วันอาทิตย์, ตุลาคม 05, 2557

และแล้ว...งานนี้ไม่มีแพะ มั้ง




และแล้ว ตำรวจไทยก็สามารถคลี่คลายคดีฆ่าป่าเถื่อนเมื่อกลางเดือนกันยายน สองนักท่องเที่ยวหญิงชายชาวอังกฤษตายอนาถบนเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี ได้ภายในเวลาเพียงสองอาทิตย์กว่าๆ

เมื่อท่านว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แถลงแก่สื่อมวลชนว่าชาวพม่าสองคนรับสารภาพเป็นผู้กระทำ ตรงตามที่ตำรวจคาดหมายไว้แต่แรกเริ่ม

หลังจากที่ท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความฮือฮาแก่ชาวโลก โดยเฉพาะญาติพี่น้องและมิตรร่วมชาติพันธุ์ของสองผู้ตาย ด้วยคำสัพยอกอย่างแสบสันต์ว่าบางทีผู้หญิงฝรั่งสาวๆ สวยๆ นุ่งบิกินีเดินชายหาดก็อาจชวนเชิญให้เกิดการข่มขืนขึ้นได้

มิใยใครต่อใครที่มิได้มีจิตใจเป็นไทยๆ พอเพียง พากันปรามาสไว้ว่างานนี้ได้แพะแหงๆ ก็ตาม

มิใยที่ชายไทยซึ่งเป็นเชื้อไขครอบครัวอิทธิพลบนเกาะสองคน อันเพื่อนผู้ตายคนหนึ่งโวยวายผ่านสื่อสังคมว่าน่าจะมีเอี่ยวรู้เห็น กลับหลุดข้อสงสัยไปได้ด้วยการไม่ยอมให้ตำรวจจับตรวจพันธุกรรม-ดีเอ็นเอ

มิใยที่ชาวต่างชาติเพื่อนผู้ตายควรจะมีโอกาสให้ปากคำโดยตรงแก่ตำรวจ กลับต้องระเห็ดหนีแทบไม่ทันเพราะการข่มขู่จะฆ่าปิดปากจากเสียงตามสายของ ผู้ยิ่งใหญ่ คนไทยท้องที่ แถมยังโดนใส่ไคล้ให้เป็นผู้ต้องหาเสียเอง อ้างว่าเป็นการหักสวาทของแวดวงรักร่วมเพศ

มิใยที่ญาติผู้ตายซึ่งอาจได้เบาะแสจากชุมชนฝรั่งบนเกาะให้ข้อมูลแก่สื่ออังกฤษพอสันนิษฐานได้ว่า นายเดวิด มิลเลอร์ เหยื่อสังหารโหดวัย ๒๔ ปีอาจตายเพราะพยายามเข้าไปช่วยเหลือสาวคนรัก แฮนน่า วิทเธอริดจ์ วัย ๒๓ ปี ที่โดนข่มขืนทำร้ายหน้าเละ ก็เป็นได้

อย่างไรก็ดีตำรวจไทยภายใต้บังคับบัญชาของท่านว่าที่ฯ ก็ได้คำสารภาพจากสองพม่าหนุ่มนามวิน และ ซอ ที่ตำรวจบอกว่ามีดีเอ็นเอตรงกับที่ติดอยู่บนร่างผู้ตาย ทั้งสองถูกนำตัวไปจำลองการกระทำผิดยังสถานที่เกิดเหตุ พร้อมพากันยกมือประนมร้องขอความกรุณาต่อความผิดที่พวกตนยอมรับว่ากระทำไป

แม้นว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยหลักฐานการกระทำความผิดใดๆ (ซึ่งในอารยะประเทศผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มักแถลงเอง ไม่งั้นทนายจำเลยเป็นคนนำมาชี้แจง) มีเพียงถ้อยแถลงของท่านว่าที่ฯ เท่านั้นว่าผู้ต้องหาสารภาพ

เมื่อนักข่าวซักถามตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล ว่าได้มีการตั้งทนายแก้ต่างให้แก่จำเลยหรือยัง ก็ได้คำตอบจาก พล.ต.อ.สมยศ ว่า อ้าว ก็มันไม่ขอเองนิ ไม่งั้นก็จัดทนายให้แล้ว

เป็นผลให้เกิดการวิจารณ์กันขรมเชียวละว่า อันนี้แสดงความเข้าใจที่คับแคบในเรื่อง สิทธิ’ ของคนระดับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ผู้ต้องสงสัยจะเป็น ต่างชาติ’ หรือ ไทย’ ก็แล้วแต่ เขาอาจไม่ตระหนัก’ ว่าตัวเองมีสิทธิติดต่อกับทนายความ ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ (มาตรา 40 ‘บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม’) และกฎหมายระหว่างประเทศ (ข้อ 14 ICCPR สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม - Right to fair trial)”

คุณ Pipob Udomittipong ผู้ซึ่งคล่องแคล่วด้านกิจการต่างด้าวกล่าวเพิ่มเติมไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ในอเมริกาและประเทศที่เขามีหลักนิติธรรมตั้งมั่น ถ้าท่านในฐานะ law enforcement officer ไม่แจ้งสิทธิพื้นฐานของผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา (รวมทั้งสิทธิที่จะไม่ให้การอันเป็นปรปักษ์กับตนเอง) พยานหลักฐานที่ท่านได้มันใช้ในศาลไม่ได้ (inadmissible)

