออกกฎหมายนั่นนี่ข่มขู่ประชาชน มันต้องดูคนเป็นตัวตั้ง

++ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นคืออะไร

เรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ สำคัญมาก เราทำมาหากินเอง ถ้าคนกลุ่มนี้ทำมาหากินเองแล้วยังถูกสกัดกั้น รวมถึงแย่งชิงสิทธิ์ เขาก็ไม่มีโอกาสบอกเรื่องราวเหล่านี้ให้สังคมได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนั้นมันคือประเทศเผด็จการชัดๆ ประชาชนไม่มีสิทธิ์ออกมาเรียกร้องอะไรเลย ไม่เรียกว่าเผด็จการแล้วจะเรียกว่าอะไร เพราะทั้งชาวบ้าน ข้าราชการ หรือแม้แต่นายทุนในพื้นที่เองก็ถูกกระทำ หนึ่งคือขับไล่ สองคือจับติดคุก ถามว่าใครถูกจับติดคุกมากที่สุดก็คือคนทุกข์คนยาก เพราะไม่มีหลักประกันก็ต้องยอมเข้าคุก นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนปัจจุบันนี้

++ถ้าไม่อยากมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ กันอีกแล้ว มันมีวิธีไหม

มี... เราเคยเรียกร้องมานานแล้วเรื่องการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข นั่นคือต้องกระจายอำนาจให้ชุมชนจัดการกันเอง ให้ อบต. อบจ. ในแต่ละพื้นที่กระจายอำนาจสู่ชุมชน หมายถึงกระจายอำนาจจริงๆ นะ ไม่ใช่กระจายแล้วยังเอากระทรวงต่างๆ ลงไปคุม มันต้องกระจายให้ชุมชนนั้นๆ จัดการชีวิตของเขาเองโดยการจัดการทรัพยากร

ยกตัวอย่าง ชุมชนหนึ่งแม่น้ำอย่างสวยงามที่คนในชุมชนอยากใช้เป็นแหล่งผลิตพลังงาน นายทุนกลุ่มไหนอยากร่วมลงทุนก็ไปถามว่าชาวบ้านเห็นด้วยไหม ถ้าชุมชนแถวนั้นไม่เห็นด้วยคุณก็สร้างไม่ได้ มันต้องคืนอำนาจให้เขาไปจัดการของเขาเอง เพราะยังไงเขาก็คือคนไทย เป็นราษฎรในประเทศนี้ ลูกเต้าเขาก็เป็นตำรวจทหารทำหน้าที่ปกป้องประเทศไทยเหมือนกัน แม้แต่ภาษีอากรเขาก็จ่ายให้รัฐบาลตลอดมา ดังนั้น เขาก็มีสิทธิ์ในการทำงานร่วมกับประเทศไทย

++หลายคนบอกว่าการรวบอำนาจไว้ทำให้บ้านเมืองสงบดี

ถามว่าการรวบอำนาจไว้ในมือของคนไม่กี่คน หากมีเรื่องของผลประโยชน์ ใครจะรู้ว่ามีอะไรหรือใครอยู่เบื้องหลัง ถ้าคุณจริงใจ ก็เปิดเผยสู่สาธารณะมันจะเสียหายอะไร ในฐานะที่เป็นคนไทยที่เดือดร้อนเรื่องเขื่อนปากมูลอยู่ ดิฉันบอกว่าให้เปิดเขื่อนปากมูลเพื่อให้ปลาเข้ามา ชุมชนจะได้หากินเองตามธรรมชาติ แต่คนบางส่วนของประเทศอาจมองว่าพวกเราเป็นคนส่วนน้อยได้รับผลกระทบ คุณมองแบบนั้นไม่ได้ มันไม่เป็นธรรมกับเรา เราเป็นผู้เสียสละพื้นที่ให้สร้างเขื่อนผลิตพลังงาน ถ้ามันคุ้มทุนเราก็ไม่ว่า เงินภาษีอากรของเราก็ร่วมทุนทั้งนั้น นี่คือปัญหาที่เกิดกับพวกเรามาตลอด

++ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลจากการรัฐประหารเท่านั้นใช่ไหม รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ต้องกระจายอำนาจ

การรวมศูนย์อำนาจมันคืออำนาจขนาดใหญ่ ถ้าคนเข้าไม่ถึงมันก็ยาก เข้าไม่ถึงยังไง พวกเราอยู่ในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ กว่าจะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็ 700 – 800 กิโลเมตร ชาวบ้านอย่างพวกเรา ถ้าคนไม่กล้าตายจริงๆ ไม่มีใครเข้ามาหรอก เว้นแต่พวกที่มีปัญหาหนักมาก ไฟไหม้บ้าน โดนไล่ที่ หรือโดนกระทำรุนแรงจนทนไม่ไหวถึงได้มา มีอีกเป็นหมื่นๆ ปัญหาที่รัฐไม่ได้ตรวจสอบให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ฉะนั้น การออก พ.ร.บ. ชุมนุม คือการปิดกั้นอิสระของชาวบ้าน

++วาดภาพความเข้มแข็งของภาคประชาชนไว้อย่างไร

หนึ่งคือ ต้องปล่อยให้ทำมาหากินตามธรรมชาติ เปิดโอกาสให้เขามีเสรีภาพในชุมชนนั้นๆ งบประมาณกระจายลงพื้นที่ให้บริหารจัดการกันเอง นั่นคือความเข้มแข็ง แล้วจะตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่าง ตำบลเรามี 9 หมู่บ้าน งบประมาณลงไปถึงพื้นที่มีทั้งหมดเท่าไหร่ ใครจะนำไปใช้ทำอะไร เป็นเงินเท่าไหร่ มันสามารถตรวจสอบกันในพื้นที่ได้เลย แต่ถ้าเป็นงบประมาณของรัฐ มันรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วใครจะมาตรวจสอบล่ะ ไม่รู้ว่าไปสัมปทานใครมา ใครจ้างมาก็ไม่รู้ จะไปตามหาตัวผู้ทำโครงการยากมาก ถ้ามีการกระจายอำนาจลงมาให้ชุมชนทำกันเอง จะรู้หมดเลยว่าใครทำอะไร

++คิดว่า พ.ร.บ. ชุมนุมฯ ออกมาเพื่อจัดการเฉพาะกลุ่มการเมืองหรือเปล่า

ไม่... ออกมาสกัดกั้นทุกกลุ่มเลย กลุ่มเล็กกลุ่มน้อยยิ่งไม่มีโอกาส เราไม่โทษฝ่ายการเมืองหรอก รัฐบาลที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้มองถึงคนทุกกลุ่ม พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือคนระดับรากหญ้า คนชายชอบที่ไม่ได้มีโอกาสแสดงตัวยังคงถูกกระทำอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ไม่มีโอกาสได้พูดถึงปัญหาที่แท้จริง

++ถ้าเดือดร้อนจริงๆ ก็ให้ไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม หรือศูนย์อะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ

พูดตั้งแต่ยึดอำนาจวันแรก มาถึงวันนี้แล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บอกว่าจะตั้งกรรมการ จนมาถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา บอกว่าจะให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน มันได้ไหมล่ะ นั่นคือปัญหา ถ้าท่านบอกว่าจะตั้งกรรมการ ให้พี่น้องกลับไปรออยู่ที่บ้าน ผ่านไป 7 วัน มีรายชื่อกรรมการส่งมา ถ้าทำแบบนี้ได้ ใครมันจะอยากขยันเดินทางมาชุมนุม แต่นี่มันผ่านไปกี่เดือนแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันหมายความว่ายังไง เราก็ต้องติดตามสิ ว่าเรื่องไปถึงไหน รัฐบาลจะเอายังไง พี่น้องทางเหนือยังถูกคุมคามเรื่องที่ดินทำกินอยู่ พี่น้องที่ภูเก็ตชาวหาดราไวย์ยังถูกกระทำอยู่ พี่น้องที่สุราษฎร์ฯ ยังถูกยิงอยู่

