วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 10, 2558

รัฐนาวาลำใหม่....ส่อแววล่ม


ที่มา เดลินิวส์
วันจันทร์ 9 กุมภาพันธ์ 2558

ควันไฟแห่งความขัดแย้งของรัฐนาวาลำนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มควันไฟ แต่ยังแฝงไปด้วยเปลวไฟ ที่พร้อมพรวยพุ่งแปลเปลี่ยนเป็นระเบิดลูกใหญ่ ด้วยซ้ำไป

เศรษฐกิจจานร้อนสัปดาห์นี้... มีเรื่องร้อน ๆ ของรัฐบาลมาเสริฟทานผู้อ่านกันล่ะค่ะ หลังนายท้ายเรือ “บิ๊กตู่” กำลังคัดท้ายเรือแบบตุปัดตุเป๋

แหม แหม แหม!!จะไม่ให้นายท้ายเรือคนนี้ คัดเรือเป๋ไปเป๋มา ได้ยังไงกันล่ะ ก็บรรดาฝีพายของนายท้าย ต่างออกอาการไม่สามัคคีกันแล้วสิคะ

ยังไม่ทันครบปี ก็มีอาการกันซะแล้ว สาเหตุที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร เวลานี้ก็มีแต่ “เค้าเล่าว่า”ช่างเถอะค่ะ ของอย่างนี้ เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์!

แต่ว่าอาการของการแตกสามัคคีครั้งนี้ อย่าให้มาถูกมากระทบประชาชนคนไทยตาดำ ๆ ก็เพียงพอแล้ว กลัวแต่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมา คนไทยจะกลายเป็นผู้รับกรรมไปน่ะสิคะ เพราะเวลานี้ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ กันอยู่แล้ว เงินทองที่ได้ แม้เพิ่มขึ้นบ้างจากรัฐบาลชุดก่อน แต่ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายสารพัดที่แพงลิบลิ่ว แถมบรรดาค่ารถทั้งแท็กซี่ ทั้งรถเมล์ ต่างดาหน้ากันขึ้นราคา ทั้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าข้าวแกง ก็ยังไม่ยอมลดราคาอาหาร ดังนั้นเงินที่ได้เพิ่มนิดหน่อย เทียบกับค่าใช้จ่ายไม่ได้สักนิด

เห็นกันชัด ๆ จากเรื่องของราคายางพารา ที่“นายท้ายบิ๊กตู่”อุตส่าห์ยืนยันแล้วยืนยันอีก ว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาและช่วยทุกทางเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยาง ขายยางได้ในราคา 80 บาท แม้ว่าตัว “บิ๊กตู่” เอง รู้อยู่เต็มอกว่า ปัญหาของยางพารานั้น มีอะไรแฝงไว้แอบไว้อยู่เบื้องหลัง จึงทำให้แผนทั้งหมดที่ทำไว้เพื่อผลักดันให้ราคายางพุ่งไปตามที่ต้องการ ล้มลงไม่เป็นท่า

ด้านฝีพายของบิ๊กตู่บางคน กลับออกมาบอกว่า “ฝันไปเถอะ” แหม...ใครก็ใครล่ะ หากเลือดไม่ขึ้นหน้า เวลานี้ ก็เรียกได้ว่า เข้าถึงคำสอนของพุทธองค์อย่างแท้จริง แต่ดูทรงแล้วคงไม่บังเกิดแน่นอน

หรือจะเป็นเรื่องราวของการฟื้นชีพเศรษฐกิจ ที่อีกฝ่าย!ก็คุยนักคุยหนาว่า ผลของการอัดฉีดเงินเข้าระบบ กำลังออกดอกออกผลอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนแรกของปี ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์กันทีเดียว

แต่ถ้ามาดูเรื่องราวของการส่งออกแล้ว หากผลักดันให้ได้ดั่งที่ใฝ่ฝันไว้นั้น คงไปไม่ถึงดวงดาวแน่นอน เพราะเจอมรสุมของเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ดีถาโถมเข้าใส่ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่เบิ้ม อย่างสหรัฐฯ แม้ฟื้นตัวก็จริง แต่ฟื้นแบบไม่แข็งแรง เช่นเดียวกับยุโรป ที่ยังมีปัญหาเช่นเดียวกับญี่ปุ่น หรือแม้แต่เมืองจีน ยักษ์ใหญ่แห่งซึกโลกตะวันออก ก็เซซวนไปเหมือนกัน

ดังนั้นโอกาสของการส่งออกที่จะเติบโตได้ถึง4%แทบมองไม่เห็น!!!

เล่นมาพูดแบบนี้ ใครที่ชอบคิดลึกกันสักหน่อย คงมองกันออก เหน็บแนมกันซะขนาดนี้ แต่เชื่อได้ว่า ทางการเมือง...เค้าคิดกันอย่างไร อีกไม่นานคงได้เห็น “เรือแตก”

อาการแบบนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มตั้งคณะรัฐบาลกันแล้ว โดยเฉพาะการเลือกที่นั่งของบรรดารมต.ทั้งหลาย ณ เวลานี้ เหลือแค่เพียงรอเวลา “น้ำเซาะ” ให้ชิ้นส่วนของเรือเริ่มทะยอยแตกออกจากกันก็เท่านั้น

อาการที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่นายท้ายบิ๊กตู่ ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ด้วยที่มาที่ไม่ได้มาจากระบอบที่เป็นสากล การเชื้อเชิญใครมาช่วยงาน ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน อยู่ดี ๆ จะไปเปลี่ยนตัวคนทำงาน ไม่ใช่เหตุผลสมควร จึงต้องใช้วิธีอื่นขึ้นมาแทน อย่างเช่นเรื่องราวของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ "คสช." หากใครไม่รู้ มองกันทั่ว ๆไป น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะได้ช่วยกันทำงาน

แต่ในเบื้องลึก!กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องราวของการ “ไล่บี้ไล่จิก”ให้งานทุกอย่างเดินหน้า เพราะรู้อยู่แล้วว่า หากมีแต่นโยบาย ต่อให้ดีแค่ไหน แต่ไม่มีใครทำ ไม่มีใครคอยผลักคอยดัน ย่อมไม่บังเกิดผลแน่นอน การนับเวลาถอยหลังสู่คำว่า“เสียของ”คงเกิดขึ้นแบบติดจรวดกันทีเดียว

จะว่าไปแล้ว...ควันไฟแห่งความขัดแย้งของรัฐนาวาลำนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มควันไฟ แต่ยังแฝงไปด้วยเปลวไฟ ที่พร้อมพรวยพุ่งแปลเปลี่ยนเป็นระเบิดลูกใหญ่ ด้วยซ้ำไป เพราะไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ไม่ตรงกัน หรือการทำงานที่ไม่เข้าพวก ไม่มีพวก กลับกลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงคนไทยทั้งประเทศ

ในเมื่อรับอาสาเข้ามาพลิกฟื้นประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากระบอบที่หลายคนเกลียดชังแล้ว ก็ช่วยไม่ได้ที่รัฐนาวาลำนี้ต้องดูแลคนไทยในทุกระดับให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพียงแค่ฝีพายของนายคัดท้าย ยอมลด “อัตตา” กันลงมาบ้างก็เท่านั้น!!

---------------------------------------------------------------

คอลัมน์ :เศรษฐกิจจานร้อน

โดย"ช่อชมพู"