วันอาทิตย์, มีนาคม 15, 2558

‘รัฐบาลไส้เลื่อน’ + เบื้องหลังคนเบรก "ภาษีบ้าน" คือ บิ๊กป้อม - นายกฯ สั่ง เดินหน้าต่อแต่เงียบๆ




ยังก่อน ยังไม่ได้เวลา ‘ขาลง’ แต่อาการ ‘ขาขวิด’ น่าจะใช่

บางท่านว่าไว้ นักรัฐประหารไทยไม่เพลี่ยงพล้ำจากพวกตรงข้ามหรอก

แต่มักคว่ำเพราะกัดกันเอง แย่งกันกิน

หรือไม่ก็พังคลืนลงด้วยภาวะข้าวยากหมากแพง

คณะยึดอำนาจเริ่มตุปัดตุเป๋ แบบว่า นปช. ณัฐวุฒิ ยังออกมาสับเป็นชุดกับเขาเหมือนกัน

เรียกชัดถ้อยชัดคำ ‘รัฐบาลไส้เลื่อน’ เลื่อนโน่น เลื่อนนี่ สะเปะสะปะ ขาดแผนงาน ขาด conviction

โดยเฉพาะที่เลื่อนภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง บ้างว่าเพราะนึกได้ ไม่อยากให้ระคายเคืองขนหน้าแข้งเจ้าของที่ดินผืนใหญ่

ตามแนวคิด ดร. โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ข้อ ๖.

“การเลื่อนการจัดเก็บภาษีนี้ออกไป ก็เท่ากับเป็นการช่วยคหบดีมีที่ดินมากต่างหาก เพราะสำหรับประชาชนเก็บเพียงนิดเดียว แต่เจ้าที่ดินรายใหญ่มีที่ดินนับพันนับหมื่นล้านโดยเฉพาะที่ว่างเปล่า ต้องเสียภาษีสูง ดังนั้นการชลอหรือเลิกเก็บภาษีนี้ จึงเป็นการอุ้มคนรวย เช่นเดียวกับกรณีการชลอไปแล้วของภาษีมรดกนั่นเอง”

หรือว่าไปเข้าทางพวก ‘ก้าวหน้า’ เลยชงัก ดัง Atukkit Sawangsuk ว่าไว้

“ลิ้นไม่มีกระดูก สักแต่พูดเอาใจคนชั้นกลางชาวกรุง
หนึ่ง คนที่มาจากภาคประชาสังคมควรสนับสนุนภาษีที่ดิน เพียงแต่ต้องเรียกร้องให้เก็บภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า ไม่ใช่คนจนคนรวยเสียอัตราเท่ากัน (ซึ่งในภาษีอัตราก้าวหน้านี้ พวกคนชั้นกลางชาวกรุงขี้โวยวายทั้งหลายก็ต้องเสียด้วย เพราะคุณอยู่ในเมืองหลวงที่รัฐลงทุนมหาศาลสร้างรถไฟฟ้า ถนน สะพานลอย ทางด่วน ฯลฯ ให้ใช้)
สอง ถ้าจะบอกว่ารัฐต้องนำภาษีไปใช้ให้คุ้มค่า ก็ต้องเรียกร้องให้ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปกองทัพ ลดกำลังคน กำลังพล ลดนายพล ให้ระบบราชการกะทัดรัด ไม่ใช่ขึ้นเงินเดือนข้าราชการแล้วมารีดภาษีชาวบ้านในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำ”

ที่ร้ายกว่านั้น ได้ยินคำเปรยของ Deep Blue Sea @WassanaNanuam แล้วน่าสยอง

“จับตา จริงปะ? บิ๊กตู่ยอมถอยเก็บภาษีบ้าน เพราะจ่อจะขึ้น VAT10% ก่อน เพราะถ้ามาพร้อมๆกัน ประชาชนโวยแน่...พอขึ้น VATเสร็จ ทีนี้ก็ภาษีบ้านหล่ะ”

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้แมะไว้ รอให้ทั่นผู้ณรรมเดินสายนั่งรถไฟชินกันเซ็นไปเซ็นไดเสียก่อน หมายว่าจะได้ชิ้นปลาดิบกลับบ้าน ไว้บลั๊ฟมะกัน

วันก่อนเห็นเหน็บแนบแกมประชด “สหรัฐยังไม่ให้ผมไปเลย แต่ผมให้สหรัฐมาหมด เพราะเราเป็นมิตรกันมายาวนานกว่า 200 ปี”

“ฉะนั้นอย่าตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลก มันทำไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาคนละอย่างกัน”
(http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…)