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณไม่แก้ ถ้าคุณไม่อยากให้เขามาชุมนุม ถ้าทหารสามารถจัดการเรื่องนี้ได้นะ เขาสามารถทำได้ง่ายกว่านักการเมืองด้วยซ้ำไป เพราะว่าคุณคุมนักลงทุนได้ เพราะนักการเมืองที่ผ่านมาเข้ากับนายทุนใช่ไหม ถ้าทหารเป็นกลางจริง ไม่ลำเอียง ไม่เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะ แต่นี่เรายังไม่เชื่อเลยว่าคุณจะเป็นกลางได้ กรณีเขื่อนปากมูลนี่เห็นชัด ตั้งกรรมการเป็นเดือนยังไม่มีความคืบหน้าเลย ถามว่าเขาอยู่ได้ไหม เกิดวันหนึ่งมีการปิดเขื่อน ไม่มีปลาให้เขาทำมาหากิน ยังไงชาวบ้านก็มาแน่นอน มาบอกให้เปิดเขื่อน เขาจะหาปลา

ดิฉันเรียกร้องเกี่ยวกับเขื่อนและปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนมา 28 ปี เห็นความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมากมาย รู้ว่าหลายมุมของประเทศใครมีอะไรอยู่ในกับดักการเมือง ใครมีเบื้องหลังอยู่กับผู้บริหารระดับประเทศ ถ้าคุณจริงใจมาเป็นรัฐบาลต้องมองให้รอบด้าน ต้องมีตาสับปะรด มองให้รอบทิศทางว่าประชาชนเดือดร้อนอยู่ตรงไหน ไปช่วยเหลือเขา ไหนบอกว่าจะคืนความสุขให้พี่น้องประชาชน มันไม่สุขแล้ว ตอนนี้มันทุกข์อย่างหนัก ยิ่งเดี๋ยวนี้พี่น้องเหมืองทองคำกำลังมีปัญหาอย่างแรง

อันนี้พูดถึงภาพรวม พี่น้องปากมูลไม่ได้ทำมาหากิน อพยพเข้ามาขายแรงงานในกรุงเทพฯ กี่พันชีวิต นี่ไม่ได้พูดเกินจริง ผลสุดท้ายคนก็แออัดอยู่ที่เมืองหลวง แทนที่จะเป็นเมืองสวรรค์อย่างที่เคยพูดกันสมัยก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นเมืองสกปรก อากาศไม่ดี น้ำเน่าเหม็น ชาวบ้านก็อยู่บ้านเก่าๆ ริมคลอง เพราะค่าเช่าไม่สูง อยู่ด้วยกัน 20 – 30 คน อัดกันไป อยู่กันอย่างกรรมกร ไม่มีห้องหรูๆ หรอก

++พูดเรื่องนี้มา 28 ปี ถามจริงๆ ว่ารู้สึกอย่างไร

ยิ่งพูดก็ยิ่งสงสาร ทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเองแล้ว เพราะเราเห็นปัญหารอบข้าง ปัญหาทั่วประเทศ เพราะไปมาหมดทุกจังหวัด เห็นปัญหาคนจน ยกตัวอย่างพี่น้องคนหลังเขื่อนภูมิพล ถูกกระทำจากการสร้างเขื่อนสมัยก่อน เขาก็ไม่ได้สิทธิ์ที่จะครอบครองที่ดินตรงนั้นเลย พอเขาจะมาตั้งสถานีวิทยุชุมชนเพื่อใช้ภาษาถิ่น ก็ถูกสกัดกั้นไม่ให้ทำ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แทนที่จะได้สอนลูกหลานในภาษาเผ่าพันธุ์ กลับถูกห้ามด้วยเหตุผลของเจ้าหน้าที่ว่าฟังไม่รู้เรื่อง ก็คนในพื้นที่ฟังกันรู้เรื่องนี่ เขาอยากสื่อสารพูดคุยกัน ลองนึกดูสิว่าทั่วประเทศไทยมีปัญหาแบบนี้

++รัฐบาลควรทำอย่างไรในเวลานี้

ทางเดียวคือปฏิรูปให้ชัดเจน ถ้าคิดจะปฏิรูป ปฏิรูปคืออะไร คือการคืนธรรมชาติให้เขาทำมาหากิน ให้ชาวบ้านหากินเอง ดีกว่าการเอาถุงยังชีพไปให้ปีละครั้ง วันหนึ่งกิน 3 มื้อ พวกเขาก็ต้องหาได้พอทั้ง 3 มื้อ ต้องมีทรัพยากรอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าคุณไปสร้างเขื่อนในบ้านเขา นั่นคือการทำลายวิถีชีวิต คุณจะแก้ปัญหาไหวไหม

++การปฏิรูปที่กำลังทำอยู่นั้นว่าด้วย "การเมือง" ของ "นักการเมือง" เป็นหลัก?

เราสนใจความเป็นอยู่ของชุมชน อยากให้เขามีชีวิตที่ดีเท่าๆ กัน ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ เกิดสังคมเสมอภาคกัน ไม่ใช่ว่าวันนี้ถูกขับไล่ อีกวันโดนหมายจับ การอยู่อย่างหวาดระแวงคือความสั่นคลอนของประเทศชาติ ถ้าประชาชนในประเทศไม่มีความมั่นคง ประเทศก็ไม่มีความมั่นคงเหมือนกัน ออกหมายจับประชาชนตะพึดตะพืออย่างนี้ไม่ได้ ทำอย่างกับมีสงคราม เกิดการล่าอาณานิคม กลุ่มนายทุนไล่คนในชุมชนออกเพื่อเอาพื้นที่ทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ มันใช่ไหมล่ะ ทำไมถึงไม่ให้เขาอยู่ตามเดิมแล้วทำเป็นพื้นที่การลงทุนร่วม

บางจุดเอาทหารเข้าไปข่มขู่ หรืออย่างที่ดินของพวกเรา 2,000 ไร่ มาเรียกร้องกับศูนย์ดำรงธรรม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็คิดว่าเขาคงไม่ได้ดำเนินการอะไร อันนี้คือการตั้งข้อสังเกต แต่เรื่องขับไล่ เรื่องถอดถอนคนนั้นคนนี้ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่เห็นตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติตรงไหน เอาแต่มาไล่บี้คู่กรณีอย่างชาวบ้าน ทำเหมือนกับมีปัญหากันมายาวนาน แล้วพอมีอำนาจก็ใช้อำนาจตรงนี้เพื่อทำร้าย ขับไล่กัน ตัดทอนกำลังกันตลอดเวลา

++สถานการณ์เป็นแบบนี้จะทำอย่างไรต่อไป

ยังประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ ถ้ามันรุนแรงหรือถูกกระทำมากๆ เราก็จำเป็นต้องออกมาแสดงตัวให้เห็นว่ายังเดือดร้อน ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา แต่คุณบอกว่าคุณแก้ไปหลายปัญหาแล้ว คุณแก้ให้ใครล่ะ เราก็แค่จะมาบอกว่าปัญหาของเรายังไม่ได้รับการแก้

