วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 07, 2558

คะๆๆๆๆๆๆๆความเป็นไทย ! + ประเทศกรุงเทพ


ที่มา FB เมด อิน อุษาคเนย์

"ผมไม่ทราบใครว่าเป็นผู้กำหนดนิยามสิ่ง 'ถูก-ผิด' เเต่นิยามส่วนใหญ่มักถูกกำหนดจากผู้มีอำนาจ เวลาพูดถึงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือเรียนหรือเพลงชาติ เนื้อหาในนั้นให้ความสำคัญกับชาติที่หยาบกระด้าง ไม่ใช่การมองชาติแบบมีอารยะ ที่เคารพคนทุกคนอย่างเท่าเทียม"

นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์บอกว่า ประเทศไทยหลังจากนี้ ต้องช่วงชิงนิยามชาติจากรัฐกลับมาเเละพยายามยึดกุมความเป็นชาติที่มีอารยะ มีสุขภาวะวิสัยที่ดีให้ได้

"ขอให้ทุกคนจงเป็นคนไทยที่ดีศรีอารยะ ไม่กักขฬะใจดำอำมหิต เราต้องยึดกุมความเป็นชาติกลับคืนมาให้อยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายที่มองคนเท่ากัน วันนี้ คนบางคนอาจจะเป็นฮีโร่ เเต่อนาคต อาจจะถูกมองอีกเเบบก็ได้ อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้เเล้วว่า ใครทำอะไรลงไป เหมือนที่หนังสือเล่มนี้ได้บันทึกไว้"

ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร อัครพงษ์ บอกว่า ทุกคนต้องอยู่ต่อไปให้ได้

เเละเชื่อว่าท้ายที่สุดกระบวนการทางสังคมจะสามารถคลี่คลายจากปัญหาไปได้เอง สิ่งสำคัญคือ อย่าหงุดหงิด ต่างฝ่ายก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป สุดท้ายเเล้ว กระบวนการทางสังคมจะคัดเลือก กระทั่งผ่านช่วงเวลาเเห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ

เมื่อถึงวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็อาจจะไม่ใช่ฮีโร่ของเสื้อแดง ก็เป็นได้



ภาพจาก เวป ประเทศกรุงเทพ
ประชาชนใน ‪#‎ประเทศกรุงเทพ‬ ท่านหนึ่ง

พสิษฐ์ ไชยวัฒน์
ประชาไท

Fri, 2015-02-06 16:38

“โอ้กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาธานี สวยงามหนักหนายามราตรี
งามเหลือเกินเพลิดเพลินฤดี ช่างงามเหลือที่จะพรรณนา

เที่ยวดูเล่นแลเห็นอาคาร เหมือนดังวิมานสถานเทวา ทั้งยานพาหนะละลานตา
งามแสนงามเหมาะนามสมญา เหมือนเทพสร้างมาจึงงามวิไล”

ส่วนหนึ่งของบทเพลง กรุงเทพฯ ราตรี ประพันธ์คำร้องโดย แก้ว อัจฉริยะกุล


เนื้อหาของบทเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งนี้ได้กล่าวบรรยายและพรรณนา พร้อมทั้งฉายภาพเสมือนจริงให้ปรากฎชัดเจน และตอกย้ำสมญานามของ กรุงเทพมหานคร ว่าเป็น นครแห่งเทพสร้าง อันรังสรรค์ไว้ซึ่งความเลิศหรูอลังการ สวยสดงดงาม วิจิตรพิสดารตระการตา โดยสะท้อนความงามอันเลิศเลอผ่านอักขระตัวอักษรที่เชื่อมโยงกับกาลเวลา ไม่ว่ายุคสมัยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเช่นไร กรุงเทพฯ ก็ยังคงเป็นนครในเทพนิยาย เป็นวิมานที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เป็นขอบเขตแห่งสรวงสวรรค์ที่เหล่าทวยเทพได้ดลบันดาลสร้างไว้เฉพาะผู้ที่ได้รับการกลั่นกรองคัดเลือกแล้วว่า เป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมอันดีงาม รวมทั้งเป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมชั้นสูงที่แยกออกมาจากสามัญชนคนทั่วไป ความงามราวภาพวาดอันเลอค่านี้ เปรียบเสมือนจิตกรผู้เขียนภาพผ่านปลายพู่กันมีความปรารถนาจะร่ายมนต์สะกดให้ กรุงเทพฯ หยุดนิ่งไว้ มิให้เปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ตามยุคสมัย หยุดนิ่งไว้และเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ภายนอกทั้งปวง ถึงแม้ว่าอาณาเขตโดยรอบหรือสังคมรอบข้างได้ก้าวเดินไปข้างหน้า เกิดการยกระดับและพัฒนาเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นพลวัตไปมากแล้วก็ตามที

