วันพุธ, มีนาคม 25, 2558

เอาละ ครานี้ถึงวัน ‘ฟันดำ’ ตำหนิทั่นผู้ณรรมบ้างแระ ทั้งที่เป็นพวก ‘แป๊ะๆ’ ด้วยกัน




เอาละ ครานี้ถึงวัน ‘ฟันดำ’ ตำหนิทั่นผู้ณรรมบ้างแระ ทั้งที่เป็นพวก ‘แป๊ะๆ’ ด้วยกัน

(http://www.thairath.co.th/content/488426 )

แกบ่น “แต่พอเวลาล่วงเลยไป...ความพอใจของประชาชนก็เริ่มค่อยๆ ลดลงๆ ตามลำดับ เหมือนกับสภาพเศรษฐกิจในเวลานี้”

แต่แทนที่จะชี้เหตุทางเศรษฐศาสตร์ เจ้าของฉายา ‘ไทยซีไอเอ’ คนที่เคยเม้าต์กับทูต ’เมกัน เรื่องมกุฏราชกุมารในวิกิลี้คส์นี่น่ะ กลับพูดถึงเรื่องการใช้ยาแรงไม่ถูกที่

“โดยเฉพาะ ม.๔๔ ซึ่งได้ให้อำนาจไว้เต็มที่ แม้กระทั่งยกเลิกคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วก็สามารถทำได้” แกว่าคณะยึดอำนาจกลับไม่ทำ

ซ้ำยกตัวอย่างแจ๋เสียอีก "ยศยังไม่ถอด พาสปอร์ตยังไม่ถอน ปล่อยตะลอนไม่ตามจับ"

แล้ววิจารณ์ต่อถึงการทำงานของ สนช. กับองค์กรอิสระ เรื่องยึกยักใช้-ไม่ใช้ รธน. ๕๐ กันยอกย้อน เลอะเทอะ เดี๋ยวถอดได้ ถอนไม่ได้ ไม่เหมือนสมัย คมช. ที่ตั้ง คตส. ขึ้นมาฟาดฟัน ‘ทำงานทันที’

ผู้เฒ่าหน้าแหลมฉวยโอกาสอ้าง ‘ประชาธิปไตย’ หน้าตายเลยเธอว์ จวกรัฐธรรมนูญฉบับเยอรมันที่กูรูกำลังดันใกล้จะถึงสุด บอกของเก่า ๕๐ ดีอยู่แล้ว ใยไม่ใช้

เสร็จสรรพกลับมาอิง ‘ประชาชน’ อีกแน่ะ แซะว่า “ความอดทนของประชาชนจะแตก” บอกเหตุการณ์บ้านเมืองเหมือน ‘ฝีกลัดหนอง’ ต้องใช้วิธีกรีดเอาหัวฝีออกอย่างเดียว

เลยเถิดไปเลียบค่ายกระทบ ‘หนูปู’ เข้าให้ นัยว่าถ้าละล้าละลัง ยังไม่เชือดเสียที ประเดี๋ยวฝีแตก ยุ่งตายห่



ปิดท้าย but not least บุรุษสูงวัยคาบไป๊ป์คายคำคม ว่าครั้ง คมช. นั่นเรียก ‘เสียของ’ ถึงตอนนี้ คสช. มีแต่ ‘ของเสีย’

เสียจริงไหม ถามใครก็ได้ อย่าถามทั่นผู้ณรรม

ชาวบ้าน ‘พันทิป’ ไม่รอให้ถาม เขาปูดก่อนเลยว่าภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ ‘เงียบจนเครียด’
(http://pantip.com/topic/33382849)

“งานที่ติดต่อเข้ามาน้อยลงไปมากๆ จนต้องพึ่งบุญเก่า แต่บุญเก่าก็อาจจะอยู่ไม่ได้นาน ถ้าเกินจาก ๒ เดือนนี้ มีปัญหาหนักแน่ๆ...เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้”



ก็มีคนไปตอบ ปลอบใจว่า “ผมคนนึ่งที่ผ่านมากับหลายยุคที่มีพวกยามบริหารประเทศ บอกได้เลยว่าเเย่ทุกยุคที่ยามมาบริหาร พวกนี้หัวการค้าก็ไม่มี...เก่งเเต่หากินในบ้าน (ภาษี) เเละเก็บของมีค่าในบ้านไปขาย”

ถ้างั้นต้องฟังคนที่กำพืด ‘ภาษี’ ตัวจริง ขุนคลังย้ำว่าเอาแน่ ภาษีที่ดินเพื่อ ‘กระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ’

“ภาษีมรดกแค่น้ำจิ้ม ถ้าเก็บก็ได้แค่กว่าหมื่นล้านบาท แต่ภาษีที่ดินจะได้ร่วม ๒ แสนล้านบาท"
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427083420)