++สถานการณ์สมัยรัฐบาลเลือกตั้งกับรัฐบาลทหารต่างกันอย่างไร

ต่างมาก หนึ่ง... การเลือกตั้งชาวบ้านยังมีสิทธิ์เข้ามามีส่วนร่วม มีหลายเครือข่ายเข้าร่วม แต่นี่รัฐบาลทหารยึดอำนาจไปหมด ก็พูดอะไรไม่ได้ แต่เรายังเห็นคนหลายกลุ่มออกมาเดินขบวนหน้าสภาปฏิรูปแห่งชาติ ก็รู้สึกดี ได้เห็นความหลากหลาย ได้เห็นว่าพวกเขามาแสดงถึงปัญหาของตัวเอง อยากมีส่วนร่วมในการปฏิรูปยังไง เช่น อยากให้เก็บภาษีก้าวหน้าและภาษีที่ดิน นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านทางเหนือ ใต้ อีสาน เสนอ แล้วก็เรื่องที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ให้เขามีสิทธิในการอยู่อาศัย ออกกฎหมายก็ได้ ถ้าไม่มีกฎหมายก็ต้องกันงบประมาณส่วนหนึ่ง เพื่อการสร้างที่อยู่อาศัยให้คนที่ไร้ที่ดิน ไร้ที่ทำกิน

++มีอะไรอยากพูดกับ นายกฯ ไหม

คุณต้องเป็นกลาง ต้องฟังเสียงคนเล็กคนน้อย เพื่อนำมาบริหารประเทศให้มีความเข้มแข็งขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้ยังไม่มีความหวัง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ตาม ถ้าทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมสักอย่างหนึ่ง เราถึงจะเริ่มมีความเชื่อมั่นได้


ขอโทษที เมื่อก่อนหลงผิด คิดว่านาโย้กบิ๊กตู่ไม่กล้าพูดคำนี้...“ทำมากกว่ารัฐบาลที่คุณชอบสมัยก่อนด้วย”




ขอโทษที เมื่อก่อนหลงผิด คิดว่านาโย้กบิ๊กตู่ไม่กล้าพูดคำนี้

“ทำมากกว่ารัฐบาลที่คุณชอบสมัยก่อนด้วย”

รัฐบาลที่ว่านั่น ‘ไม่ธรรมดา’ เพราะไม่ได้มาจากการชนะเลือกตั้ง แต่ได้เป็นรัฐบาลด้วย ‘วิธีวิเศษ’

อีกทั้งผู้ถามก็ ‘ไม่ธรรมดา’ เป็นนักข่าวหญิงช่อง ๗ นามว่า สมจิตต์ นวเครือสุนทร

ที่เคยตามติดอดีตนายกฯ ชายนายหนึ่งเสียจน ‘รับไม่ได้’ กับนายกฯ หญิงที่ชนะเลือกตั้งต่อมา
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427640632)

ข่าวว่าครานี้กิริยาวาจาในการซักถามของเธอ เรียบดีมีนวลอย่าง ‘ไม่ธรรมดา’

ก็คงแค่ “เศรษฐกิจแก้ยากเหรอคะท่าน” อะไรทำนองนั้น ทั่นถึงได้บอก “เราไม่โมโหคุณหรอกวันนี้”

ทว่า นั่นมันแค่ส่วนที่โผล่เหนือน้ำของภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่อยู่ใต้น้ำมาจากผู้การฯ เรือแป๊ะ

“กมธ.ยกร่างฯเปรียบเสมือนเป็นคนพายเรือ สปช.เป็นลูกเรือ เรือลำนี้กำลังแข่งกับนักการเมืองซึ่งเตรียมทีมแจวไว้อย่างดี เป็นการปรองดองครั้งแรกระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427615877)

อ๋าย หลายคนบอก ก็ไม่นึกจะได้ยินแบบนี้ อะไรนะ พท.-ปชป. ปรองดอง

มิน่า นาโย้กถึงไม่โมโห ประมาณว่างานนี้สำเร็จ อุตส่าห์ตากหน้าให้อียู เมกา นิปปอน ด่าว่าไม่เป็น ปชต. มุ่งมั่นแก้ปัญหาสองฝักทะเลาะกัน ตอนนี้ปรองดองซะแล้ว

ก็ไอ้มาตรา ๔๔ นี่ไง ที่ฟันดำออกมาเตือนให้รีบใช้ แล้วผู้ณรรมบอก “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ไม่จำเป็นต้องให้ได้วันขึ้นปีใหม่ (ไทย)
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=878151065576686)

ไหงดันสองพรรค ‘คู่กัด’ ออกมาคล้องจอง ‘ร่วมกันตี’ ยังกับปี่กับซอ

(ขอบคุณ Thanapol Eawsakul ที่ให้ลายแทง)

นี่จาก จาตุรนต์ ฉายแสง แห่งพรรคเพื่อไทย

“อีกทั้งยังมีองค์กรที่จำนวนมากที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาควบคุม ตนเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ใครก็ตามที่ลงเลือกตั้งก็จะไม่มีโอกาสแก้ปัญหาได้เลย”

กับ

“สำหรับการใช้ระบบเลือก ส.ส. บัญชีรายชื่อแบบระบบโอเพนลิสต์นั้น มีผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพ และ ทำให้ประชาชนรู้สึกสับสน ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคนอกจากต้องแข่งขันกับพรรคการเมืองคู่แข่ง ยังต้องแข่งขันหาเสียงกันเองกับผู้สมัครพรรคเดียวกันอีกด้วย”

และนั่นจาก จุลินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แห่งพรรคประชาธิปัตย์

ส่วนที่กรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ว่าไว้

“ถือเป็นการให้อำนาจเด็ดขาดไร้ขีดจำกัดกับหัวหน้า คสช. ซึ่งนายสมชายมองว่าในสายตาชาวโลกยิ่งจะแย่ลงกว่าเดิม และหากเห็นว่าการใช้กฎอัยการศึกล้าสมัย ก็ควรใช้วิธีแก้กฎหมายโดยเสนอผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือหากนำ พ.ร.บ. ความมั่นคง หรือ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้แทนกฎอัยการศึกก็จะเป็นการลดความรุนแรงของกฎหมายลง”
(http://news.thaipbs.or.th/…/นักสิทธิฯ-ชี้ใช้มาตรา-44-แทนกฏอ…)

ทั่นผู้ณรรมกลับฉุนเป็ด “ก็ไปบอกกสม.ให้มาดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย แค่เรียบร้อยยังทำไม่ได้เลย ที่ผ่านมาใช้ทั้งพ.ร.บ.ความมั่นคงฯและพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วทำได้ไหม มันถึงต้องมีวันนี้” ไง

วันนี้ วันที่ ปชป.แสดงวิสัยทัศน์เหมือนชื่อพรรคเลย ใครจะว่า "กินไข่-เกลียดปลาไหล" ก็ชั่ง...มันเป็นไปแล้วฤๅนี่





ขนาด Michael Yon นักข่าวนินจามะกัน อดีตจีไอ sidekick ของพรรค ปชป. ยังออกมาอ้อนวอนทั่นผู้ณรรม

ได้โปรด “consider handing power back to civilians soon”

ทำเอาแฟนขลับเต้นเร่า ‘เป็นเจ้าเข้า’
(https://www.facebook.com/MichaelYonFanPage/photos/a.235978145664.135781.207730000664/10152792328525665/?type=1)


ซ้ำพี่ป้อมพลอยผสมให้อีก “แขวะ กก.สิทธิ์ฯไม่ต้องมาสอน...ทั้งมาตรา ๔๔ และกฎอัยการศึกมีค่าเท่ากัน เพราะใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ โดยมาตรา ๔๔ ยังคงเน้นในเรื่องการควบคุมตัว ตรวจค้น และออกหมายจับเช่นเดียวกับกฎอัยการศึก...

พลเอกประวิตรกล่าวว่า การใช้กฎอัยการศึกอาจดูรุนแรงในสายตาต่างชาติ ดังนั้นจึงพิจารณานำมาตรา ๔๔ เพื่อใช้ดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยแทน”
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=878506465541146)

รวมความว่า มาตรา ๔๔ นี่เอามาใช้เพื่อให้ ‘ดูดี’ ในสายตาต่างชาติ นอกนั้นทุกอย่างเหมือนเดิม...