“ราชดำเนินน่าเดินเพลิดเพลิน เรียบร้อยพราวพรรณ สมนามสำคัญเฉิดฉันอำไพ
แสงไฟแสงโคมเล้าโลมฤทัย ทั้งเมืองวิไลคล้ายยามทิวา

ยอดปราสาทเป็นชั้นเป็นเชิง เหมือนลอยระเริงเล่นเหลิงนภา เหมือนดังจะเย้ยดวงดารา
เป็นเพราะจันทร์ผ่องพรรณฉายมา จึงวาววับตายิ่งพาเคลิ้มใจ

ยอดมณฑปช่อฟ้าตระการ สำเริงสำราญสถานเวียงชัย เหมือนเมืองสวรรค์ของชาวไทย
ชนทั้งเมืองรุ่งเรืองวิไล ถ้วนทั่วทุกวัยเลิศจริงหญิงชาย”

ส่วนหนึ่งของบทเพลง กรุงเทพฯ ราตรี ประพันธ์คำร้องโดย แก้ว อัจฉริยะกุล


บรรดาผู้อาศัยในเมืองแห่งนี้ ได้บังเกิดขึ้นมาอย่างพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุข ดั่งฟ้าบันดาลดล ประทานพรและอำนวยชัยให้ ต่างก็ใช้ชีวิตอย่างสำราญรื่นเริงและเสพสุขอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ดั่งล่องลอยไปตามเส้นขอบฟ้าเพื่อชื่นชมความงามของดวงจันทร์และดวงดาราอันมากมาย ได้รับการขนานนามว่าเป็น ศูนย์กลางแห่งจักรวาลที่เชื่อมโยงจักรภพทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกัน เป็นจุดยึดเหนี่ยวที่มีแรงหมุนมหาศาลในการดึงดูดดวงดาวนับล้านให้มาโคจรโดยรอบ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมในโลกออนไลน์ได้เกิดการอภิปรายโต้แย้ง เกิดวิวาทะและความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมือง จนเกิดวาทกรรมประดิษฐ์แปลกใหม่ขึ้นมาอธิบายให้ความหมาย จนบางครั้งก็มีลักษณะย้อนแย้งในตัวเอง แต่ก็มีทัศนคติบางอย่างแฝงอยู่ การถกเถียงในครั้งนี้ได้สร้างความฉงนงงงวยอย่างน่าสงสัยในตรรกะและเหตุผลที่ยกขึ้นมาเพื่อสนับสนุนส่งเสริมหรือโต้แย้งคัดค้าน จากสภาพสังคมและสภาวะแวดล้อมหลายประการจึงได้ก่อรูปสร้างตัวและหล่อหลอมกลุ่มคนผู้อาศัยในถิ่นนี้ ให้แสดงออกถึงพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างการกระทำและคำพูด ซึ่งมีข้อเท็จจริงบางอย่างแอบแฝงอยู่ภายในจิตใต้สำนึกในจุดที่ลึกที่สุดอันประมาณการมิได้

เหตุอันใดชาวเมืองศิวิไลซ์จึงมีมโนทัศน์และความภาคภูมิใจถึงความมีตัวตน มีเอกลักษณ์โดดเด่นและไม่เหมือนใคร นั่นเพราะความมีบทบาทนำในแง่ของอำนาจทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกลุ่มชนชั้นนำเหล่านี้มักจะเป็นผู้ที่มีความปราชญ์เปรื่องเรื่องการศึกษา มีสถานะทางสังคมชั้นสูง อยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานระดับแถวหน้า มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทันสมัยตามวิถีทางของระบบทุนนิยมสากล อันประกอบไปด้วยผู้ดีทางชนชั้น นายทุนผูกขาด นักวิชาการอนุรักษ์นิยม ชนชั้นนำรุ่นใหม่ กลุ่มคนผู้อาศัยดั่งเดิม กลุ่มคนผู้ประสบความสำเร็จที่อพยพโยกย้ายถิ่นฐานมาจากต่างจังหวัดที่ถูกกลืนไปกับระบบ รวมถึงกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์จากการอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ค้ำจุน กล่าวโดยรวมมีลักษณะที่เพียบพร้อมไปด้วยชาติวุฒิ คุณวุฒิ และวัยวุฒิ

