วันศุกร์, กรกฎาคม 11, 2557

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ : แนวทางการต่อสู้ ของ เสรีไทย


ที่มา FB
แนวคิด ทิศทาง การเดินหน้าสู่ความสำเร็จ
ขององค์การเสรีไทย เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย


แนวทางการต่อสู้ ของ เสรีไทย

แนวทางการต่อสู้ จะยึดหลัก
1. องค์การเสรีไทย จะทำงานด้วยอาวุธ คือ สติปัญญา ความรู้ ความจริง โดยใช้ปาก ใช้ปากกา ใช้หนังสือ ใช้ความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ไปพบผู้นำทุกระดับทุกประเทศ ชี้แจงสถานการณ์ไทยตามหลักการสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม ให้โลกรู้ว่าคนไทยถูกทหาร เจ้าหน้าที่ผู้รับใช้คณะเผด็จการทหาร คสช. ข่มขู่ คุกคามให้หวาดกลัว

2. องค์การเสรีไทย จะทำการชี้แจงผ่าน โซเชียลมีเดีย กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และทั่วโลก ปลุกให้ทุกคนลุกขึ้นสู้กับความกลัว ความกดขี่ เอาเปรียบ โดยเริ่มจากสิ่งที่ทำแล้วไม่กระทบต่อความปลอดภัยของทุกคน

3. องค์การเสรีไทย จะพยายามจัดตั้ง เพื่อขยายกลุ่มคนไทย ทั้งในและต่างประเทศ ให้เข้าใจในแนวทาง และอุดมการณ์ของการต่อสู้ โดย ทุกคนมีอิสระเสรี แต่เป็นแนวร่วมซึ่งกันและกัน อย่าทะเลาะกัน อย่านินทากัน มุ่งเป้าหมายหลักที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียมกัน 1 สิทธิ 1 เสียง ปัญหาของชาติ ต้องแก้โดยประชาชนไทย ตัดสินด้วยเสียงข้างมาก ทุกปัญหา แต่ต้องเคารพเสียงข้างมาก จึงจะเดินหน้าสร้างชาติไทยได้

4. ทุกคนต้องอยู่ใต้กฏหมายเดียวกัน มีสิทธิเสมอภาค เสรีภาพ สามัคคี

เรื่องคุณทักษิณ
คุณทักษิณ คือคนไทยคนหนึ่งที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกดขี่ เช่นกัน องค์การเสรีไทย เราก้าวข้ามที่ต้องฟังทักษิณ และ ตระกูลชินวัตร ไปแล้ว แต่ก็ไม่ทิ้งกัน เพราะเค้าก็ทำความดีมามาก ไม่แตกแยกกัน ใครที่มีอุดมการณ์ตามข้อ 1-4 ก็เป็นแนวร่วมกัน สู้ต่อไปจนชนะ จากความจริง ให้คนไทยตาสว่าง แฉความตอแหลของคณะเผด็จการทหาร คสช. ที่หลอกลวงคนในประเทศไทย

ซึ่งขณะนี้ ทหารและอำมาตย์ ชูประเด็นความรักสามัคคี ที่ผ่านมามีหลายฝ่าย เหลือง แดง จึงใช้อำนาจกฎอัยการศึกข่มขู่ หลอกลวง ทำร้ายกลุ่มประชาธิปไตย ไม่ให้โงหัวขึ้นมาเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ได้ หวังหลอกลวงกดขี่ ให้คนไทยโง่งมงาย ว่าถ้าไม่มีผู้นำที่เป็นเสมือนเทวดา แล้วสังคมไทยจะอยู่ไม่ได้ จะไม่เจริญ ต้องเชื่ออิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์เท่านั้น นอกจากนี้ยังใช้สื่อ นักวิชาการขายตัว อ้างศาสนา ผ่านเฟสบุค ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ของอำนาจเก่า บิดเบือนสถานการณ์ ปกปิดสภาพควาเป็นจริงของสังคมไทย ให้ตกอยู่ภายใต้ อำนาจเผด็จการทหาร

เราต้องแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เข้าใจปัญหา มีอุดมการณ์ร่วมกัน ขยายแนวคิด ติดอาวุธทางปัญญา ให้คนไทยตาสว่าง ขณะนี้ได้ผลมาเกิน 60-70% แล้ว ตั้งแต่ปี 49-57 เมื่อเทียบกับอำมาตย์ปกครองคนไทยมา 700-800 ปี ก็นับว่า สังคมที่เจริญก้าวหน้า (Globalizations) มีอิทธิพลมาก คนไทยตื่นตัว ทำให้กลุ่มอำนาจเก่าเหล่านั้นไม่สามารถจูงจมูกได้อีก

กลุ่มคนที่มีหัวใจรักประชาธิปไตยต้องอดทน ช่วยกันทำงาน แสวงจุดร่วม อีกไม่นานและใช้เวลาอีกไม่มาก สถานการณ์ จะผกผัน เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี อย่างรวดเร็ว เมื่อผู้คนได้พิสูจน์ และประจักษ์แจ้งความจริง การกดขี่ให้กลัว จะทำอยู่ได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น

สังคมต้องหายจากโรคมึนชา สลัดความกลัวออกไป ยึดความจริงเป็นที่ตั้ง คือ งานที่เราช่วยกันทำ

ด้วยความเชื่อมั่นต่อพลังประชาธิปไตยของประชาชน
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