รวมทั้ง ‘ขี้ตู่’ แบบผลงานสาธารณสุข ๖ เดือน


ชำแหละขบวนการค้ามนุษย์บนเรือประมงไทย


'โหดเหี้ยม' ตั้งแต่ต้นถึงปลายทาง
By transbordernews
 
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของขบวนการค้ามนุษย์ในกิจการประมง ซึ่งมีแรงงานจำนวนมากถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศอินโดนีเซีย ไว้ในเฟสบุค Sompong Srakaew  ดังนี้

ลูกเรือประมงไทย พม่า กัมพูชา และลาว มาทำงานในเรือประมงไทย ในน่านน้ำอินโดนีเซียได้อย่างไร และถูกกระทำหรือใช้แรงงานงานเยี่ยงทาสได้อย่างไร

แรงงานลูกเรือประมงส่วนใหญ่จะถูกกระบวนการนายหน้าล่อล่วง หลอกลวง ชักนำ ชักชวน นำพา พาไปที่ต่างๆ และกักขังก่อนถูกส่งลงเรือตามท่าต่างๆ ที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และสงขลา เป็นต้น คำชักชวนบอกว่า ทำงานได้เงินดี ไม่ลำบาก เช่นมาเป็นยาม มาเก็บกาแฟในสวน มาทำงานก่อสร้าง มาคัดแยกปลาบนฝั่ง หรือมาทำเรือประมงน่านน้ำไทย 15 วันเข้าฝั่งครั้งหนึ่ง ได้เงินตัดส่วนจากการขาย

แต่ความจริง เขาเหล่านั้นถูกนำมาขังไว้ แม้สามารถเดินไปไหนได้ แต่มีคนเฝ้าติดตามโดยตลอด ที่บ้านหลังใหญ่แถบมหาชัย สมุทรสาคร
 
นายหน้าจับจุดได้หากบางคนชอบดื่มเหล้า เบียร์ เที่ยวผู้หญิง จัดให้เลย แต่เบื้องหลังคือ เป็นหนี้ล้นพ้น เบียร์หนึ่งลังคิดเงินเป็นหนึ่งหมื่นบาท ดังนั้น เมื่อถูกลงเรือ เขาจะเป็นหนี้เท่าไหร่ ไม่ต้องบอกว่านายหน้า เจ๊ เฮีย เจ้าของร้านคาราโอเกะแถบท้ายบ้าน ปากน้ำ สมุทรปราการ และทางรถไฟมหาชัยจะไม่รู้กับกระบวนการที่อยู่บนเรือแม่หรือเรือลูก เพราะเป็นเครือข่ายการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงานเต็มรูปแบบ

ลูกเรือบอกว่า เขาแค่มาถ่ายรูปผมเท่านั้น เช่นที่ สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ระนอง หลายต่อหลายคนมากับเรือแม่ เป็นเรือใหญ่ขนส่งสินค้าทางเรือ เรือแม่และ/หรือเรือทัวร์จะปฏิเสธการไม่รู้เห็นกระบวนการนี้ไม่ได้ จุมโพ่หรือคนทำอาหารบนเรือบอกกับลูกเรือคนใหม่เมื่อลงไปที่เรือแม่ว่าเอ็งถูกหักค่าหัวแล้วหละ เอ็งไม่ได้เงินสักบาทใช่ไหม” “ครับ

แรงงานจำต้องยอมเดินทางไปเพราะอยู่กลางทะเลแล้ว โดยเรือแม่ การเดินทางประมาณ 15 วัน ถึง 20 วันจนถึงเกาะอัมบนประเทศอินโดนีเซีย ถูกส่งต่อให้เรือลูกที่ทำหน้าที่หาปลา เมื่อมาถึงเรือลูกจะถูกให้ทำงานใช้หนี้เพื่อหักค่าหัวที่นายหน้าเอาไปจำนวน 30,000 – 50,000 บาท ต้องรับสภาพการทำงานเพื่อใช้หนี้ที่ตนเองไม่ได้สร้าง

กระบวนการนำคนลงเรือนี้ทำโดยคนไทย และเรือทุกลำออกจากประเทศไทย คนที่ควบคุมเรือและบังคับพวกเขาทำงานก็คือคนไทย
 
และอยู่ในพื้นที่จำกัด เช่น ในเรือกลางทะเล เรือเมื่อหาปลาได้จะมีการขนถ่ายปลากลางทะเลในกับเรือแม่ ดังเรือจะเข้าฝั่ง 4 ถึง 6 เดือน แต่รอบของการหาปลา กว่าเรือจะกลับประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 6 ปี เมื่อเรือจะกลับอาจจะทิ้งคนเหล่านี้ไว้ตามเกาะต่างๆ หรืออาจะนำไปขายต่อให้กับเรือลำอื่นกลางทะเล บางคนทนสภาพการทำงานไม่ได้หนีขึ้นฝั่งเป็น คนตกเรือแรงงานเหล่านี้จะไม่ทราบว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ แล้วแต่ ไต๋ก๋ง (กัปตันเรือ) จะพิจารณา เอกสารของพวกเขาที่เรียกหนังสือคนประจำเรือ (Seaman book) คือเอกสารปลอมทั้งหมด

ทางการอินโดนีเซียจะไม่เกี่ยวข้องกับการบังคับทำงาน การทำร้ายทุบตี การหักเงิน ทั้งหมดอยู่ที่ไต๋เรือที่เป็นคนไทยเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ร่วมกันกับผู้ประกอบการไทย ทางสำนักงานที่อินโดนีเซียจะเกี่ยวข้องกับเรือที่หาปลา การขอสัมปทานตั๋วเรือเพื่อขออนุญาตหาปลา ทำเรื่องการขายปลา และการขนส่งปลา อาจจะช่วยเหลือได้หากคนเรือที่อยู่บนฝั่ง เมื่อถึงเวลาต้องลงเรือจะติดตามให้คนเหล่านี้รวมทั้งคนที่ตกเรือกลับมาลงเรือเดิม

การส่งเงินกลับทางบ้าน สำหรับบางคนที่สมัครใจและมาแบบมีเอกสารถูกต้อง มีการบริการจัดการ การโอนเงินนำมาจ่ายค่าแรง ผ่านสำนักงานที่อยู่อินโดนีเซีย และจะบริหารจัดการร่วมกับคนไทย ให้การอนุญาติให้คนกลับบ้านหรือกลับประเทศทั้งหมดอยู่ที่เจ้าของกิจการที่ประเทศไทยและไต๋ก๋ง (กัปตันเรือ) เท่านั้น

ส่วนใหญ่จากการสัมภาษณ์เมื่อลูกเรือขอกลับบ้านจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับ บางคนต้องเกณฑ์ทหาร แม่ป่วย พ่อป่วย ครอบครัวขอให้กลับ น้อยรายมากที่จะได้กลับ ส่วนใหญ่เมื่อลงเรือมาแล้ว โทรศัพท์มือถือ เอกสารสำคัญต่างๆ นายหน้าจะยึดและทิ้งไปก่อนให้ลงเรือ ทำให้ไม่สามารถติดต่อทางบ้านและกลับประเทศเองได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน 1.การทำร้ายทุบตีเกิดขึ้นในเรือ การบังคับให้ทำงานเกิดขึ้นในเรืออยู่กลางทะเล การเสียชีวิตและอุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นกลางทะเล 2.หากปฏิเสธที่จะไม่ทำงาน ถ้าไม่ถูกตี ทำร้ายร่างกาย ใช้น้ำร้อนสาดใส่ตัว แต่จะถูกหักเงินตามรอบของการปล่อยอวนและเก็บกู้อวน 3. เมื่อต้องทำงานหนักบางคนร่างกายสู้ไม่ไหว เสียชีวิตกลางทะเล ไต๋บางคนใจดีจะนำกลับมาฝังที่ฝัง แต่ส่วนใหญ่ก็โยนศพทิ้งกลางทะเล

4. เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น สลิงขาด และฟานเรือฟาดที่ขา แขน หรือ ศีรษะ ลำตัว และเมื่อจำต้อง การกระโดดลงน้ำเพื่อทอนปลา ใส่ปลี ก่อนนำขึ้นเรือ อาจมีคนบาดเจ็บ เมือเกิดอุบัติเหตุในขณะที่เรืออยู่กลางทะเล น้อยครั้งที่จะนำตัวเขารับการรักษาที่โรงพยาบาล หลายคนเสียชีวิตและป่วยตายกลางทะเล เช่น โรคฝี ไข้หวัดทะเล โรคมาเลเรีย และถูกบังคับให้ทำงานกลางแดด กลางฝนทั้งวันทั้งคืน ทั้งนี้ทีมลงพื้นที่ได้พบคนขาพิการ และนิ้วมือพิการจำนวนหนึ่งจากอุบัติเหตุการทำงาน บางคนแขนหลุด 5.การตายของลูกเรือเมื่อเจ็บป่วยไม่สบาย หรือสาเหตุใดๆ ก็ตาม เพื่อปกปิดคดี ใต๋เรือจะจ่ายเงินบนฝั่งกับเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียที่รู้เห็นเป็นใจเพื่อปกปิด

การทำให้คนเป็นแรงงานทาส และอาจเข้าข่ายค้ามนุษย์


กระบวนการค้าแรงงาน ค้ามนุษย์ เป็นการกระทำอย่างเป็นเครือข่าย ผู้ประกอบการธุรกิจจะอ้างว่าไม่รับรู้ ไม่เห็นกับกระบวนการนี้ไม่ได้ เสมือนกลายเป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม โดยหัวใจหลักอยู่ที่ การทำให้คนอยู่ และทำงานอย่างผิดกฎหมาย’ ‘การทำเอกสารปลอมเพื่อต้องการ กดขี่อย่างเป็นรูปแบบ ทำให้ลูกเรือประมงไม่สามารถที่จะแจ้งหรือฟ้องร้องต่อใครได้ ไม่มีนายจ้างที่ชัดเจน และบางคนอาจถูกทำให้กลายเป็นเสมือนแรงงานเถื่อน หรือ คนผีทั้งที่มีการกระทำนี้เป็นลักษณะเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม โดยมีการสั่งนำเข้าคนไทย พม่า กัมพูชาและลาว และมีผู้รับไว้ มีผู้อำนวยให้สามารถออกนอกประเทศได้อย่างผิดกฎหมาย และมีการจ่ายส่วยในกระบวนการนี้ ทำเป็นกระบวนการและมีการ คอร์รัปชั่นโดยเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วย หรือหลายหน่วยที่รู้เห็นเป็นใจกับเจ้าของเรือ

แล้วคนเหล่านี้ที่มีเอกสารปลอม (Seaman book) ออกจากประเทศไทยได้อย่างไร ซึ่งจำนวนมากถึงร้อยละ 80 -90 ของจำนวนแรงงานในเรือประมงทั้งหมด และที่อยู่อย่างผิดกฎหมายและทำมายาวนานกว่า 10 ปี
กลุ่มลูกเรือประมงเหล่านี้ถูกละเลยเพิกเฉย ใช้แรงงานเยี่ยงทาส และไม่ได้กลับบ้านยาวนานหลายต่อหลายปี และไม่มีคนให้ความช่วยเหลือต้องอยู่เป็นคนผิดกฎหมายบนเกาะต่างๆ อาทิ เกาะอัมบน ตวน เบจิน่า ฯลฯ หลายคนถูกหมุนเวียนมาทำงานในเรือประมง เพราะไม่สามารถหางานที่ถูกกฎหมายทำบนฝั่งได้ ถูกเอาเปรียบแรงงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ลูกเรือประมงไม่ว่าจะเป็นคนไทย พม่า กัมพูชา และลาว เขาคือ แรงงานทาส เสมือนถูก ค้ามนุษย์ทั้งเป็น สวรรค์มีตา ฟ้าเห็น หลุมศพทวงถามความเป็นธรรมแล้ววันนี้

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก LPN และคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย

ผู้เชี่ยวชาญวงการการบินแฉ! เบื้องลึกแบนสายการบินไทย คนไทยตกค้าง สนามบินอินชอน



โดย ไทยรัฐออนไลน์
30 มี.ค. 2558

เผยเบื้องลึกแบนสายการบินของไทย กรมการบินพลเรือนไทย ปล่อยผีใบอนุญาตประกอบการบิน ทะลักทลาย 9 เดือน 42 สายการบิน ต้นเหตุไอซีเอโอเข้ามาตรวจลึก พบหลักฐานสำคัญไม่ได้มาตรฐานการบิน หวั่นกระทบบานปลาย อดบินเข้าเกาหลี-จีน-ยุโรป

วันที่ 30 มี.ค.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า จากกรณีที่ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอซีเอโอ ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย เกี่ยวกับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศในประเทศไทย จนส่งผลให้ กรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น (Japan Civil Aviation Bureau หรือ JCAB ) ไม่อนุมัติให้มีการขยาย หรือเปลี่ยนบริการขนส่งทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มท่าอากาศยาน หรือเปลี่ยนแบบอากาศยาน เครื่องบินที่จดทะเบียนในประเทศไทย ที่จะทำการบินไปยังประเทศญี่ปุ่น สำหรับสายการบินที่ขอเปิดทำการบินแบบเช่าเหมาลำ

นอกจากนี้ ทางกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น จะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ Ramp service มากขึ้นด้วย ซึ่งผลจากที่ไอซีเอโอตรวจพบข้อบกพร่อง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าผลกระทบอาจจะไม่หยุดที่เส้นทางบินญี่ปุ่นเท่านั้น แต่อาจจะส่งผลกระทบและถูกห้ามไปยังเส้นทางบินอื่นๆ ที่สายการบินที่จดทะเบียนในประเทศไทยบินไป เช่น เกาหลี, จีน, ออสเตรเลีย, ประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ในอนาคตอันใกล้นี้

ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานต่อว่า ในเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญในวงการการบินกล่าวว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทาง ไอซีเอโอ เข้ามาตรวจรายละเอียด เกี่ยวกับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศในประเทศไทยและพบข้อบกพร่องนั้น เนื่องมาจากทางไอซีเอโอพบข้อผิดปกติที่ทางกรมการบินพลเรือน (บพ.) ของไทย ได้มีการอนุญาตสายการบินที่จดทะเบียนในประเทศไทยจำนวนมาก ในระยะเวลาสั้น ซึ่งจากการรวบรวมพบว่า มีการให้ใบอนุญาตรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศในไทยกว่า 42 สายการบิน ประกอบด้วย ผู้ดำเนินการเดินอากาศด้วยเครื่องบินที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินระหว่างประเทศถึง 22 สายการบิน ในช่วงระยะเวลาเพียง 9 เดือน

นอกจากนั้น ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีอุบัติเหตุทางการบิน เครื่องบินตกในภูมิภาคเอเชียจำนวนมากและถี่มาก ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ จึงทำให้คณะผู้ตรวจสอบ เข้ามาตรวจสอบและพบข้อบกพร่องที่มีนัยว่า กระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Certification) และการออกข้อกำหนดการปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงการรับรองการปฏิบัติการบินแบบพิเศษ การรับรองย่อยต่างๆ และการดำเนินการตามกฎระเบียบ หลักเกณฑ์ขั้นตอนแนวทางปฏิบัติ มีไม่ครบถ้วนและเป็นระบบ รวมถึงยังพบหลักฐานรับรองการปฏิบัติการบินแบบพิเศษ เช่น ILs. CAT II/III. และการปฏิบัติการบินแบบ ETOPS ไม่ผ่านกระบวนการรับรองอย่างถูกต้อง