กลุ่มคนเหล่านี้ คือ ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์ในการเข้าถึงและตักตวงทรัพยากรส่วนกลางที่เป็นของสาธารณะได้โดยง่าย ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด การแย่งชิงโอกาสในการจัดสรรทรัพยากรนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อดูดซับผลประโยชน์ส่วนเกินทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งถ่ายโอนความมั่งคั่งจากส่วนรวมมาสู่ส่วนตน และยังสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์จากโครงสร้างทางสังคมในแบบเก่า จึงก่อให้เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสทางสังคมที่สูงขึ้น และกำไรส่วนเกินอันเกิดจากการเบียดบังดอกผลจากส่วนรวม ทำให้คนกลุ่มนี้หวงแหนและต้องการรักษาไว้ซึ่งสิทธิพิเศษตลอดไป ทั้งยังไม่ต้องการให้เกิดการเผื่อแผ่แบ่งปันไปสู่คนหมู่มาก

หรืออาจกล่าวได้ว่า สิทธิ์แห่งบุคคลย่อมไม่เท่าเทียมกันมาตั้งแต่กำเนิด สิทธิ์แห่งบุคคลย่อมแตกต่างกันตามลำดับชั้นวรรณะ สิทธิ์แห่งบุคคลย่อมเป็นไปตามอาภรณ์ที่สวมใส่ ดังนั้นจึงไม่ยินยอมที่จะสละหรือกระจายส่วนแบ่งความเจริญ ความมั่งคั่ง ออกไปอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันสู่คนส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน

เหตุและผลที่เป็นแนวคิดพื้นฐานและมีความหมายอย่างง่ายที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ไม่สามารถนำมาอรรถาธิบายให้กับคนกลุ่มนี้ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการบัญญัติศัพท์และวาทกรรมใหม่ไว้ใช้เฉพาะ และถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีความรอบรู้สูงส่งทางปัญญาและมีศีลธรรมมากเพียงใด แต่ก็มักมีข้ออ้างที่ยกเว้นไว้เพื่อการประพฤติผิดหลักคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งข้อยกเว้นเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์แวดล้อม จากมโนสำนึกอันตื้นเขินและคับแคบนี้ถึงแม้ว่าจะมีระดับขีดความสามารถทางปัญญามากเพียงใด แต่ก็ยอมตกอยู่ใต้อาณัติของบรรดาคำสอนจากผู้ปกครองรุ่นเก่า ที่มุ่งมั่นฟื้นฟูอุดมการณ์และสร้างอัตลักษณ์ทางสังคมที่ไม่เคยมีอยู่จริง ให้กลับไปเป็นสังคมย้อนยุคในอุดมคติเพื่อกลบเกลื่อนความจริงอันเจ็บปวดในปัจจุบัน

การตกอยู่ใต้อาณัติของชนชั้นปกครองได้ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ไม่กล้าที่จะท้าทายแนวคิดในโลกใบเก่าหรือความเชื่อตามจารีตประเพณี เพราะถูกสอนให้เชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม กระทั่งถูกกดทับและครอบงำโดยรัฐ จนไม่สามารถเปิดรับแนวทางใหม่ตามแบบแผนโลกาภิวัตน์ได้ ไม่กล้าตั้งคำถามกับสิ่งที่ชวนให้สงสัย ไม่กล้าค้นหาคำตอบอย่างปุถุชนคนธรรมดาที่มองโลกด้วยความเที่ยงแท้และเป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดการงมงายในความเชื่อแบบจารีตอย่างมิเสื่อมคลาย เสมือนหนึ่งถูกกล่อมเกลาจนหลับใหลและชวนเชื่อให้สร้างฝันอันหอมหวาน จนยากแก่การตื่นขึ้นมารับแสงสว่างในยามรุ่งอรุณของเช้าวันถัดไป

