วันเสาร์, ตุลาคม 24, 2558

กลุ่มต้านเหมืองไทย ไปอินเตอร์ :ร่วมประชุมใหญ่ภราดรภาพชนพื้นบ้านนานาชาติที่เม็กซิโ


เอ็นเกจ (ENGAGE) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นหูอย่างดีในหมู่คนไทยในสหรัฐที่เห็นด้วยกับการไม่ยอมรับรัฐประหารในประเทศไทย และต่อต้านรัฐบาลของคณะทหาร คสช. ที่โค่นรัฐบาลเลือกตั้งแล้วตั้งตัวเป็นผู้ปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ (มาตรา ๔๔ รัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗) มาเป็นเวลาปีกว่า และจะอยู่ยาวเช่นนี้ต่อไปถึงกลางปี ๒๕๖๐ เป็นอย่างเร็ว โดยไม่มีหลักประกันหรือทีท่าว่าจะยุติเมื่อไรในอนาคต

เอ็นเกจเกิดมาจากกลุ่มนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวอเมริกันที่ไปใช้ชีวิตคลุกคลีกับชาวบ้านภาคอีสาน ร่วมกิจกรรมปกป้องสภาพแวดล้อมชนบทไทยจากการบ่อนทำลายโดยกิจการเหมืองแร่ทองคำที่จังหวัดเลย มีความใกล้ชิดทั้งในความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ญาติพี่น้อง และในทางอุดมการณ์แห่งสิทธิเสมอภาคของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย กับกลุ่มนักศึกษาดาวดินแห่งจังหวัดขอนแก่น และศูนย์กฏหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม
เหมืองทองของบริษัททุ่งคำ ที่เลย
กลุ่มเอ็นเกจนี้นับว่าเป็นผู้จุดประกายให้แก่ชุมชนไทยผู้รักประชาธิปไตยในมลรัฐแคลิฟอร์เนียทั้งภาคเหนือและใต้ แล้วขยายไปยังนครนิวยอร์ค และพอร์ตแลนด์ ออเรกอน ด้วยการออกไปทำการประท้วงรัฐบาลทหารไทย (ฮุนต้า) และยื่นจดหมายร้องเรียนต่อสถานกงสุลไทย ณ นครลอส แองเจลีส ให้ปล่อยตัวนักศึกษาและยุติการใช้อำนาจ ม.๔๔ เมื่อมีการจับกุมควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาดาวดินในประเทศไทย

เอ็นเกจยังได้จัดให้มีการชุมนุมด้วยวิธีการสงบและแยบยล เพื่อทวงถามคำตอบจากสถานกงสุลไทยอีกหลายครั้ง ซึ่งครั้งหลังๆ มีกลุ่มคนไทยที่เห็นคล้อยกับการเรียกร้องและจุดยืนของเอ็นเกจเข้าร่วมสนับสนุนมากบ้างน้อยบ้าง จนกล่าวได้ว่ากลุ่มนักศึกษาอเมริกันเอ็นเกจมีความผูกพันแน่นเหนียวกับชุมชนไทยที่ปฏิเสธรัฐประหารและต้องการให้บ้านเกิดกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างรวดเร็ว
"ถ้าคุณรักชีวิต ต่อสู้กับเหมือง" ป้ายต้านเหมืองในซานโฮเซ่ เดล โปรเกรโซ โอกซากา เมฮิโก

ด้วยพลวัตของการดำเนินกิจกรรมเพื่อต่อสู้กับอำนาจอธรรม ที่กดขี่ทำร้ายชาวบ้านรากหญ้าผู้ด้อยโอกาสและถูกกีดกันหยามเหยียด ซึ่งกลุ่มเอ็นเกจเคยเข้าไปมีส่วนร่วมรณรงค์ในภาคอีสานของไทย แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้ยึดครองอำนาจหันมาใส่ใจกับภาวะที่ถูกกดขี่เบียดเบียนของชาวบ้านได้

