วันอังคาร, กันยายน 09, 2557

ปธ.ทีดีอาร์ไอ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ติงปปช. ไม่ควรอ้างถึงงานวิชาการของทีดีอาร์ไอในฐานะที่เป็น “หลักฐาน” ในการตัดสินกล่าวโทษผู้ใด


ที่มา FB Somkiat Tangkitvanich

มีการวิพากษ์วิจารณ์ และมีการสอบถามกันเข้ามาพอสมควรต่อเรื่องที่ ปปช. อ้างงานวิจัยของทีดีอาร์ไอ ในการกล่าวโทษอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ในโครงการจำนำข้าว โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อความเห็นที่แตกต่างระหว่างอัยการสูงสุด กับ ปปช. ทำให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่

อันที่จริง อาจารย์นิพนธ์ พัวพงศกร เพื่อนร่วมงานของผมที่ทีดีอาร์ไอ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว และเป็นเจ้าของงานวิจัยดังกล่าว ก็กำลังเตรียมที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อสาธารณะอยู่ แต่ผมเห็นว่า การอภิปรายกันในสังคม โดยเฉพาะในโลกออนไลน์เริ่มจะสับสนมากขึ้น โดยเนื้อหาบางส่วนก็พาดพิงมาถึงทีดีอาร์ไอในแง่มุมต่างๆ ผมจึงอยากอธิบายสั้นๆ กับเพื่อนๆ ว่า ทีดีอาร์ไอทำอะไร เพื่ออะไร และอธิบายว่างานวิชาการแตกต่างจากงานไต่สวนอย่างไร

ก่อนอื่น ผมขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า โดยส่วนตัว ผมเห็นด้วยกับอาจารย์นิพนธ์อย่างยิ่งว่า นโยบายจำนำข้าวเป็นนโยบายที่มีปัญหามาก เพราะไม่ได้ช่วยคนจนอย่างตรงจุด ทำลายกลไกตลาดค้าข้าวซึ่งทำงานได้ดีพอใช้จนแทบจะเสียหายไปหมด และทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นในวงกว้าง ซึ่ง ปปช. ควรต้องไต่สวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ

ประเด็นสำคัญที่ผมอยากสื่อสารก็คือ ทีดีอาร์ไอเป็นสถาบันวิจัยด้านนโยบาย หน้าที่ของเราคือ การวิจัยที่มุ่งให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขนโยบายที่มีปัญหา เป้าหมายของทีดีอาร์ไอแตกต่างจากของ ปปช. ที่ต้องไต่สวนเอาผิดกับผู้ทุจริตคอรัปชั่นหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ผมจึงคิดว่า ปปช. ไม่ควรอ้างถึงงานวิชาการของทีดีอาร์ไอในฐานะที่เป็น “หลักฐาน” ในการตัดสินกล่าวโทษผู้ใด เพราะพยานหลักฐานทางวิชาการย่อมมีลักษณะแตกต่างจากพยานหลักฐานในคดีอาญาหรือคดีการเมืองในความรับผิดชอบของ ปปช.

ในความเห็นของผม งานวิชาการอาจจะมีประโยชน์บ้างในการเป็นจุดเริ่มต้นหรือช่วยวางกรอบความคิดในเรื่องซับซ้อนที่ ปปช. ต้องไต่สวน แต่หลักฐานที่จะใช้ได้ในคดีความนั้น ก็เป็นหลักฐานซึ่งมีมาตรฐานในการพิสูจน์คนละอย่างจากหลักฐานทางวิชาการ เช่น งานวิชาการอาจใช้หลักสถิติในการพิสูจน์ข้อสันนิษฐาน ในขณะที่การพิสูจน์การกระทำผิดทางกฎหมาย ก็มีมาตรฐานในกฎหมายกำหนดอยู่ เช่น ต้องมีเจตนา หรือประมาทเลินเล่อ เป็นต้น ซึ่งทางวิชาการมักจะไม่สนใจ เพราะไม่ได้พุ่งเป้าที่จะเอาผิดใคร

ด้วยอำนาจตามกฎหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ ผมเชื่อว่า ปปช. สามารถหาพยานหลักฐานต่างๆ หาตัวคนผิดในโครงการจำนำข้าวมาดำเนินคดีได้ ในขณะที่นักวิชาการไม่ว่าที่ทีดีอาร์ไอ หรือที่ไหนๆ ก็ไม่มีอำนาจไปเรียกใครมาให้ปากคำ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะมุ่งดำเนินคดีกับใคร

ปปช. เป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศ และมีบทบาทหลักในการป้องปรามการทุจริตคอรัปชั่น ผมอยากจะเห็น ปปช. ทำงานอย่างรัดกุมและสื่อสารกับสาธารณะอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่เกินความสามารถและทรัพยากรที่ ปปช. มีอยู่