ไม่ต้องแปลกใจที่รอยเตอร์เขาปรามาสต่อไปว่า ที่ผ่านมาตำรวจไทยเก่งเรื่องยัดข้อหาให้แพะที่พูดไทยไม่ได้ อย่างกรณีคุณ Kirsty Jones ซึ่งเป็นอังกฤษเหมือนกันและถูกฆ่าตายที่เชียงใหม่เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตำรวจไปเอากะเหรี่ยงมาซ้อมให้เขารับสารภาพ แต่จนทุกวันนี้ก็สั่งฟ้องใครไม่ได้สักคน

เหตุที่เขาวิจารณ์กันขนาดนี้ใช่จะไม่มีที่มา และ/หรือที่ไป ต้องลองฟัง (อ่าน) ข้อเขียนของฝรั่งอีกเช่นกัน (ก็เขาเป็นชนชาติเดียวกับผู้ตาย) โดยหน้าบล็อกของนายแอนดรูว์ ดรัมมอนด์ ผู้สื่อข่าวดิ อี๊ฟเวนิ่ง สแตนดาร์ด เล่าว่า

กว่าจะได้ตัวพม่าผู้รับสารภาพทั้งสอง ตำรวจไทยตามล่าหาความจริงกันพอดู นอกจากไล่ตรวจดีเอ็นเอผู้ชายทั้งหมดบนเกาะ (ยกเว้นสองคนที่ปฏิเสธ) แล้วยังมีการสนธิกำลังไปล้อมจับพม่าชาวเลกลุ่มใหญ่ ได้ตัวมา ๖ คน เผ่นหนีไปได้ ๓ คน

หกคนที่ถูกจับนี่ถูกสอบสวนถึงพริกถึงขิง ประมาณความตามสำนวนอังกฤษว่า “Three migrants from the six migrants caught were physically beaten and their bodies scolded through pouring over hot boiling water as a means to get information about the three people who had run away from the police arrest.”

ถ้าจะขยายความตามพจนะอักขระของคุณ Pipob Udomittipong ก็ได้อีกว่า ฝรั่งบอกตำรวจจับแรงงานพม่ามาซ้อมให้รับสารภาพ ถึงขั้นลวกด้วยน้ำร้อน แต่ที่ผ่านมาคนงานพม่าเหล่านี้ไม่มีใครหนีออกจากเกาะ เพราะเชื่อว่าถึงตำรวจจับไปตรวจดีเอ็นเอ มันก็ไม่ตรงอยู่ดี เพราะเขาไม่ได้ทำ

("Most Burmese stayed on the island because although they were scared of the Thai police they knew their DNA could not match," said a Burmese migrant contacted by mobile phone.”)

เป็นอันว่าพม่าสามคนถูกซ้อมแล้วก็ยังไม่อาจสารภาพ แต่พวกเขาก็หลุดข้อหามาได้เมื่อให้การปรักปรำเพื่อนแรงงานพม่าอีกสามคนที่หนีการจับกุมครั้งแรกไปได้ มีรายละเอียดที่หลบซ่อนจนตำรวจตามไปรวบตัวได้ถึงสุราษฎร์ธานีและที่ในป่า หนึ่งในนั้นทั้งดีเอ็นเอและหน้าตาไม่เข้าข่ายคนร้ายจริงจึงหลุดไป เหลือสองคนตรงเผงตามสเป็คที่เด็กของท่านว่าที่ฯ วาดไว้

แต่กระนั้นคดีอื้อฉาวที่ทำให้ประเทศไทยจะต้องสูญเสียนักท่องเที่ยวประเภทแบ็คแพ็คต่อไปอีกหลายเดือนหรือหลายปีก็ยังใช่ว่าจะปิดลงง่ายๆ ในเมื่อนอกจากชุมชนแรงงานพม่าจะยันว่าผู้ต้องหาทั้งสองต้องเป็นแพะแน่ๆ ไม่ใช่คนฆ่า The migrant community very upset as they believe the three migrants have been framed for the murders.”  แล้ว

ท่านรอง/ว่าที่ ผบ. ตร. ยังปล่อยถ้อยเปรอะออกมาอีกว่า ตำรวจพบหลักฐานสำคัญในการฆาตกรรมครั้งนี้ คือโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวผู้ตาย ไปตกอยู่ใกล้ที่พักของจำเลยพม่าคนหนึ่ง ทว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมอันนี้ผู้ตายไม่ได้พกพาไปกับตัวในคืนเกิดเหตุ เธอฝากไว้กับเพื่อนหญิงชาวอังกฤษด้วยกันคนหนึ่ง

ครั้นเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นแล้วใหม่ๆ ตำรวจได้ไปซักไซร้เอารายละเอียดหมายเลขและทะเบียนโทรศัพท์ของแฮนน่าจากเพื่อนหญิงคนนี้ เธอจึงได้นำโทรศัพท์เครื่องนั้นไปมอบไว้ให้กับตำรวจตั้งเกือบสองอาทิตย์มาแล้ว ไฉนท่านว่าที่ฯ รู้ดีกว่าบอกว่าเพิ่งพบที่บ้านจำเลยล่ะ

เรื่องมันเกิดโอละพ่อด้วยประการฉะนี้ ท่านว่าที่ฯ จะอ้างว่างานยุ่งเหมือนท่านนายกฯ ตอนเป็นผู้นำเต็มขั้น ต้องถ่างขาหลายเก้าอี้ เลยพูดอะไรไวกว่าความคิดคำนึงไป บ้างไหมนี่