อุเหม่ เขาตัดเสื้อกาวน์ผ้าโปร่งใสให้ใส่กันเปื้อนต่างหาก พวกทั่นชอบหมกเม็ดมูมมามหรือไง ถึงได้ไม่ชอบ

นั่นแหละนะ ไอ้ที่ ‘ไปคุย’ โน่นนี่มากมายจนไม่ได้พักผ่อน มันหมดความหมาย หากได้แค่ ‘In talk’ not ‘In deed’ นะฮัฟ

ชนิดบอกฝรั่งญี่ปุ่น ว่ารักษาสิทธิมนุษยชนเสียหนักหนา แต่ว่าลิ่วล้อของทั่นเที่ยวเรียกนักกิจกรรมไปคุย intimidating จับนักศึกษาไปปรับทัศนคติ นี่มันหน้าไหว้หลังหรอก ปากปราศรัยใจเชือดคอ ไม่ใช่หรือ

ล่าสุดใช้ตำรวจเข้ายุติการเดินไปหาความยุติธรรมของพ่อน้องเฌอ แล้วนำตัวไปควบคุมที่ สน. ปทุมวัน แม้ว่าเขาเดินเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวการชุมนุมตามกฏอัยการศึก



จากปากคำของพันศักดิ์ ศรีเทพ ที่บอกว่า
"ไม่เข้าใจว่าตำรวจจะจับมาในข้อหาอะไร เพราะเอกสารนำส่งตัวไม่มี อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวันที่จำหน้าตนได้ก็ยังแปลกใจว่ามาทำไม เพราะไม่ได้นัดอะไรกันวันนี้ ซึ่งความจริงก็ไม่ได้คิดจะหลบหนีเพราะได้ประกาศแล้วว่าจะเดินมา จึงคิดว่าจะขอปรึกษากับทนายความสิทธิมนุษยชนเพื่อแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ในข้อหาข่มขืนใจ และหาก สน.ปทุมวันไม่รับฟ้อง ถือว่าผิดมาตรา 157 ในฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้วย"

ฤๅจะเป็นดังเช่น Soraj Hongradarom เขียนไว้บนไทม์ไลน์ของเขา 'History Repeats'


"วิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือค่อยๆ เอาเสรีภาพออกไปทีละเล้กทีละน้อย" -Adolf Hitler

แต่กระนั้นก็มีนักศึกษากลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตย ถือตำรากฏหมายเป็นสัญญลักษณ์ไปให้กำลังใจ

พร้อมทั้งปรากฏข้อความประกาศของกลุ่ม ‘พลเมืองโต้กลับ’ กับ ‘ศนปท.’ ชักชวนกันไปชุมนุมที่ สน. ปทุมวันอีกครั้ง

ขณะที่ทางโซเชียลมีเดียมีการแบ่งปันแพร่หลาย ข้อความเตือนภัยวินาศกรรมในกรุงเทพฯ

อ้างว่าเป็น ‘ศึกระหว่างบูรพากับอำมาตย์’

อันเป็นเหตุให้ พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรัฐประหาร ต้องออกมาแถลงสยบข่าวดังว่านั้นทันควัน

ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้กระทรวงการคลังชะลอการเดินหน้า พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รายงานข่าวแจ้งว่า มาจากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน เมื่อวันที่ 12 มี.ค. โดยในการประชุมวงเล็ก ข้าราชการกระทรวงการคลัง รายงานความคืบหน้าให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทั้ง 2 คนเห็นด้วย แต่ในที่ประชุมวงใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการประทรวงกลาโหม ได้ขอให้ชะลอไว้ก่อน ให้เหตุผลว่า การเมืองในช่วงนี้ยังไม่เหมาะนำกฎหมายนี้มาพิจารณา

รายงานข่าวระบุว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ชี้แจงว่า ถ้าไม่เสนอในรัฐบาลชุดนี้คงลำบากที่จะผลักดันในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จนทำให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน โต้แย้งกันที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ สรุปให้กระทรวงการคลังชะลอการเสนอกฎหมายให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาออกไปก่อน โดยระหว่างนี้ให้ไปทำความเข้าใจกับสังคม ขณะเดียวกันก็ให้เดินหน้ากฎหมายนี้ให้เงียบที่สุดเหมือนกับกฎหมายภาษีอื่นๆ โดยจะออกมาพูดได้เมื่อกฎหมายผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้ว หรือข้อมูลทั้งหมดนิ่งแล้ว

ทั้งนี้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวด้วย