ดังนั้น ไอซีเอโอจึงต้องการให้กรมการบินพลเรือน ระงับการอนุญาตให้ปฏิบัติการบินแบบพิเศษ และให้มาเริ่มกระบวนการพิจารณาตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองใหม่ทั้งหมด รวมถึงระงับการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าอันตราย และมาตรวจสอบเพื่อทำการรับรองใหม่ ซึ่งในส่วนผู้ได้รับอนุญาตสินค้าอันตรายนี้มีทั้งสิ้น 7 ราย

นอกจากนี้ ไอซีเอโอยังได้กำหนดให้กรมการบินพลเรือน เสนอแผนแก้ไขทั้งระยะสั้น ระยะกลาง สำหรับกระบวนการพิจารณาตรวจสอบ เพื่อทำการรับรองใหม่รวมถึงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดคู่มือแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบ การจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เพื่อฝึกอบรมและแนะนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ รวมถึงให้เสนอแผนระยะยาวเพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยตระหนักถึงปัญหาความร้ายแรงให้ไอซีเอโอ ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 58 นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง หากกรมการบินพลเรือน ไม่ปรับปรุงตามข้อท้วงติงของไอซีเอโอ อาจส่งผลให้องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ปรับลดระดับมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยเป็นประเภท 2 หรือต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำของไอซีเอโอ และในลักษณะเดียวกัน อาจส่งผลให้สหภาพยุโรป พิจารณาประกาศห้ามสายการบินของไทยไม่ให้ทำการบินไปยังสหภาพยุโรปได้ทันที ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยที่ทำการบินไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว และกลุ่มประเทศที่ใช้ผลการประเมินมาตรฐานการบิน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาสิทธิการบิน และทำการบินภายใต้ความตกลงการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันทั้งหมดได้.

ooo


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
30 มี.ค. 2558

คนไทย 500 คน ตกค้างที่สนามบินอินชอน หลังสายการบินเช่าเหมาลำของไทยผวา กลัวโดนแบนในเกาหลีใต้ไปด้วย หวั่นบินไปแล้วจะบินออกไม่ได้

จากกรณีกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นห้ามเครื่องบิน เช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์สัญชาติไทยบินเข้าญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวไทยที่จองแพ็กเกจไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้เดินทางตามกำหนดแล้ว ล่าสุดยังขยายวงกระทบไปถึงกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นมาไทย และกลุ่มเที่ยวเกาหลีด้วย

โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายเจริญ วังอนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ถึงกรณีนี้ว่า นอกจากนักท่องเที่ยวไทยที่จองแพ็กเกจไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้เดินทางตามกำหนดแล้ว ชาวญี่ปุ่นที่จะมาท่องเที่ยวประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบไปด้วย โดยประมาณการว่าในเดือน เม.ย.นี้ชาวญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาไทยจะหายไป 2,000 คน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้บริการผ่านสายการบินเอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์ (AAA) และสายการบินเจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ (JF) ซึ่งปกติจะบินสองขาคือ นำคนไทยไปญี่ปุ่น และนำคนญี่ปุ่นมาไทยด้วย แต่สายการบินดังกล่าวได้หยุดบินออกจากไทยแล้ว เพราะกลัวว่าแม้จะยังไม่ถึงวันที่ 1 เม.ย. แต่เมื่อบินเข้าไปญี่ปุ่นแล้ว ในวันที่บินออกมาเพื่อนำผู้โดยสารกลับหากไปตรงกับวันที่ 1 เม.ย.จะบินออกมาไม่ได้ แล้วจะยิ่งเกิดความวุ่นวายมากขึ้น

ทั้งนี้ กรณีที่ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาไทยไม่ได้ยังรวมถึงการเดินทางโดยเครื่องของสายการบินไทย (ทีจี) เส้นทางกรุงเทพฯ-โคมัตสึ และฮิโรชิมา ที่เป็นชาร์เตอร์ไฟลต์ที่ถูกกรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่นยกเลิกด้วย โดยมีจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินละ 200-300 ที่นั่ง ส่วนกรณีที่สายการบินนกสกู๊ตสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยไปหาเครื่องอื่นมาทดแทนเครื่องของนกสกู๊ตที่ขายไปแล้ว 20,000 ที่นั่ง ถ้าแก้ปัญหาได้ 10,000 ที่นั่งก็ถือว่าเก่งแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การที่กรมการบิน พลเรือนญี่ปุ่นห้ามไม่ให้สายการบินชาร์เตอร์ไฟลต์สัญชาติไทยบินเข้าญี่ปุ่นนั้น ล่าสุดความหวาดผวา ของสายการบินเช่าเหมาลำของไทยลามไปถึงการบินไปรับผู้โดยสารชาวไทยที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วย เนื่องจากเกรงว่าบินไปแล้วจะบินออกไม่ได้เปรียบเสมือนถูกยึดเครื่อง จนเป็นเหตุให้มีผู้โดยสารคนไทยต้องตกค้างอยู่ที่สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ร่วม 500 คน ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่ต้องเดินทางด้วยสายการบินเอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์ (AAA) และสายการบินเจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ (JF) ซึ่งเป็นเที่ยวบินละประมาณ 250 คน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางบริษัททัวร์ได้หาเครื่องบินสายการบินอื่นมาทดแทนคือ สายการบิน Jetasia และ Korea Air โดยได้นำคนไทยเดินทางออกจากเกาหลีใต้เพื่อมาประเทศไทยในช่วงบ่ายของวันที่ 29 มี.ค.และมาถึงประเทศไทยในช่วงค่ำของวันเดียวกันแล้ว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังพบว่าเมื่อค่ำของวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากสายการบินเจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ ไม่กล้าบินไปยังสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกรุ๊ปที่ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-1 เม.ย. โดยทางสายการบินแจ้งว่าจะได้เดินทางในคืนวันที่ 29 มี.ค.นี้แน่นอน โดยจะได้รับการดูแลให้เดินทางท่องเที่ยวต่อโดยครบถ้วนตามโปรแกรมและกำหนดการเดิม 5 วัน 3 คืน และเดินทางกลับในวันที่ 2 เม.ย. รวมทั้งจะได้รับเงินแทนคำขอบคุณจากสายการบินเจ็ท เอเชีย แอร์เวย์ คนละ 3,000 บาท ขณะที่ในระหว่างรอการเดินทางสู่สนามบินในช่วงค่ำ ให้ผู้โดยสารสามารถพักผ่อนและใช้บริการต่างๆ ในโรงแรมที่พักได้จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง ภายใต้การดูแลของสายการบิน ส่วนผู้โดยสารที่ประสงค์จะยกเลิกการเดินทาง จะได้รับคืนเงินค่าทัวร์เต็มจำนวน โดยการโอนเงินผ่านทางตัวแทนท่องเที่ยวที่ได้ซื้อทัวร์มา และได้รับเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะเดินทางกลับ คนละ 1,000 บาท โดยทาง ทัวร์โฮลเซลจะเป็นผู้ดูแลสำรองจ่ายเงินดังกล่าวไป ก่อน แล้วค่อยเบิกจ่ายกับทางสายการบินในภายหลัง

ooo




Steve Herman
Voice of America
March 30, 2015

BANGKOK—Thailand's government on Monday scrambled to address "significant safety concerns" by the U.N.'s International Civil Aviation Organization (ICAO) that has the kingdom's airlines facing bans on international flights.

The ICAO negative review quickly led Japan and South Korea to block charter and new flights from Thailand. There is concern other countries, including the United States, will take similar action, especially if the ICAO downgrades Thailand from Category 1 to Category 2.