ความเป็นไทยในจินตนาการได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือและกลไกที่ทรงพลานุภาพ ถูกตอกย้ำและปลูกฝังกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ว่า ให้เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวมภายใต้การกำกับดูแลของชนชั้นสูงและผู้นำที่เก่งกาจ จากการยึดมั่นและถือปฏิบัติอย่างนี้เป็นสรณะแล้ว จึงปิดกั้นตัวเองออกจากสังคมภายนอกโดยปริยาย และหากมีสิ่งใดเข้ามากระทบที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดฝันหรือแปลกแตกต่างไปจากเรื่องราวและความเชื่อดั่งเดิมแล้ว ก็จะเกิดการปฏิเสธและต่อต้านขึ้นมาทันที โดยตกอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองทางปัญญาไม่ได้ ไม่สามารถจัดการกับปัญหาความแตกต่างได้ ไม่สามารถไตร่ตรองหาสาเหตุหรือเหตุผลมาอธิบายปรากฎการณ์ความก้าวหน้าทางสังคมที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนระบบประสาทได้เกิดการฝ่อลงอย่างฉับพลัน พร้อมกับหลักการและเหตุผลที่ควรจะเป็น เราจึงมักได้ยินสำนวนที่ว่า เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัดหรืออาบน้ำร้อนมาก่อน นั่นก็แสดงให้เห็นถึงกรอบที่ถูกขีดเส้นไว้ไม่ให้เดินออกนอกแนวทางที่ยึดถือและปฏิบัติมาช้านาน และหากเดินออกนอกกรอบก็จะถูกมองว่าเป็นศิษย์คิดล้างครู ดังนั้นจึงยินยอมผูกรัดตัวเองด้วยความเต็มใจ ยินยอมถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนทางจิตวิญญาณ ยินยอมอยู่ในกรงขังทางปัญญาด้วยความปรีดีตลอดไป

คุณลักษณะพิเศษที่ทำให้กลายเป็นกลุ่มคนสายพันธุ์ใหม่ ได้แก่

- ปัจเจกนิยมที่มีความสุขล้นเกิน จนทนความลำบากไม่ได้ และไม่สนใจสังคมรอบข้าง

- มองโลกแต่ด้านดีไม่มีที่ติ จึงชอบคนดีแต่พูด หลอกตัวเองและไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง

- อภิสิทธิ์ชนที่ยังคงมุ่งแสวงหาสิทธิพิเศษเพื่อประโยชน์ส่วนตนและเอาเปรียบคนรอบข้าง

- ใจร้อน หวือหวา วูบวาบตามกระแส ไม่ทันยั้งคิด และใช้ชีวิตแบบไม่ยั่งยืน

- ดำรงชีวิตไม่ไกลเกินรถไฟฟ้าและศูนย์การค้า

- ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง หน้าไหว้หลังหลอก ซุบซิบนินทาเป็นกิจวัตร

- คิดเหมือนกันได้ แต่คิดต่างไม่ได้

- ชอบโต้แย้งเพื่อเอาชนะ แต่มักหาสาระไม่ได้

- เชื่อฟังคำบอกเล่า จนค้นคว้าเองไม่เป็น

- ว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าคิดไม่กล้าถาม แต่พร้อมทำตามเสมอ

