วันอาทิตย์, ธันวาคม 13, 2558

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร’ "วาด รวี" บันทึก ‘ความผิดพลาด’ ของฝ่ายประชาธิปไตย




เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร’ วลีที่นำมาใช้กันบ่อยในระยะหลังๆ ท่ามกลางภาวะแบ่งข้างที่ยังมองไม่เห็นทางประสานได้อย่างละม่อม โดยเฉพาะในช่วง ๖ เดือนนับแต่ครบขวบปีการรัฐประหารโค่นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นต้นมา

ในมิติของกระบวนการประชาธิปไตย ในภาคส่วนที่ไม่ยอมรับ/สนับสนุนความพยายามโค่นระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู มิได้เห็นใจเครือข่ายชินวัตรเสียจนยินดีกับการเหมาเข่ง หรือปรีดาเมื่อท่านกัปตันบอกว่าพอแล้วยกเรือขึ้นคานกันเถอะ อีกทั้งหาได้ว่านอนสอนง่ายเมื่อผู้นำในดวงใจขอให้สงบนิ่งรอคู่ต่อสู้แพ้ภัยตนเอง




หนึ่งในบุคคลากรในกระบวนดังกล่าว นักเขียน นักกิจกรรมนาม วาด รวี ทำบันทึกทบทวนถึงสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็น ‘ความผิดพลาด’ ของฝ่ายประชาธิปไตย เป็นข้อเขียนขนาดยาว ๗ ตอน ที่นำลงบนหน้าเฟชบุ๊คของเขา ณ จุดนี้เป็นตอนทื ๓

ซึ่งขอนำคำเกริ่นของ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ มาโปรยต้นทางไว้ก่อนว่า นี่คือ ‘สรุปบทเรียนกรณีเหมาเข่ง’ โดย

“ผมเพิ่มเติมเพียงว่า ทักษิณและตระกูลชินวัตร ‘หมายตา’ นิรโทษกรรมเหมาเข่งมานานมากแล้ว ว่าเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเขาที่จะยุติความขัดแย้งกับฝ่ายตรงข้าม ดังที่มี ‘กระแส’ หยั่งเชิงเรื่องนี้ออกมาจากพรรคเพื่อไทยเป็นระยะ ตั้งแต่หลังชนะเลือกตั้ง ก.ค. ๕๔ ใหม่ๆ พร้อมกับคำขวัญสุดฮิต ‘แก้ไข ไม่แก้แค้น’”

บทความ ‘บันทึกทบทวน’ ของวาด รวี สามตอนแรกนี้เจาะจงกล่าวถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ และผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเร่งรัด รวดเดียวสามวาระ ๑๙ ชั่วโมง เสร็จสิ้นเมื่อย่ำรุ่งตีสี่ของวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และไปสะดุดที่วุฒิสภาลงมติไม่รับร่างเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน

ผู้เขียนเชื่อว่าแนวคิด ‘นิรโทษกรรมเหมาเข่ง’ ที่ถูกเปิดโปงโดยคลิปสองชายคุยกันเรื่องว่านเถาฉั่งแล้วเลยไปถึงเรื่องสภากลาโหม ทำให้มีการพูดคุยกันระหว่างกลุ่มทหารบูรพาพยัคฆ์กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

วาด รวีวิเคราะห์ว่าบทบาทของนายสุเทพ นับแต่ปักหลักต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างมุ่งมั่น มีการลาออกจากกรรมการบริหารพัก และประกาศเล่นการเมืองข้างถนนชักชวนคนไปชุมนุมเป่านกหวีด เพื่อโค่นล้มและล้างระบอบทักษิณอย่างถอนรากถอนโคน เป็นสัญญานบ่งชี้ว่า

การรัฐประหาร ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

กาลเบื้องหน้าช่วงหนึ่งปี (มากหรือน้อยกว่านี้) จะเป็นระยะเวลาที่อาจหนีไม่พ้นความขมึงตึงเครียด ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่บ้านเมืองจะตกอยู่ในภาวะช่วงชิงและกระเสือกกระสน ซึ่งดูเหมือนสายการนำของแต่ละฝักฝ่ายต้องการให้มวลชนอยู่ในความสงบและคัมภีรภาพที่สุด

หากไม่แน่ว่าอาการบีบรัดในทุกๆ ภาคส่วนจะสามารถทัดทานได้

ไม่ว่าผู้ที่ตามเข้าไปอ่านบันทึกของวาด รวีแล้วจะมีความเห็นแย้ง เห็นด้วย หรือช่วยให้การคิดนึกของท่านแตกหน่อก่อแขนง บ้างอาจเกิดความรู้สึกว่าเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บ ฤๅว่าเหมาะสำหรับเก็บบทเรียนมาใช้สร้างสมการใหม่

เราเชื่อว่าจะทำให้กระบวนประชาธิปไตยตักตวงเนื้อหา เพิ่มพูนข้อมูลเพื่อการพิจารณาหาทางเดินไปข้างหน้าสำหรับประเทศชาติ ประชน และปัจเจกบุคคลต่อไป ในสภาพการณ์เปลี่ยนผ่านที่ใกล้ถึงจุดกระสันต์เต็มทน




ขอเชิญทัศนากันได้ที่นี่ https://www.facebook.com/profile.php…