A U.S. government source - who is not authorized to speak on the record - explained the ICAO report would probably trigger an audit of Thailand's aviation sector by the Federal Aviation Administration. He called the ICAO audit results a "real red flag for the FAA."

Japan and South Korea do not conduct their own assessments and usually rely on ICAO findings to take action.

Decision by Japan

Japan's Civil Aviation Bureau said that for now, no new charter flights operated by airlines registered in Thailand would be allowed to fly to Japanese airports because of concerns the carriers may not meet international safety standards.

Under particular scrutiny is the department of civil aviation, supervised by the transport ministry. Officials of the ministry and department, including Civil Aviation department Director-General Somchai Piputvat, met on Monday with Prime Minister Prayuth Chan-ocha.

The prime minister, who seized control of Thailand's government in a military coup last May when he was army chief, said he discussed the Japanese and South Korean bans on new flights with the leaders of both countries and they promised to further consider the matter.

Prayuth also stated he would use powers under Section 44 of the interim charter to rectify the problems of Thailand's airlines.

Section 44 effectively allows the junta boss to issue any orders he deems appropriate without judicial or other oversight.

“This is a national issue. The transport ministry will quickly solve the problem" because "dominos are starting to fall," transport Minister Prajin Juntong told reporters after the meeting.

Previous administrations blamed

Officials of Thailand's government, under control of a military junta since last May's coup, are blaming previous administrations for not paying heed to the problem.

"The ICAO has warned us since 2005 about our aviation management and asked us to improve our systems," Prajin said.

The ICAO has rejected the civil aviation department's enhancement plan, submitted March 2, reportedly because it proposed a two-year period to fix problems.

Critics have said Thailand's civil aviation sector suffers from frequent changes of government, corruption, complacency and incompetence.

The ICAO's regional office in Bangkok said it was not authorized to comment on the audit, which has not been made public, and referred all inquiries to its headquarters in Montreal, Canada.

Some media reports Monday said Thailand passed only 21 out of 100 areas reviewed by auditors, garnering a lower overall score than any other ASEAN nation.

ICAO concerns

Thailand's civil aviation department did not give details of the ICAO's concerns but said additional training will be provided to its staff and airline inspections will be increased.

Industry sources said the most serious concerns involve shortcomings for safety regulations for low-cost carriers, including certifications for air operations and the transportation of hazardous goods.

On professional pilots' forums on the Internet, comments about the ICAO safety warning have prompted comments by industry workers alleging government inspectors were bribed with cash and massages to favorably sign off on paperwork.

A commentator who said he worked for a "substandard" Thai charter airline for nearly 17 months wrote he was told that executives had decided to not purchase any more parts for maintenance and he quit after refusing to fly planes that had defects.

The FAA is likely to conduct its own aviation safety assessment of Thailand that would three critical areas: airworthiness of aircraft, airman licensing and operator requirements, said a U.S. government official familiar with the procedures.

FAA downgrade

An FAA downgrade for Thailand would mean, among other things, a suspension of code share operations where a Thai carrier is the operating carrier.

Currently operated flights have not been affected by the ICAO audit.

But additional flights, including those for Thailand's mid-April Songkran festival, are now grounded. That has affected tens of thousands of tickets sold to travel agencies or individual travelers.

Travel operators said this has caused the cost of some package tours during the Songkran holiday to nearly double.

Other than the kingdom's flag carrier, Thai Airways, the ICAO safety warning is also affecting low-cost carriers Thai Air Asia X, NokScoot and Asia Atlantic Airlines.

Travel industry officials in Thailand worry the perception that the country's airlines are now unsafe could further hurt tourism. The crucial sector for the Thai economy, employing millions of people, has been beset over the past 18 months by concerns about tourists' safety and political unrest.


วันจันทร์, มีนาคม 30, 2558

สอบตก ICAO ระเบิดเวลาลูกแรกได้เริ่มปะทุขึ้นแล้ว




กรณีกรมการบินพลเรือนสอบตก ICAO

ระเบิดเวลาลูกแรกได้เริ่มปะทุขึ้นแล้ว.....29 มีค. 2558

สืบเนื่องจากบทความ "ระเบิดเวลาประเทศไทย" ของ ดร.วิรไท สันติประภพ ในคอลัมน์ 'เศรษฐศาสตร์พเนจร' วันที่ 11 มีค. ที่ผ่านมา

ดร.ก็ได้พูดถึงความกังวลที่มีต่อความอ่อนแอและบกพร่องของระบบราชการไทยที่มีอยู่อย่างมากมาย มีปัญหาที่ถูกละเลยและซุกซ่อนไว้ใต้พรมกระจายอยู่แทบทุกหน่วยงานตลอดมา โดยหนึ่งในตัวอย่างที่ยกมา ก็ได้แก่ความบกพร่องร้ายแรงของกรมการบินพลเรือน ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติร้ายแรงด้านอุตสาหกรรมการบิน และอาจลามไปสู่การท่องเที่ยวและด้านอื่นๆ ด้วย

ดร.ก็ระบุว่า ความอ่อนแอของระบบราชการไทยจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่จะทำให้เกิดปัญหาถึงขั้นวิกฤติได้

ผมเองก็ได้พยายามวิเคราะห์ให้เห็นตลอดมาว่า ทั้งๆ ที่โลกได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐที่ แสนดี และ แสนเก่งนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ประเทศเรากลับมุ่งขยายภาครัฐไม่หยุดหย่อน ทั้งรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินของรัฐ นโยบายประชานิยมสุดขั้วที่ซ่อนความเสียหายไว้ รวมทั้งระบบราชการที่สถาบันอนาคตไทยศึกษาระบุว่าขยายจำนวนถึง 50%ในสิบปีที่ผ่านมา และมีเงินเดือนสวัสดิการรวมเพิ่มถึงสามเท่าตัว นี่เองคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรากลายเป็น คนป่วยคนใหม่ของเอเชีย (The New Sick Man of Asia)
 
เหตุการณ์ที่เกิดที่กรมการบินพลเรือน ซึ่งถือว่าเป็นกรมเกรดเอ นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ....International Civil Aviation Organization (ICAO) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ ทำหน้าที่กำหนดและตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ทางด้านการบินพลเรือน ได้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการควบคุมสายการบินของเราพร้อมๆ กับประเทศอื่นๆ ในASEAN เมื่อต้นปี แล้วประกาศผลไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์

ซึ่งผลนั้นคงทราบกันดีแล้วว่า เด็กชายไทยแลนด์สอบตกยับเยินได้ที่โหล่ เราได้คะแนนแค่ 35.6% แพ้แม้กระทั่งเขมร (40.2%) อินโดฯ (45.1%) ซึ่งเป็นอีกแค่สองชาติที่สอบตกได้ไม่ถึงครึ่ง

ส่วนบรูไน พม่า ลาว ที่ต่างก็มีเครื่องบินพลเรือนไม่กี่ลำ ต่างก็ได้ 65% คะแนนเกือบสองเท่าเรา ส่วนมาเลย์เซีย ที่เครื่องเพิ่งตกไป 3 ลำในปีเดียวก็ผ่านฉลุย 81% ส่วนสิงคโปร์ของท่านลีนั้นไม่ต้องพูดถึง ฟาดไป 98.9% เกือบสูงสุดในโลกควบคู่ไปกับ UAE ที่มี Emirates กับ Ethihad

(เห็นได้ชัดว่าคู่แข่งเจ้าจำปีเราอยู่ในประเทศที่มาตรฐานสูงลิ่วทั้งนั้น ...แล้วจะไปเหลือเหรอครับ)
 
การตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานที่ชื่อว่า ICAO Universal Safety Oversight Audit Program (USOAP) ซึ่งล้วนเป็นข้อสอบที่ทุกคนรู้โจทย์อยู่ล่วงหน้าหมดแล้ว ทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อไหร่ ต้องทำเข้มข้นแค่ไหน (เค้าถึงได้เกือบเต็มกันหมดไงครับ) นับว่าง่ายกว่าการที่ให้เด็กไทยไปสอบแข่ง PISA เป็นไหนๆ...