อย่างนี้ ‘เลือดปู’ คงไม่รอดโดนรีด แม้นว่า กระทรวงการคลังแถลงผลการจัดเก็บรายได้ช่วง ๕ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๕๘ (ตุลา ๕๗ ถึง กุมภา ๕๘) ออกมาแล้วว่า

“เก็บรายได้สุทธิ ๘๑๖,๐๘๓ ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ ๑.๕% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงมีส่วนต่อการจัดเก็บรายได้ให้ลดลงด้วย”

มิหนำซ้ำศูนย์วิจัยกสิกรไทย (คนกันเอง) ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจปีนี้ เหลือแค่ร้อยละ ๒.๘จากเดิมร้อยละ ๔ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

“จาก (เหตุ) ปัจจัยสำคัญ ๓ ประการ คือ การส่งออกในไตรมาสแรกมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจทำให้การส่งติดลบร้อยละ ๓.๙ จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และคาดว่าทั้งปีการส่งออกอาจไม่ขยายตัวได้เลย หรือเท่ากับร้อยละ ๐ จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ ๓.๕ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนยัง คงอ่อนแอจากกำลังซื้อในกลุ่มเกษตรกรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น”

เหล่านี้ ทั่นผู้ณรรมผายวจีในการปาฐกถาพิเศษที่สภาอุตสาหกรรม เรื่องการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันการค้าของประเทศไทย (บีบีซีไทย - BBC Thai)

ว่า “ไม่ควรโทษว่ารัฐบาลเป็นผู้ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย...ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยว่า ถ้ารัฐบาลไม่เข้ามาทำหน้าที่ตอนนี้สถานการณ์อาจจะหนักกว่านี้”

อ๊ะนี่ ผู้ณรรมจำอะไรสับสนไปหรือเปล่า ใครๆ เขาบอกว่า ‘เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้’ ทั้งนั้น

ลองก้มดูดัชนีเศรษฐกิจที่แบ๊งค์ชาติจดเอาไว้บ้างก็ดีนะทั่น เมื่อปลายมกรา สำนักงานเศรษฐกิจหั่นเป้าลงไปเป็น ๓.๙ พอมาถึงเดือนนี้ มีนา ตัดฉับไปอีกเหลือ ๓.๘

มีคอลัมนิสต์เขาตั้งกังขา “กว่าจะถึงสิ้นปี ไม่รู้แต่ละสำนักจะปรับลดจีดีพีอีกกี่รอบ”

มิหนำบรรดาเจ้ากระทรวงเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกันยิก จะให้สมดังหมายว่า เงินมางานนี้เอาอยู่ นั้นอย่าหวัง



ประสาร ไตรรัตน์วรกุล “ผู้ว่าการแบงก์ชาติ พูดบ๊อยบ่อย เงิน (ลงทุน) รัฐนิดเดียวช่วยอะไรได้จิ๊บๆ ไม่มาก นอกจากเป็นหัวเชื้อนำร่อง”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427036307)

ฉะนี้ ได้เวลาทั่นผู้ณรรมพักเรื่อง ‘พีอาร์’ ไว้ก่อน ถึงคราวลงมือ practice จริงจังเสียที

โดยเฉพาะที่บอกว่า “ในวันนี้มองว่าประเทศมีความเป็นประชาธิปไตยทุกอย่าง ๙๙.๙๙ เปอร์เซนต์” ใครฟังย่อมเห็นว่ามันย้อนแย้งยิ่งนัก

หากบอกต่อไปว่า ‘แต่อย่ามาต่อต้านกัน’ โดยอิง ‘อียิปต์โมเดล’ ที่ว่า “ประเทศอื่นเวลาควบคุมอำนาจสั่งติดคุกหมดแล้ว หรือถ้าไม่ทำตามสั่งติดคุก ยิงเป้า ไม่ต้องมานั่งปวดหัวแบบนี้” ยิ่งฟังไม่ขึ้น



เพราะการที่รัฐบาลทหารอียิปต์กล่าวอ้าง ‘ภราดรภาพมุสลิม’ ฝ่ายตรงข้ามการเมืองเป็นองค์การก่อการร้าย อาจทำให้สหรัฐลังเลได้
(http://www.nytimes.com/…/opinion/abetting-egypts-dictatorsh…)

แต่หากคณะยึดอำนาจไทยจะอ้างขบวนการเสื้อแดงเป็นพวกก่อการร้ายบ้าง ยังห่างไกลความเป็นไปได้อยู่มาก เนื่องจากชาติตะวันตกส่วนใหญ่ และองค์การสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ล้วนได้ข้อสรุปกันแล้วว่า

คณะรัฐประหารนั่นต่างหากที่กระทำการข่มขู่ ทำร้าย และกดดัน (จับกุมก่อน ยัดข้อหาตามหลังใส่) ประชาชนที่เห็นต่าง อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน