วันอาทิตย์, ธันวาคม 13, 2558

“ปวีณ-เลือกแล้ว” เตรียมเคลื่อนไหวต่างประเทศ จุดไม้ขีดก้านแรกกระทบ“เทียร์ 3” แน่นอน !!??



ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
12 ธันวาคม 2558

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ที่สุดแล้ว พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวพนักพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ก็ตัดสินใจลี้ภัยหนีอันตรายไปอยู่ต่างประเทศ ข่าวนี้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับสถานการณ์ไม่สู้ดีของรัฐบาลในหลายๆ เรื่องเช่นกรณีอุทยานราชภักดิ์ หรือการเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน

กรณีของพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ขอลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังสักนิดว่า หลังลงมือทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา อย่างตรงไปตรงมามีการจับกุมผู้ต้องหาเกือบ 100 ราย ในจำนวนนั้นมีนายทหารยศ พล.ท. ตำรวจ นักการเมืองท้องถิ่น และพ่อค้าคหบดี ซึ่งทราบกันดีว่า เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ แต่ระหว่างการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีกลับมีชื่อ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ถูกโยกไปประจำ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จนเกิดปัญหาออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในเรื่องความชอบธรรม เหมาะสมและเป็นการ “ล็อกเป้า” ส่งไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในเขตอิทธิพลของกลุ่มผู้ต้องหา

เรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ ถูกสื่อทุกแขนงนำเสนออย่างละเอียดในทุกแง่มุมจนเกิดกระแสสังคมที่ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องมีคำตอบที่ชัดเจน สมเหตุสมผล แต่ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจกลับมองการเคลื่อนไหวของ พล.ต.ต.ปวีณ มีปัญหากับการปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกมาปรามด้วยความผิดทางวินัย

ขณะที่สังคมและสื่อทุกแขนงให้ความสนใจมาก และหวังว่าปัญหาดังกล่าวจะถูกคลี่คลายได้โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) แต่กลายเป็นเรื่องต่างมุมมองกับกระแสสังคม เมื่อผู้นำประเทศมองประเด็นความบกพร่องทางวินัยเสริมท่าทีของ ผบ.ตร.เข้าไปด้วย โดยระบุอย่างชัดเจนว่า หากผลการสอบสวนไม่พบว่ามีผู้ใดกลั่นแกล้ง พล.ต.ต.ปวีณ อาจมีความผิด 2 เด้ง

เวลาต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุมัติให้ พล.ต.ต.ปวีณ ลาออกโดยไม่ขัดข้องใดๆ ทั้งสิ้นเป็นอันว่าชีวิตราชการที่สร้างสมมาตลอด 30 กว่าปีจบสิ้นด้วยเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด

สำหรับการเคลื่อนไหวของนายตำรวจผู้นี้ก่อนตกเป็นข่าวขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย นั้นได้ส่งข้อความไลน์กลุ่ม แสดงความขอบคุณประชาชนคนไทยที่ห่วงใยพร้อมสรุปผลงานคดีฟอกเงิน “คดีประวัติศาสตร์โลก” อันสืบเนื่องจากขบวนการค้ามนุษย์ของ สภ.ปาดังเบซาร์ ที่ 148/2558 มีรายละเอียดว่าสำนวนมีทั้งส้น 699 แฟ้ม เอกสาร 271,300 แผ่น ผู้ต้องหา 155 คน เสียชีวิต 2 รายคือ นางจันทรา ปั้งซวด และ พ.อ.กัณตภณ เจริญพร ออกหมายจับ 153 คน จับกุมได้ 55 คน มอบตัว 33 คน อายัด 3 คนรวมที่ได้ตัว 91 คน หลบหนี 62 คน

เมื่อสำนวนคดีค้ามนุษย์แล้ว พงส.ชุดเดิมจะลุยต่อในฐานฟอกเงิน และขั้นตนต่อไป ปปง.จะไล่ติดตามยึดทรัพย์เป็นการปิดท้าย เป็นการทำงานอย่างตรงไปตรงมาเพื่อขจัดขบวนการค้ามนุษย์ให้สิ้นซาก
ในคดีฟอกเงิน (231/2558) มีผู้ต้องหา 81 คน เสียชีวิต 2 คน คือนางจันทรา ปั้งชวด และพ.อ.กัณตภณ เจริญพร จับกุมได้ 13 คน แจ้งข้อหาผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ที่อยู่ในเรือนจำนาทวี 25 คน มอบตัว 1 คน อายัด 1 คน รวมได้ตัว 40 คน หลบหนี 41 คน

พนักงานสอบสวนเกือบ 100 คนทำงานหามรุ่งหามค่ำ รวบรวมพยานหลักฐานนานถึง 5 เดือน

ขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ส่งกำลังใจ ขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามรายงานให้ประชาคมโลกได้รับรู้......ทุกท่านขออย่าได้ห่วง พวกเราหายเหนื่อยแล้วเพราะสิ่งที่เราทำก็เพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทั้งแผ่นดิน

ต่อนี้ไปพวกเราจะขอเบิกค่าทำสำนวนตามสิทธิ์ 1,500 บาท ก๊ากกกก !!!!

