วันอังคาร, มีนาคม 17, 2558

หลังรปห. "สปอตไลต์" เปลี่ยนทิศ เมื่อความดีงามกลายเป็นน้ำยาบ้วนปากที่ตกลงบนหน้าตัวเอง



ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

"สปอตไลต์" เปลี่ยนทิศ

มติชนสุดสัปดาห์ 6-12 มีนาคม 2558

การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา มีข้อดีข้อหนึ่ง คือ ทำให้ "สปอตไลต์" ทางการเมืองเปลี่ยนทิศ

จากที่เคยส่องสว่างไปที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐบาล ก็เปลี่ยนไปจับจ้องอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเคยอยู่แต่ในเงามืดมานาน

"ความสว่าง" ทำให้เห็น "ตัวตน" และ "ฝีมือ" ของอีกฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน

คนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวนมาก คือผู้ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มายาวนาน

วิจารณ์นโยบายจำนำข้าวและประชานิยมของรัฐบาลเพื่อไทยว่าทำให้เศรษฐกิจพัง

วันนี้เขาเหล่านั้นมีอำนาจบริหารเต็มมือ

แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้ามกับ"ฝีปาก"

ตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจที่ปรากฏในวันนี้เป็น "คำตอบ" ที่ดียิ่ง

เสียงโวยที่ออกมาจากภาคเอกชนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเริ่มรู้แล้วว่าตัวเลขขาดทุนทางบัญชีของ "จำนำข้าว" นั้นมีผลอย่างไรต่อ "กำลังซื้อ" ระดับรากหญ้า

และอะไรเสียหายมากกว่ากัน

การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐซึ่งเป็น"ความหวัง"เดียวของเศรษฐกิจไทย

จนถึงวันนี้เกือบครึ่งปีงบประมาณยังเบิกจ่ายได้ไม่ถึง 20%

ทั้งที่เป็น "อำนาจ" เบ็ดเสร็จของรัฐบาล

ยิ่งยืนอยู่กลาง "สปอตไลต์" นานเท่าไร ยิ่งพิสูจน์ชัด

"ฝีมือ" เป็นอย่างไร

และ "ผลงาน" เป็นอย่างไร

เช่นเดียวกับกลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูปแห่งชาติซึ่งส่วนใหญ่คือ"คู่ขัดแย้ง"กับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

ทั้งกลุ่ม 40 ส.ว. นายทหารนอกประจำการ นักธุรกิจและนักวิชาการชื่อดัง ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้สนับสนุน กปปส. มาก่อน

ในอดีตทุกคนชี้นิ้วไปหาคนในรัฐบาลชุดที่แล้ว ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น จริยธรรม ผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ

รัฐบาลชุดที่แล้ว คือ "คนเลว"

และเขาคือ "คนดี"

ล้มรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อหา "คนดี" มาบริหารบ้านเมือง

กติกาที่ร่างออกมาชัดเจนว่าไม่ไว้ใจ "นักการเมือง" มีการสร้างกลไกทั้งสภาจริยธรรมแห่งชาติ และคณะกรรมการต่างๆ มากมาย

แต่หลังการรัฐประหาร คนกลุ่มนี้ได้มายืนกลาง "สปอตไลต์" ทางการเมือง

บ้างเป็น สนช. บ้างเป็น สปช.

เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้ยังดำรงสถานะความเป็น "คนดี" ชี้นิ้วไปยังนักการเมืองว่าเป็น "คนไม่ดี" คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว

แต่ทันทีที่มีการเปิดบัญชีรายชื่อผู้ช่วยประจำตัว, ผู้ชำนาญการ, ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช. แต่ละคน ซึ่งเปิดให้แต่ละคนเลือกเอง

"นิ้ว" ที่เคยชี้ใส่ผู้อื่นก็ย้อนมาชี้ที่ตัวเอง

เพราะรายชื่อส่วนใหญ่เป็น ลูก หลาน ญาติพี่น้อง

คำว่า "ผลประโยชน์ทับซ้อน" หรือ "จริยธรรม" ถูกกลืนหายลงคอทันที

เพราะคำว่า "จริยธรรม" คือ การจำแนกแยกแยะว่าสิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด สิ่งไหนควรทำ และสิ่งไหนไม่ควรทำ

ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับ

เป็นเรื่อง "จิตสำนึก" ของตัวเอง

และเชื่อว่าหากเปิดรายชื่อผู้ช่วยของ สปช. ก็จะพบชื่อญาติพี่น้องเหมือนกัน

ทั้งที่เงินเดือนแค่ 15,000-24,000 บาทเท่านั้น

เงินแค่นี้ก็ยังเอา

"สปอตไลต์" ที่เปลี่ยนทิศหลังการรัฐประหาร จึงทำให้เห็นฝีมือและเนื้อแท้ของแต่ละ "คน" ชัดเจนขึ้น

คำท่องบ่นเรื่อง "ความดีงาม" บางทีก็ละม้ายกับ "น้ำยาบ้วนปาก" ที่ทำให้ปากหอม

พ่นขึ้นไปบนฟ้า

แล้วตกลงที่ใบหน้าตัวเอง