บัดนี้พวกเขาได้นำการต่อสู้ของชาวบ้านไทยไปร่วมผนึกกำลังกับชาวพื้นเมืองของชุมชนนานาชาติ อันไม่เพียงแต่ประกาศการหาญสู้ให้โลกรู้เท่านั้น หากแต่ยกระดับการเรียกร้องความเสมอภาคและเป็นธรรมของชาวบ้านไทยไปสู่การรณรงค์ในทางสากลด้วย
ไมเคิล อะกิลาร์ ที่หน้าสถานกงสุลไทย ลอส แองเจลีส
ในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ กลุ่มเอ็นเกจ นำโดยนายไมเคิล อะกิลาร์ ผู้ประสานงานภาคพื้น และยังเป็นตัวแทนกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ประจำสหรัฐ เขาเป็นกำลังสำคัญในการจัดให้มีการรณรงค์ร่วมกันครั้งสำคัญของบรรดาตัวแทนชาวบ้านชาติต่างๆ ที่ได้รับภัยภิบัติจากกิจกรรมเหมืองแร่ อันได้แก่ชนชาวอีสาน ประเทศไทย ชนเชื้อสายอินเดียนแดงในสหรัฐอเมริกา ชนพื้นเมืองของแคนาดา และชนพื้นบ้านย่านป่าเขาในประเทศเม็กซิโก

ตัวแทนชาวบ้านเหล่านี้จะไปพบกันที่ Oaxaca, México ซึ่งชนพื้นบ้านเชื้อสาย ซาโปเท็ค ได้รับภัยคุกคามต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่จากเหมืองแร่สามแห่ง อย่างหนักหน่วงยิ่งเสียกว่าชาวบ้านนาหนองบง จังหวัดเลย ได้รับจากเหมืองทองของบริษัททุ่งคำ
ชาวบ้านต้านเหมืองในเม็กซิโก
กลุ่มผู้จัดการประชุมสัมมนาครั้งนี้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการนำตัวแทนชาวบ้านที่ประสบภัยสารพิษจากการทำเหมืองมาพร้อมกันในระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม ถึง ๑๒ พฤศจิกายน เพื่อร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแบ่งปันข้อมูลในการต่อสู้กับการลุกล้ำทำลายสภาพแวดล้อม ความบริสุทธิของธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร

อีกทั้งประกาศจัดตั้งขบวนการรณรงค์ระดับนานาชาติ ให้สัตย์ปฏิญานความร่วมมือร่วมใจแห่งภราดรภาพชนพื้นบ้าน ภายใต้การรณรงค์ชื่อว่า ‘Yes to Life and Mother Earth, No to Mining’

อย่างไรก็ดี โดยเหตุที่ เอ็นเกจเป็นกลุ่มนักศึกษาล้วนๆ แม้ว่าจะได้มีการจดทะเบียนเป็นองค์กรไม่ค้ากำไร (ตามระเบียบกฏหมายมาตรา ๕๐๑ (ซี) ๓ ของสหรัฐ) รณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๐๑ ก็ไม่มีรายได้หลักเป็นประจำสำหรับดำเนินงานแต่อย่างใด การรณรงค์แต่ละครั้งจะได้รับการบริจาคจากผู้สนับสนุนเฉพาะคราว เช่นเดียวกับครั้งนี้

ดังนั้น บนหน้าเว็บ indiegogo.com ซึ่งเป็นสื่อสำหรับกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เพื่อชุมชน ได้มีบทความเรื่องราวการประชุมสมัชชาชาวบ้านนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากกิจการเหมืองครั้งนี้ พร้อมทั้งรายละเอียดขอรับการบริจาค โดยตั้งเป้าค่าใช้จ่ายการจัดงานทั้งหมดไว้ที่ ๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะเขียนบทความนี้ ปรากฏว่ามีผู้บริจาคไว้แล้ว ๑,๕๐๕ ดอลลาร์

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะช่วยค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมครั้งนี้ สามารถเข้าไปบริจาคเพิ่มเติมได้ที่ https://www.indiegogo.com/projects/yes-to-life-and-mother-earth-no-to-mining#/