.....ข้อความดังกล่าวสะท้อนความรู้สึกหลากหลาย ทั้งภูมิใจและขมขื่น ถูกส่งมาในไลน์กลุ่มพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ และประชาชนที่ติดตามลงานของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมาก่อน ตามด้วยข่าว ผบ.ตร. ลงนามอนุมัติให้ลาออก

ปรากฏการณ์ของนายตำรวจผู้หาญกล้าออกมาอาสาจุดไม้ขีดไฟยังไม่จบลงง่ายๆ ล่าสุดเมื่อ 10 ธ.ค. 58 พล.ต.ต.ปวีณ ตกเป็นข่าวขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย พร้อมกับคำสัมภาษณ์ยืนยันปัญหาค้ามนุษย์ในประเทศไทยนั้น มีผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งในส่วนของทหาร - ตำรวจ โดยอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวน แสดงความเห็นว่าหากไม่มีบุคคลเหล่านี้ร่วมรู้เห็นเป็นใจค่ายกักกันชาวโรฮีงจาซึ่งมีมากเป็น 100 คนนั้น จะสามารถอยู่ได้หลายปีโดยไม่มีใครไปแตะต้องได้อย่างไร

นายตำรวจคนเดียวกันยังสำทับว่า ขณะนี้ตำรวจที่ทำคดี และพยานต่างอยู่ในสภาพหวาดกลัวและเชื่อว่าสุดท้ายขบวนการค้ามนษย์ระบือโลกในประเทศไทยอาจลอยนวลโดยไม่ต้องรับโทษใดๆ เลยก็เป็นได้

นี่จึงเป็นเพียงไม้ขีดก้านแรกที่ถูกจุดขึ้น เชื่อได้เลยว่าเมื่อ พล.ต.ต.ปวีณ ได้รับสถานภาพผู้ลี้ภัยอย่างสมบูรณ์ และตั้งหลักปักหมุดในประเทศออสเตรเลีย เรียบร้อยแล้ว เมื่อนั้นเราคงได้เห็นการจุดไม้ขีดก้านต่อๆไป แม้จะกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าโดยกลุ่มสมาชิกชาติยุโรป ใช้เทียร์ 3 ตั้งเป็นกำแพงไม่ให้สินค้าประมงเข้าไปขาย แนวโน้มความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 2-3 แสนล้านบาทต่อปีนั้น ประเทศไทยรวมทั้งอุตสาหกรรมประมงคงก้มหน้าแบกรับชะตากรรมกันอย่างถ้วนหน้า

และหากจะมีใครมองว่า พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เป็นคนขายชาติ - เป็นผู้ชักศึกเข้าบ้าน หรืออาจมีข้อหารับเงินใครมากลั่นแกล้งรัฐบาลไทย ข้อกล่าวหาทั้งหลายที่ยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้แต่มีแนวโน้มถูกตอบโต้ในวันข้างหน้าก็ขอให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์นับตั้งแต่วันพบศพชาวโรฮีนจา ถูกฝังตามยะถากรรมในสุสานค่ายกักกัน และต่อเนื่องด้วยคำสั่งของรัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ประเทศไทยยกปัญหาค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ

สิ่งที่เกิดกับ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ จะไม่บานปลายกลายเป็นไฟลามทุ่งถึงขนาดล้อมกรอบประเทศไทยได้เลย หากผู้มีอำนาจใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม มีความจริงใจแก้ปัญหาที่ยกให้เป็นวาระแห่งชาติ

โชคดีจงมีแด่พี่น้องคนไทยทุกคน !!??

...

ความเห็นของ @หยุดดัดจริตประเทศไทย


กูสนับสนุนท่านปวีณเต็มที่ เพราะเรื่องค้ามนุษย์สำหรับกูเป็นเรื่องเลวร้าย
ถ้ามันจะกระทบ “เทียร์ 3” ก็ต้องปล่อยอะครับ กูไม่เดือดร้อนอยู่แล้วเศรษฐกิจในไทยจะลงเหวขนาดไหน

แต่ค่อนข้างเป็นห่วงคนรักเสรีภาพ อยากจะฝากถึงพี่น้อง ที่รู้ว่าตัวเองจะโดนผลกระทบ "เทียร์3" ช่วงนี้อยากให้ใช้จ่ายอย่างประหยัดก่อนนะครับ เราไม่ทราบว่ามันจะมีหรือไม่มี แต่กันไว้ดีกว่าแก้ เทคแคร์นะครับ

ส่วนพวกสลิ่มชนชั้นกลางที่ต้องทำมาหาแดก ก็คงต้องลำบากหน่อยอะครับ
เทียร์3เมื่อไหร่ สหรัฐก็ไม่ได้เป็นพ่อพวกมึงอะครับ พอไม่มีจะแดก ก็ไม่ต้องโอดครวญว่าท่านปวีณ ขายชาติล่ะ ตราบใดถ้ามึงไม่ตกเป็นเหยื่อคนพวกนั้น คนเห็นแก่ตัวอย่างพวกมึงจะเข้าใจอะไร

ถึงเวลานั้น ถ้าไม่มีจะแดกจริงๆ แนะนำหาเก็บขี้หมาแถวบ้านแดกไปก่อน จนกว่าจะพ้น
"สหรัฐไม่ใช่พ่อ" <<< ท่องคำนี้ไว้เวลาแดกขี้หมา จะได้อร่อย 55555555555555555555555

@หยุดดัดจริตประเทศไทย