- หลงลืมประวัติศาสตร์ มุ่งสนใจปัจจุบัน ละทิ้งภาพอดีต จนมองไม่เห็นอนาคต

- นักเรียนนอก หัวคิดทันสมัย แต่นิยมวัฒนธรรมหมอบกราบแบบเจ้าขุนมูลนาย

- การศึกษาสูงแต่จิตใจคับแคบ เรียนเยอะปริญญาแยะ แต่ชอบเรียนแบบง่ายและจบเร็ว

- ตาดูดาวมองหาความทันสมัย แต่เท้าไม่เคยติดดิน เพื่อเรียนรู้รากเหง้าแห่งตน

- นำเข้าทางความคิด แต่ละทิ้งความหมายเดิม พร้อมทั้งบัญญัติความเป็นไทยไปแทนที่

- ยึดมั่นคุณธรรม แต่ดูถูกคนชั้นล่าง

- มืดบอดทางความคิด พร้อมยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง

- เน้นสายสัมพันธ์ทางตระกูลและเครือข่ายพวกพ้อง

- ยกย่องทรัพย์สินและความร่ำรวย โดยไม่คำนึงถึงแหล่งที่มา

- เชิดชูผู้ที่อยู่สูงกว่า แต่เหยียบย่ำผู้ที่อยู่ต่ำกว่า

- ชอบการสรรเสริญเยินยอ ยกย่องชื่นชม แต่ไม่พร้อมรับฟังเหตุผลและข้อเท็จจริง

- มองคนแค่เปลือกนอก ชื่นชอบแต่กระพี้ และไม่มีแก่นสารในชีวิต

- เน้นภาพลักษณ์ที่ดูดี แต่หาสาระที่แท้จริงไม่ได้

- มุ่งสร้างสัญลักษณ์ ชมชอบแบบแผนธรรมเนียมปฏิบัติ และพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

- นิยมกฎหมู่โดยไม่สนใจกฎหมาย เลือกปฏิบัติเป็นอาจิณ ย่อหย่อนการบังคับเฉพาะพวกตน แต่เข้มงวดต่อคนรอบข้าง

- บุญกรรมตามวาสนา จงยอมรับโดยดุษฎี

- ไม่ยอมรับการเลื่อนสถานะของคนระดับล่าง

- ความถูกต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและมุมมอง

- จะถูกจะผิดไม่ว่า ขอให้ถูกใจเอาไว้ก่อน

- หนึ่งคนมีหลายสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับชนชั้นตามกำเนิด

- ผู้หยั่งรู้ประชาธิปไตย แต่ตื้นเขินการปฏิบัติ

- ภูมิใจที่อาศัยอยู่ในศูนย์กลางความเจริญ และเชื่อตามกันว่า กรุงเทพคือประเทศไทย


ด้วยอคติและความเกลียดชังที่ไร้เหตุผล อย่างเช่น การผลิตซ้ำวาทกรรมที่ตอกย้ำอัตตาแห่งตน พร้อมทั้งกีดกันคนกลุ่มอื่นให้ไปเป็นคนชายขอบแห่งผลประโยชน์ ทำให้เกิดความมืดบอดทางปัญญาและความมืดมนทางความคิด จนกระทั่งไม่สามารถหลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ทั้งปวงได้

อย่างไรก็ตาม จากมุมมองอันคับแคบเช่นนี้จึงจำกัดการรับรู้ของตนเองเพียงแค่ด้านสว่างและด้านมืด ความดีและความไม่ดี อิสระเสรีและการยึดติดในกรอบ การทำเพื่อส่วนรวมและการทำเพื่อส่วนตน จึงไม่มีที่ว่างตรงกลางไว้สำหรับความหลากหลายทางสังคม เหรียญมีเพียงแค่ 2 ด้าน แต่ประวัติศาสตร์มีได้หลายมุมมอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดยืนและระยะทาง ขึ้นอยู่กับหลักฐานและการตีความ

ในท้ายที่สุดแล้ว สังคมศักดินาอนุรักษ์ทุนนิยมของสยามประเทศหรือผู้อาศัยในเขตแดนของประเทศกรุงเทพนี้ อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการอภิวัฒน์ทางปัญญาเพื่อนำไปสู่วิทยาการสมัยใหม่ที่สร้างสรรค์ การเปลี่ยนแปลงจากภายในไปสู่ภายนอกในโลกทัศน์ใบใหม่ที่เปิดกว้างสำหรับชนทุกชั้น

การสถาปนาบริบททางสังคมตามสภาพความเป็นจริงเพื่อรับมือกับความผันผวนปรวนแปรและความไม่แน่นอนในโลกยุคปัจจุบัน จะเป็นการนำพาสังคมโดยรวมไปสู่ความสว่างไสวและรุ่งโรจน์ ก่อให้เกิดความมั่นคงและมั่งคั่งอย่างมีประสิทธิภาพและเสมอภาค ซึ่งจะทำให้ชนทุกชั้นในสังคม ได้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันอย่างมีเมตตาธรรมและมีความสงบสุขตราบนานเท่านาน