แต่ข้าราชการไทยก็ทำขายหน้ายิ่งกว่าเด็กได้ถึงเพียงนี้ จาก100 กระบวนการที่เขาตรวจสอบ เราสอบผ่านแค่ 21 กระบวนการเท่านั้น เรียกได้ว่ามีแต่ประเทศด้อยพัฒนาแถวอาฟริกาเท่านั้นที่ได้คะแนนห่วยขนาดนี้ ...มันช่างอัศจรรย์ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ และมันก็เลยชวนให้เข้าใจได้อย่างเดียวเท่านั้นว่า ไม่ทำงาน ไม่เอาใจใส่ ไม่รับผิดชอบ ไม่...ฯลฯ

และถัาจะคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เค้าได้ตักเตือนถึงข้อบกพร่องตลอดมา กับ ไอ้สำนักงาน ICAO ของภาคพื้น Asia-Pacific ก็ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครเรานี่เอง โดยรัฐบาลไทยหาท่ีดินพร้อมก่อสร้างให้ฟรีๆ ด้วยซ้ำ ก็ยิ่งจะต้องชอกช้ำกลัดหนองขึ้นไปใหญ่

การสอบตกนี้มีผลอย่างไร....ก็จริงอย่างที่กระทรวงคมนาคมพยายามชี้แจงแหละครับว่า ICAOไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายอะไร มันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศว่าจะนำไปใช้บังคับมากน้อยอย่างไรหรือไม่ และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกเรื่องความปลอดภัย เพราะมันหมายถึงผู้ตรวจสอบไม่ได้มาตรฐานเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าแต่ละสายการบินจะไม่ปลอดภัย...

แต่นั่นแหละครับ มันเปรียบเสมือนว่า คุณครูเฉื่อยแฉะ นั่งหลับพุงยื่นน้ำลายไหลทั้งวัน ไปสอบก็ตกยับ แล้วจะให้ใครเชื่อล่ะครับ ว่านักเรียนในชั้นล้วนเก่งกาจแข็งแรง มีระเบียบวินัยยอดเยี่ยม...ตอนนี้เลยเห็นได้ชัดว่า หลายชาติ (เช่น ญี่ปุ่น)ได้เริ่มมีมาตรการเข้มงวดกับสายการบินจากไทยแล้ว ห้ามเพิ่มเที่ยวบิน ห้ามเปลี่ยนแบบเครื่องบิน ห้ามเช่าเหมาลำ กับทั้งยังขึ้นตรวจตามเที่ยวบินต่างๆ อย่างเข้มงวด (ซึ่งในอดีต Garuda ของอินโด ที่ประเทศเคยสอบตกเหมือนกัน เคยถูกตรวจพบข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ก็เลยถูกสั่งห้ามบินเข้ายุโรป 18 เดือน เกือบเจ๊งไป ...ซึ่งถ้าการบินไทยที่ย่ำแย่สาหัสอยู่แล้วโดนเข้าไปก็คงต้องเอวังแน่นอน)
 
ตอนแรกที่เป็นข่าวในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กรมฯ และกระทรวงคมนาคมพยายามบอกว่า น่าจะแก้ไขได้ภายใน 90 วัน...แต่มาวันนี้กลับบอกว่า คงจะทำอะไรไม่ได้ไม่ทันแล้ว คงต้องยอมให้ICAO ยกธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย ซึ่งก็หมายความว่า 28 สายการบินที่ได้รับใบอนุญาติจากไทย เครื่องบินหลายร้อยลำ จะต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะถูกข้อจำกัดต่างๆ ตามแต่ที่แต่ละประเทศจะเห็นสมควร ตั้งแต่จำกัดเที่ยวบิน ลดเที่ยวบิน หรืออาจไปถึงงดบินเลยก็ได้

ซึ่งก็ยังหมายความว่า อุตสาหกรรมการบินของไทยที่มีขนาดร่วมสี่แสนล้าน กำลังเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างน่าเป็นห่วง และอาจลามไปกระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมูลค่ากว่าหนึ่งล้านล้านไปด้วย ทั้งหมดนี่มาจากสาเหตุที่ข้าราชการกรมเดียว ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่
 
ยิ่งไปฟังคำแก้ตัวของกรมการบินพลเรือน ก็ยิ่งขมขื่นจนอยากเอาหัวโขกต้นหูกวางหน้ากระทรวงนัก ท่านอธิบดีบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราขาดงบประมาณ ขาดกำลังคน มีเจ้าหน้าที่ด้านนี้แค่ 11 คน ต้องดูแลใบอนุญาตตั้ง 46 สายการบิน แถมงานนี้ต้องการช่างเทคนิคที่มีทักษะ แต่เงินเดือนข้าราชการไม่สูงพอ เลยหาคนไม่ได้...

ทีงบประมาณสร้างสนามบินตั้ง 28 แห่ง กำลังคนดูแลสนามบินที่มีค่าใช้จ่ายสูงจัดหาได้สะดวกตลอดมา

ดูวิธีแก้ปัญหายิ่งเศร้าหนัก มีแต่คำว่าอาจจะ...อาจจะขอให้บางประเทศส่งทีมมาช่วย จะลองติดต่อออสเตรเลียบ้าง สิงคโปร์บ้าง ว่าว่างมาดูแลให้หรือเปล่า  

(ผมว่ากราบขอร้องลาวเถอะครับ อย่างน้อยก็พูดกับเรารู้เรื่องดี)

บ้างก็ว่าจะขอให้ท่านนายกฯโทรขอร้องท่านอาเบะนายกญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกัน ให้ผ่อนผันให้ไปก่อน (ผมอยากพนันว่า ท่านอาเบะคงไม่กล้าเอาเรื่องความปลอดภัยของประชาชน มาแลกเปลี่ยนกับความคุ้นเคยนะครับ ...บิ๊กตู่ของเรามีสิทธิ์หน้าแตกสูงถ้าเขาปฏิเสธมา)

ดูไม่เห็นมีแผนที่น่าเชื่อถือเป็นรูปธรรมสักเท่าใด...เอาเป็นว่าเหมือนลอยแพสายการบินให้ช่วยเหลือตนเอง ต่างคนต่างวิ่งวุ่นเพื่อเอาตัวรอดให้ยังดำเนินกิจการต่อไปได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากที่ควรนำมาเป็นบทเรียน และหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะต้องดำเนินการสืบสวนและเปิดเผยออกมาว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไรใครต้องรับผิดชอบบ้าง อธิบดี และอดีตอธิบดีกี่คนที่ละเลย ทำให้เกิดความเสียหายได้มากถึงเพียงนี้
 
นี่แหละครับ ระบบราชการไทย... ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องน่ากลัวอื่นๆ ซุกซ่อนอยู่อีกมากน้อยเท่าไหร่...ระเบิดเวลาได้เริ่มระเบิดขึ้นแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะลุกลามใหญ่โตก่อให้เกิดความเสียหายสักเท่าใด และก็ไม่รู้ว่าลูกระเบิดอื่นๆ ที่เหลือจะระเบิดเมื่อไหร่ จะมีคนถอดสลักมันได้สำเร็จสักเท่าใด

Amazing Thailand


ประจินรับไทยตกมาตรฐานICAOส่งผลบานปลาย

"ทั้งนี้ ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความวิตกกังวลอย่างมากต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และหากไม่เร่งแก้ไขอาจทำให้ปัญหาบานปลายเป็นโดมิโน และขณะนี้โดมิโนได้เริ่มล้มแล้ว เลยต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีระยะห่างระหว่างโดมิโนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น"

http://money.sanook.com/268077/